WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Asiawealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

 

     หลายเหตุความไม่แน่นอนในต่างประเทศ
คาดหุ้นไทยขยับลงเล็กน้อยในวันนี้ตามการปรับตัวลงของหุ้นสหรัฐ โดยที่นักลงทุนส่วนใหญ่น่าจะระมัดระวังรอดูหลายเหตุการณ์สำคัญในต่างประเทศ เริ่มจากการประชุมธนาคารกลางที่สำคัญของโลก คือ Fed BOJ และ BOE รวมทั้งการเลือกตั้งที่เนเธอร์แลนด์ ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศในคาบสมุทรเกาหลีและในทะเลจีนใต้ เหตุหลักยังคงเป็นการประชุม Fed ที่ทั้งโลกมองว่าจะขึ้นดอกเบี้ย ปัจจัยภายในประเทศวันนี้เป็นลบถึงเป็นกลาง IMF คาดเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวปานกลางในระยะสั้นและกลาง ค่าใช้จ่ายโฆษณายังหดตัวอีกในสองเดือนแรกของปี แม้เราจะมองว่าจะฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี

หุ้นเด่นวันนี้ : BCH (ราคาปิด 12.70 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 16.00 บาท)
     บมจ. บางกอก เชน ฮอสปิทอล เป็นหุ้นเด่นในวันนี้เนื่องจากเราคาดแนวโน้มการพลิกฟื้นของกำไรต่อเนื่องในปี 60 อีกทั้ง BCH ยังเป็น Top pick ของเราจากกลุ่มหุ้นการแพทย์ทั้งสามที่เราศึกษา เนื่องจากหุ้นดังกล่าวมี EBlTDA margin สูงสุด รวมถึงมีกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงในกลุ่มคนไข้ที่หลากหลาย ในปีนี้ หนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนหลักของกำไรคือ กำไรของโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนุนโดยกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่งผ่านการขยายเครือข่ายที่เป็นตัวแทน การปรับตัวขึ้นอย่างมั่นคงของจำนวนผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมจะเป็นอีกปัจจัยหนุนเช่นกัน โดยเราคาดการณ์จำนวนผู้ประกันตนในปี 60 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% มาอยู่ที่ 800,000 ราย นอกจากนี้ BCH มีโครงการปรับปรุงและเพิ่มส่วนต่อขยายโรงพยาบาลเดิมจำนวน 6 โครงการในปีนี้ โดยการขยายดังกล่าวจะช่วยเพิ่มจำนวนห้องตรวจสำหรับแผนกผู้ป่วยนอกเป็น 460 ห้อง จาก 392 ห้อง และเพิ่มจำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยในเป็น 2,208 เตียง จาก 2,178 เตียง นอกจากนั้นแล้ว บริษัทมีโครงการโรงพยาบาลใหม่ในลักษณะ greenfield จำนวน 4 โครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปี 61-62 ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนเตียงให้กับเครือข่ายโรงพยาบาลของบริษัทอีก 299 เตียง เราคาดการณ์กำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 20.8% ในปี 60 ก่อนลดระดับมาเติบโตที่ 9.4% ในปี 61 Price Pattern ของ BCH ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ ซึ่งอาจยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก การที่ Price Pattern ของ BCH ได้กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ บ่งบอกถึงการฟื้นตัวในระยะสั้นหลังจากที่ได้เกิดการปรับฐานลงมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ BCH มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 13.40 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 14.30 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ BCH มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 12 บาท (Resistance: 13.00, 13.30, 13.80; Support: 12.60, 12.30, 11.80)

 

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
     IMF มองเศรษฐกิจไทยเติบโตปานกลาง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (lMF) คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะเติบโตในระดับปานกลางสำหรับระยะสั้นและระยะกลาง การลงทุนภาครัฐยังเป็นปัจจัยกระตุ้นหลักอยู่ อย่างไรก็ดีแนวโน้มยังไม่แน่นอน ยังมีความเสี่ยงขาลงเช่นจากนโยบายสหรัฐและการปรับสมดุลของจีนที่น่าจะขลุกขลัก lMF คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโต 3.2% ขับเคลื่อนโดยการส่งออกและการลงทุนของรัฐเป็นหลัก (Bangkok Post)
      ครม.เห็นชอบ พ.ร.บ. แผนและขั้นตอนปฏิรูปประเทศ-ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะนำประเทศสู่การพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมระยะยาวในอีก 20 ปีข้างหน้าซึ่งจะสอดคล้องกับเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองในทุกแง่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ตาม พ.ร.บ. จะต้องเห็นชอบโดยรัฐสภาและจะประกาศในราชกิจจนุเบกษา คาดมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า (Bangkok Post)
ยอดใช้จ่ายโฆษณาร่วงใน ก.พ. 60 Nielsen Thailand ระบุยอดใช้จ่ายโฆษณา ก.พ. ร่วง 4.19% YoY สู่ 1.61 หมื่น ลบ. เพราะการฟื้นตัวเศรษฐกิจช้ากว่าที่คาด การโฆษณาในนิตยสารลดลงหนักสุดถึง 36.4% ตามด้วยช่องเคเบิลและดาวเทียม (-20.4%) และหนังสือพิมพ์ (-16.5%) ขณะที่การโฆษณาในร้านเติบโตดีสุดที่ 43.3% ตามด้วยโรงภาพยนตร์ (35.4%) และสื่อนอกบ้าน (22%) (Bangkok Post) ความเห็น: ตัวเลขน่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นจากที่เราคาดว่าอุตสาหกรรมจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ประกอบกับความเชื่อมั่นเศรษฐกิจดีขึ้น

ต่างประเทศ :
      ประชุม G20 ในวันศุกร์นี้ จะมีการจัดประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศ G20 ในเมือง Baden-Baden ของเยอรมนีโดยจะเริ่มต้นในวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกนับแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ท่าทีปกป้องทางการค้าในการค้าระหว่างประเทศของทรัมป์มีแนวโน้มจะเป็นประเด็นสำคัญในการประชุมครั้งนี้ (Reuters)
      อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอ้างอิงและพันธบัตรระยะยาวปรับตัวลงเมื่อวันอังคาร หลังจากการร่วงลงของราคาน้ำมันถูกมองว่าเป็นสัญญาณภาวะเงินฝืด แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลงไม่มากเนื่องจากนักลงทุนรอการแถลงนโยบายของเฟด ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้น 2/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.600% จาก 2.607% เมื่อวันจันทร์ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 0.4% เทียบกับสกุลเงินหลัก โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและความเสี่ยงทางการเมืองในยุโรปเกี่ยวกับการเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์ เงินยูโรอ่อนค่า 0.4% ก่อนการเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์ เงินปอนด์ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 8 สัปดาห์หลังนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้รับสิทธิจากรัฐสภาอังกฤษในการเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวจากสหภาพยุโรป และผู้นำของสกอตแลนด์ได้เรียกร้องให้ทำประชามติขอแยกตัวจากอังกฤษ (Reuters)

สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันอังคาร เนื่องจากราคาน้ำมันร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับแต่เดือนพ.ย. และราคาหุ้นสายการบินร่วงลงอย่างหนักจากหลังเกิดพายุหิมะทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลได้รับผลกระทบเช่นกันหลังมีรายงานว่าชาวอเมริกันจำนวน 14 ล้านคนจะสูญเสียประกันสุขภาพภายในปีหน้าภายใต้ข้อเสนอจากพรรครีพับลิกัน ทั้งนี้ ปริมาณการซื้อขายเบาบางเนื่องจากนักลงทุนรอแถลงการณ์จากเฟดในวันพุธนี้ซึ่งเป็นที่คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (Reuters)

ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงเผ้าระวัเสถานการณ์การเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์ และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตามข่าวการดีลระหว่างกิจการเป็นแรงหนุนต่อหุ้นบางส่วน (Reuters)
นายกฯ Mark Rutte ของพรรคอนุรักษ์นิยมแห่งเนเธอร์แลนด์มีคะแนนเสียงนำในโพลล์สำรวจเลือกตั้ง โดยน่าจะได้ไป 27 ที่นั่งจากทั้งหมด 150 ที่นั่งในรัฐสภา ซึ่งมากกว่าโพลล์สำรวจก่อนหน้าอยู่ 3 ที่นั่ง และมีคะแนนเสียงนานาย Geert Wilders ผู้สมัครคู่แข่งจากพรรค PVV ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดอยู่เล็กน้อย ทั้งนี้นาย Wilders ทีแผนจะจัดทาประชามติเพื่อตัดสินอนาคตว่าเนเธอร์แลนด์จะยังคงเป็นสมาชิก EU ต่อหรือไม่ (Reuters)

เอเชีย :
เกาหลีเหนือเตือนสหรัฐฯ ถึงการโจมตีอย่างไร้ปราณี หากมีการผ่าผืนอำนาจอธิปไตยของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นหลังจากที่พบเห็นว่าหน่วยบินของสหรัฐฯ เข้ามาในบริเวณเขตน่านน้ำทะเลของเกาหลีใต้ (Reuters)
BOJ มีแนวโน้มจะคงนโยบายทางการเงินไว้ในการประชุมวันนี้ ซึ่งจะเป็นการรักษาอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ -0.1% และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีไว้ที่ 0% รวมไปถึงวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นที่ 80 ล้านล้านเยนต่อปี (7.0 แสนล้านดอลลาร์) (Reuters)
เงินทุนไหลออกจากจีนชะลอลงในเดือนก.พ. โดยธนาคารกลางจีน (PBOC) ขายเงินทุนต่างชาติออกมาน้อยที่สุดในรอบ 9 เดือนอยู่ที่ 5.81 หมื่นล้านหยวน (8.4 พันล้านดอลลาร์ฯ) เทียบกับเดือนม.ค. ก่อนหน้าที่ 2.088 แสนล้านหยวนและเดือนก.พ. ปีก่อนหน้าที่ 2.279 แสนล้านหยวน ทั้งนี้ค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพมากขึ้นในปีนี้หลังจากที่ปีที่แล้วอ่อนค่าลงถึง 6.5% (Reuters)
ยอดผลิตโรงงานและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนเพิ่มขึ้น 6.3% และ 8.9% ตามลำดับในช่วง 2 เดือนแรก ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาด ข้อมูลดังกล่าวบ่งบอกถึงเศรษฐกิจประเทศจีนยังคงแข็งแรงอยู่ในช่วงต้นปี (Reuters)
ยอดขายอสังหาริมทรัพย์จีนเพิ่มขึ้น 25.1% ในเดือน ม.ค. และ ก.พ. โตเร็วกว่า 22.5% ในปี 59 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนับเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 7 ปี หนุนโดยตลาดอสังหาฯ ที่ยังคึกคักในเมืองใหญ่ของจีน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :

    น้ำมันดิบร่วงสู่จุดต่ำสุดนับแต่ปลาย พ.ย. วันอังคาร หลัง OPEC รายงานยอดสต็อกน้ำมันดิบโลกเพิ่มขึ้นและปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตของโลกในปี 60 จากนอกกลุ่ม ชี้ว่ามีความยุ่งยากผู้ที่ผลิตจะลดสต็อกและดันราคาขึ้น น้ำมันดิบสหรัฐลบ 1.4% ปิด 47.72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แตะจุดต่ำสุดนับแต่ 30 พ.ย. น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าส่งมอบ พ.ค. ลบ 0.8% ปิด 50.92 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
     ราคาทองคำคงที่วันอังคาร เพราะคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ หนุนค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่มีความเสี่ยงทางการเมืองจากการเลือกตั้งในยุโรปจำกัดขาลง เพิ่มความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาทองคำตลาดจรปิดที่ 1,203.42 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แทบไม่เปลี่ยนแปลง ราคาทองคำตลาดล่วงหน้าคงที่ ปิดที่ 1,203 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)

Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!