- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 17 March 2017 17:00
- Hits: 35390
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มตลาดวันนี้ (17/03/60)
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'บวกสดใสตามภูมิภาค แต่ฝรั่งยังขายต่อ'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้เปิดตลาดบวกสดใสสอดคล้องกับตลาดหุ้นภูมิภาค หลังทราบผลประชุมเฟดมีมติขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามคาด พร้อมส่งสัญญาณคาดขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่บวกขึ้น 2.4%DoD หลังเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง รวมถึงนักลงทุนคลายความกังวลผลเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์หลังพรรค PVV ซึ่งมีแนวคิดจะออกจาก EU คาดไม่ได้ชัยชนะ อย่างไรก็ดีแม้ดัชนีจะปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่ม ICT(+2.3%DoD), พลังงาน(+1.3%DoD), ธพ. (+1.3%DoD) หนุนดัชนีปิดตลาดที่ 1,557.05 จุด (+1.1%DoD) ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 56,118 ล้านบาท แต่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่ออีก 1,325 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกนำโดย CAC-40 0.56% DAX +0.61% และ FTSE 100 +0.64% หลังผลการเลือกตั้งที่เนเธอแลนด์ออกมาว่าพรรคนายกคนปัจจุบันชนะการเลือกตั้ง
(+) ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯสัปดาห์ที่แล้วลดลง 2,000 รายมาอยู่ที่ 241,000 ราย และตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 3.0%MoM มาอยู่ที่ 1.29 ล้าน ดีกว่าที่คาดไว้ที่ 1.26 ล้าน
(+) ควีนเอลิซาเบธทรงลงพระปรมาภิไธยต่อร่างกฎหมาย Brexit แล้ววันนี้
(+) ค่าระวางเรือ (BDI) เดินหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 25 จุด (+2.18%) มาอยู่ที่ 1,172 จุด เป็นปัจจัยบวกสำหรับกลุ่มเรือ PSL, TTA
(+) เจโทรเปิดเผยผลสำรวจบริษัทญี่ปุ่นในไทยมีแผนลงทุนเพิ่มในอีก 1-2 ปีข้างหน้ากว่า 50%
(+) กฟผ.เตรียมรื้อ PDP 2015 โดยทำพลังงานทดแทนเพิ่ม 2,000 เมกะวัตต์ หวังเพิ่มสัดส่วนการผลิตของ กฟผ.ให้อยู่ในระดับ 40% ของประเทศ และรักษาเสถียรภาพด้านไฟฟ้า บวกต่อกลุ่ม Renewable Energy
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJIA -15.55 จุด (-0.07%) จากแรงขายในกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพหลังทรัมป์ เสนอให้มีการตัดงบประมาณด้านการวิจัยทางการแพทย์
(-) ราคาน้ำมันดิบ WTI -0.2% มาอยู่ที่ 48.75 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการที่นักลงทุนขายทำกำไรหลังราคาปรับตัวเพิ่มมากในวันก่อน
(-) ราคาถ่านหินปรับลดลงเล็กน้อย 0.7% มาอยู่ที่ 81.10 US/Tons
(-) นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 อีก 1,325 ล้านบาท
(+/-) ราคายางพารา (TOCOM) วานนี้ปิด -1.1% มาอยู่ที่ 284.1 Yen/Kg.
(+/-) KSL รายงานกำไรงวด 1Q60 จำนวน 453 ล้านบาทลดลง 44%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 27%YoY
(+/-) ตลท. อนุมัติให้ APX พ้นเพิกถอนกลับมาเทรดในหมวดพัฒนาอสังหาในวันที่ 27 มี.ค.
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
การพรีวิวงบกลุ่มธนาคารในช่วงปลายเดือน
ยอดขายในงานคอมมาร์ทที่จะระหว่างวันที่ 16-19 มี.ค.
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ ได้แก่ USA ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ. ,EU ตัวเลขดุลการค้าเดือน ม.ค.
กลยุทธ์การลงทุน 'เก็งกำไรสั้น'
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวกรอบแคบ เรามองการฟื้นตัวดีดแรงตามตลาดต่างประเทศวานนี้ จะชะลอความร้อนแรงลงหลังจากที่ตลาดต่างประเทศเริ้มพักตัว เราแนะนำขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้นแรง จากที่ยังมองราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงจะเป็นปัจจัยผลประกอบการในช่วง 1Q60 แนะนำเก็งกำไรกลุ่มที่คาดว่าจะรายงานผลประกอบการโดดเด่น
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
ERW เก็งกำไร
คาดผลประกอบการไตรมาส 1 ฟื้นตัวหลังจากที่ในช่วงไตรมาส 4 ปีก่อนได้รับผลกระทบจากการไว้อาลัย ทำให้งานรื่นเริงและนักท่องเที่ยวลดลง
มองเป็นหุ้นมีความเสี่ยงจากการขายล็อคกำไรจำกัดจากที่+1.7% YTD
ราคาเป้าหมายสูงสุดใน Bloomberg Consensus ที่ 6.50 บาท/หุ้น
AAV เก็งกำไร
คาดช่วงไตรมาส 1Q60 ฟื้นตัวดี QoQ จากลูกค้าจีนกลับมาหลังจากได้รับผลกระทบทัวร์ 0 เหรียญ และปัจจัยในประเทศในช่วง 4Q59 ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง
Hedge ราคาน้ำมันไปราว 70% ลดความเสี่ยงจากตลาดน้ำมันขาขึ้น
ทีมวิเคราะห์