- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 17 March 2017 16:47
- Hits: 5889
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังผันผวนและอ่อนตัวได้ จึงรอซื้อช่วงลบ แล้วเน้นถือรอรอบบวก
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มมีจังหวะแกว่งบวกจริงจังมากขึ้น ตามตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ที่ส่วนใหญ่ขยับบวกได้ดี ตอบรับผลประชุมเฟดที่ออกมาตามคาด เพราะแม้ว่าจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้จริง แต่ประธานเฟดก็ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะต้องเร่งการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงถัดไป จึงทำให้นักลงทุนยังมั่นใจว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 2 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตามในภาคบ่ายวานนี้เราเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรออกมากดดัน SET ทำให้เริ่มขยับบวกได้น้อยลง และผันผวนมากขึ้น
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET มีโอกาสที่จะผันผวนมากขึ้นอีกครั้ง และอาจอ่อนตัวลงได้บ้าง หลังจากรีบาวด์ตอบรับข่าวที่ว่าเฟดน่าจะไม่เร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อย่างที่เริ่มกังวลกัน รวมทั้งดัชนีก็ขยับขึ้นมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์เร็วพอควรด้วย ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ก็เริ่มชะลอการบวกต่อ เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มผันผวนและอ่อนตัวบ้าง จากแรงขายในหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มอ่อนตัวอีกครั้ง จากความกังวลเกี่ยวกับรายงานที่ว่าสมาชิกโอเปกหลายรายยังไม่ได้ลดกำลังการผลิตในระดับที่สัญญาไว้ ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET ยังแกว่งผันผวน และอ่อนตัวลงใหม่ได้ แต่กรอบลบน่าจะเริ่มจำกัดมากขึ้น และยังลุ้นโอกาสแกว่งไต่ระดับขึ้นหาระดับดัชนีตามพื้นฐานที่ 1650 จุดได้ในช่วงถัดไป
กลยุทธ์ : ดังนั้นหลังจากเลือกหุ้นซื้อไปแล้ว เราแนะนำให้เน้นถือเพื่อรอรอบบวกต่อไปได้ แต่ถ้าจะเลือกหุ้นซื้อเพิ่มน่ารอช่วงอ่อนตัว
แนวรับ 1555-1552 , 1550-1546 จุด
แนวต้าน 1560-1562 , 1565-1570 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : MINT, TFG, DTAC(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$816ล้าน นำโดยไต้หวัน US$407ล้าน และเกาหลีใต้ US$302 ขณะที่ไหลออกจากไทย US$38ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางชะลอการไหลเข้าหลังทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐมีแนวโน้มปรับขึ้นอีกในช่วงที่เหลือของปี
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ดอกเบี้ยไทยไม่จำเป็นต้องขึ้นตามเฟด แม้ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ แต่เราคาดกนง.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ทั้งปี เพราะเศรษฐกิจยังฟื้นไม่เต็มที่ เงินเฟ้อไม่กดดัน (เงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นในช่วงนี้เป็นเพราะราคาน้ำมันที่ต่ำใน 1H16) แรงกดดันเงินทุนไหลออกมีน้อยเพราะฐานการเงินไทยแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม กลุ่มธนาคารของไทยได้ sentiment บวกจากการขึ้นดอกเบี้ยเฟดเช่นเดียวกับกลุ่มการเงินทั่วโลก ขณะที่กำไร 1Q17 จะดีขึ้นมาก Y-Y จากตั้งสำรองลดลงและส่วนต่างดอกเบี้ยดีขึ้น หุ้นทีมี upside มากสุดคือ BBL (ราคาพื้นฐาน 210 บาท)
(+) KSL กำไรปกติ 1Q17 (พ.ย.16-ม.ค.17) ตามคาด 314 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนใน 4Q16 แต่ -10% Y-Y เพราะผู้ซื้อรับมอบน้ำตาลช้ากว่าปกติ ทำให้ปริมาณขายน้ำตาล -43% Y-Y แนวโน้มกำไรจะสดใสขึ้นใน 2Q17 (ก.พ.-เม.ย.) เพราะเข้าฤดูส่งออกน้ำตาล และมียอดขายที่เลื่อนรับรู้มาจากไตรมาสก่อน รวมถึงเป็นฤดูหีบเต็มที่ เป็นบวกต่อธุรกิจไฟฟ้าและเอธานอล และจะรับรู้รายได้จากที่ลาวและกัมพูชาซึ่งน่าจะขาดทุนลดลงหรืออาจพลิกเป็นคุ้มทุน เราคาดกำไรปกติปีนี้ +167% Y-Y ยังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 8.30 บาท
(+) HANA เราปรับเพิ่มกำไรปกติปี 2017 ขึ้น 10% เป็นเติบโต 20% Y-Y จากเดิมคาด +10% Y-Y หลังปรับ Product mix ลดสัดส่วนกลุ่ม Computer ลงและเพิ่มกลุ่ม Telecom และ Auto ซึ่งมีคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่งและมีอัตรากำไรสูงแทน เรา Re-rate PE ขึ้นเป็น 15 เท่าจาก 13 เท่าสะท้อนการเติบโตที่สูงขึ้น ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 46 บาทจาก 36 บาท แต่ upside จำกัด จึงลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(+) EA ส.ป.ก.เตรียมสรุปผลสอบสัญญาของโครงการกังหันลมให้รมว.เกษตร 31 มี.ค. นี้ แต่ EA ได้รับสัญญาณที่ดีจากส.ป.ก.ว่าสัญญาเช่าของบริษัทถูกต้อง ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ได้ประโยชน์ ราคาพื้นฐาน 33 บาทรวมโครงทั้งหมดที่มี PPA แล้ว ยังคงแนะนำซื้อ
(0) DRT ปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลก่อสร้าง เราคาดกำไรปกติ 1Q17 +22% Q-Q, +2% Y-Y (แต่กำไรสุทธิคาด -20% Y-Y เพราะ 1Q16 มีกำไรขายที่ดิน) แนวโน้มกำไรปกติทั้งปีคาดโต 17% Y-Y เร่งตัวจากปีก่อนที่โตเพียง 8.6% Y-Y จากการฟื้นตัวของตลาดวัสดุก่อสร้างและกำลังซื้อ รวมถึงตลาดส่งออกโดยเฉพาะ CLMV อย่างไรก็ตาม PE ปัจจุบันที่ 15.2 เท่าและ PEG 0.9 เท่า ถือว่าใกล้เต็มมูลค่า เราประเมินราคาพื้นฐาน 6.30 บาท ราคาหุ้นมี upside 5% จึงแนะนำเพียงถือ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17 มี.ค. - ประชุมติดตามผลการลดการผลิตน้ำมันของผู้ผลิตในและนอก OPEC
22 มี.ค. - ฟิลิปปินส์:ธนาคารกลาง (BSP)ประชุม
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ก.พ.)
23 มี.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (ก.พ.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.พ.)
24 มี.ค. - สหรัฐ:คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (มี.ค.)
27 มี.ค. - ไทย:ดุลการค้า (ก.พ.), TOTเปิดรับข้อเสนอ Beauty Contestของคลื่น 2300MHz
28 มี.ค. - เกาหลีใต้: 4Q16 GDP
29 มี.ค. - ไทย:กนง.ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
- สหรัฐ: Pending home sales (ก.พ.)
30 มี.ค. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.พ.)
- สหรัฐ: 4Q16 GDP (ตัวเลขสุดท้าย)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบโดยมีแรงขายกดดันจากหุ้น กลุ่ม Health care เนื่องจากปธน.ทรัมป์เสนอให้มีการตัดลดงบประมาณด้านการวิจัย และ เพิ่มกฎระเบียบการในผลิต
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้ หลังผลการเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์ระบุพรรค VVD ของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันมีชัยชนะเหนือพรรคคู่แข่ง ทำให้ลดความกังวลด้าน Nexit
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดในแดนบวก ยกเว้นตลาดญี่ปุ่นที่ถูกกดดันจากค่าเงินเยนแข็งค่า
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวอ่อนค่าเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.89-34.95 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 0.11 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.75 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในระดับสูง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 26.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,227.10 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงภายหลังเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ยตามคาด และ ส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอย่างค่อยเป็นค่อยไป
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch