- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 15 March 2017 15:57
- Hits: 2112
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
เทรดกรอบแคบ รอผลประชุมเฟดในคืนนี้
KGI คาด SET วันพุธเทรดในกรอบแคบ รอผลประชุมเฟดในคืนนี้ (วานนี้ดัชนีฯ ฟื้นตัว 0.5% ซึ่งดีกว่าที่เราประเมินเล็กน้อย หลังหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ฟื้นตัวแรง หนุนจิตวิทยาตลาด) ทั้งนี้ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) จะประกาศผลประชุมในคืนนี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ KGI และ consensus คาดเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.75-1.00% แต่ส่วนสำคัญได้แก่การส่งสัญญาณแนวโน้มดอกเบี้ยผ่านแผนภาพที่เรียกว่า ‘dot plots’ หากเฟดเปลี่ยนสัญญาณเป็นขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ อาจเป็นจิตวิทยาเชิงลบหลังประชุม (ปัจจุบัน ทางเราและ consensus คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้) ด้านตลาดน้ำมันมีข่าวลบในระยะสั้น หลังซาอุฯ แถลงว่าได้กลับมาเพิ่มการผลิตน้ำมันประมาณ 1 ใน 3 ของที่ลดการผลิตไปในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองอุปสงค์ในประเทศ (ไม่ส่งออก) ผลต่อตลาดน้ำมันจึงน่าจะมีไม่มากนัก ทั้งนี้ KGI ยังคงมองดาวน์ไซด์ของ SET มีน้อยแล้ว และคงมุมมองว่าดัชนีฯ ไม่น่าลงต่ำกว่า 1,530 จุด อิงวิเคราะห์พีอีแบนด์ ทั้งนี้หากเฟดไม่ส่งสัญญาณเร่งสปีดขึ้นดอกเบี้ยในคืนนี้ คาดจิตวิทยาตลาดจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไรหุ้น PTTGC* / สะสม GLOW*, BBL*
PTTGC* (เป้าพื้นฐาน 83 บาท) 1) พิจารณาแนวราคา 74 บาท หากวันนี้ยืนเหนือแนวราคานี้ได้ แนะนำ “Follow buy” โดยประเมินมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 77 บาท แนวรับ 73.5 บาท และ 72 บาท ตามลำดับ 2) ฝ่ายวิจัยฯยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ Spread ปิโตรเคมี โดยเฉพาะ BZ + อัตราการใช้กำลังการผลิตสายโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้น โดยวันนี้ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานปรับประมาณการฯ และราคาเป้าหมายขึ้น 3) ยังมี Upside จากราคาเป้าหมายปัจจุบันอีกราว 5 บาท จากการเข้าซื้อธุรกิจปิโตรเคมีของกลุ่ม PTT* เพิ่มเติม (คาดแล้วเสร็จใน 2H60 ซึ่งยังไม่ได้รวมในประมาณการฯปัจจุบัน)
GLOW* (เป้าพื้นฐาน 88 บาท) 1) 2Q60 เป็นช่วง High season ของการใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย คาดผลการดำเนินงานเป็นจุดพีคของปี 2) ปันผล 4.292 บาท/หุ้น (Dividend yield 5.4%) ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 2 พ.ค.นี้ (ขณะที่ EGCO* และ RATCH* ขึ้นเครื่องหมาย XD ไปแล้ว) 3) ประเมินแนวรับ 79.5 บาท และ 78.5 บาท / แนวต้าน 80.75 บาท และ 82 บาท (Stop loss 76.5 บาท)
BBL* (เป้าพื้นฐาน 189 บาท) 1) แนะนำให้พิจารณาที่แนวราคา 183 บาท หากผ่านได้ แนะนำ “Follow buy” ประเมินแนวต้านถัดไปที่ ±190 บาท แต่ในกรณีที่ไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ แนะนำ “ซื้อแนวรับ” 180 บาท และ 177.5 บาท (Stop loss 175 บาท) 2) เราประเมิน Valuation ยังน่าสนใจด้วย PBV 0.92 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 1.1 เท่า ขณะที่รอ Catalyst เรื่องการปลดล๊อกสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างด้าว (Foreign Limit) จากปัจจุบัน 25% (เทียบกับแบงก์ใหญ่รายอื่นอาทิ SCB* และ KBANK* Foreign Limit ปัจจุบันอยู่ที่ 45.81% และ 48.98% ตามลำดับ) ... นสพ กรุงเทพธุรกิจวันนี้ ลงข่าว ทีดีอาร์ไอ คาดไทยมีโอกาสเซอร์ไพรซ์ปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ หากเป็นจริง คาดเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มแบงก์
หุ้นในกระแส
เก็งกำไรหุ้น SET100 ที่ลงหนัก Oversold ลุ้นซื้อคืนปิดสถานะชอร์ต (Short covering) เรา Screen หุ้นใน SET100 ที่ปรับลงแรงในช่วงสัปดาห์ + RSI < 30 จุด แสดงถึงภาวะ Oversold และมีโอกาสรีบาวด์ ซึ่งหุ้นใน SET100 คาดจะมีแรงส่งจากการทำ Short covering และ Block trade หุ้นที่น่าสนใจได้แก่ COM7*, PTG*, BIG*, TTCL*, CENTEL*, BDMS*
ค่าเงินบาทอ่อน + น้ำมันปรับลง เราประเมินเป็น Sentiment บวกมาที่หุ้น EPG* (ต้นทุนเม็ดพลาสติกต่ำต่อเนื่อง) และหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น ASIAN (ค่าเงินบาทอ่อนเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ) แนะนำ “เก็งกำไร”
หุ้นมีข่าว
(+) ธปท.เผย IMF มองศก.ไทยฟื้นค่อยเป็นค่อยไป มี policy space พอรองรับความเสี่ยง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง โดยการใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทหลัก ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ที่เพิ่มขึ้นในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนในระยะต่อไป" ธปท.ระบุในเอกสารเผยแพร่ โดยอ้างถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟ (Bisnews) ความเห็นของ IMF เหมือนกับความเห็นของเราเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และมักจะมองเศรษฐกิจไทยแย่กว่าความเป็นจริงมาก เรายังคงเป้า GDP ปีนี้ไว้ที่ 3.6% และ 3.8% ในปี 2561 เราเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจยังสามารถขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อย่างมีเสถียรภาพ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่มีอะไรที่ต้องน่าวิตกกังวล ยังไม่มีสัญญาณใดๆที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะกลับไปชะลอตัวลง ขณะที่รัฐบาลมีเสถียรภาพสูง ภาคการคลังยังสามารถเก็บรายได้เป็นไปตามเป้างบประมาณแผ่นดินส่วนการใช้จ่ายเงินอาจจะล่าช้าบ้างโดยเฉพาะโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานขนาดใหญ่ ฐานะการเงินของธนาคารพาณิชย์และความาสามารถในการทำกำไรยังแข็งแกร่งมาก การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องและมีศักยภาพที่จะขยายตัวในระดับสูงขึ้นหลังจากภาระหนี้โครงการรถยนต์คันแรกทยอยหมดลง ขณะที่ภาคต่างประเทศมีเสถียรภาพสูงและยังแข็งแกร่งมากจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 11% เทียบกับ GDP ทุนสำรองระหว่างประเทศสูงสุดเป็นอันดับ 13 ของโลกและสูงกว่ามูลค่านำเข้ามากกว่า 10 เดือน ความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศต่ำ คาดว่าอัตราการขยายตัว GDP เข้าใกล้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจตามศักยภาพในช่วง 4.5-5.5% โดยจะอัตราการขยายตัว GDP จะสูงกว่า 4.0% ตั้งแต่หลังไตรมาสที่ 2/61 เป็นต้นไป ถ้าไม่มีการให้น้ำหนักมากจนผิดปกติเกินไปทางด้านการเมือง อันดับความน่าเชื่อถือของไทยควรจะขึ้นไปอยู่ที่ “A” หรือ “A-” จาก “BBB+” ในปัจจุบัน
(+) SCCC กู้3.85หมื่นล.ซื้อกิจการนอก (กรุงเทพธุรกิจ) กรุงศรี-มิตซูฯ ยูเอฟเจ ร่วมปล่อยกู้ และประสานจัดหาสินเชื่อ ให้ปูนซีเมนต์นครหลวงวงเงินรวม 3.85 หมื่นล้านเพื่อเข้าซื้อกิจการในศรีลังกาและเวียดนาม หวังตั้งเป้า เป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ชั้นนำในภูมิภาคนี้
(+) ล็อกซเล่ย์ปรับแผนปั๊มกำไร เอ็มดีใหม่จัดโครงสร้างธุรกิจลดค่าใช้จ่ายครึ่งปีหลังทยอยเลิกทำธุรกิจที่ไม่คุ้มทุน (โพสต์ทูเดย์) ล็อกซเล่ย์ปรับโครงสร้างธุรกิจปั๊มกำไร ปีนี้หวังอัตรากำไรขั้นต้น 15% วางเป้ารายได้ปีนี้ปีหน้าโต 15-20% เล็งประมูลงาน 1.15 หมื่นล้าน นายสุรช ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรในปี 2560 จะปรับดีขึ้นจากปี 2559 ตามแผนในปีนี้ที่จะทำอัตรากำไรขั้นต้นให้กลับมาที่ 15% จากการเลือกรับงานประมูลที่สามารถทำกำไร อีกทั้งอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้ที่จะเริ่มทยอยเห็นการเลิกหรือหยุดดำเนินธุรกิจไม่ทำกำไร เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในปี 2560 ไว้ให้ได้ใกล้เคียงกับปี 2559 ที่ 550 ล้านบาท/ไตรมาส
(+) เปิดโมเดลใหม่ 'มินิบิ๊กซี' ปูพรม 300 สาขาทั่วปท. (ประชาชาติธุรกิจ) บีเจซีบุกสะดวกซื้อเต็มสูบ เดินหน้า เปิดมินิบิ๊กซีเพิ่ม 300 สาขา ผุดคอนเซ็ปต์ใหม่ เติมเบเกอรี่ อาหารพร้อมทาน พร้อมมุมนั่ง เจาะไลฟ์สไตล์คนเมือง ฝั่งฟอร์แมตไฮเปอร์มาร์เก็ต เดินหน้าชู อาหารสดดึงทราฟฟิกเข้าห้าง เตรียมส่ง ดีลิเวอรี่ถึงบ้าน ลุยพัฒนาสินค้าเฮาส์แบรนด์ จ่อเปิดสาขาในลาว-กัมพูชาภายในปี 2561
(+) BEAUTY* สยายปีกฟิลิปปินส์ เนื้อหอมพันธมิตรจีนรุมจีบ (ทันหุ้น) BEAUTY สยายปีกรุกขยายฐานฟิลิปปินส์ เตรียมเปิดสาขาแรกไตรมาส 2 นี้ ตั้งเป้าทั้งปีมี 4-5 สาขา หวังดันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศแตะ 8% เนื้อหอมผู้ประกอบการแดนมังกรสนใจธุรกิจ คาดเห็นความชัดเจนใน 2-3 ปี พร้อมขยายสาขาใหม่ในประเทศกว่า 50 สาขา หนุนรายได้เข้าเป้า 3.1 พันล้านบาท แย้มเตรียมเดินสายโรดโชว์กองทุนนอก
(+) CHO เตรียมประมูล e-Ticket มูลค่า 1,700 ล้าน วางเป้ารายได้ปีนี้โต 10% (ข่าวหุ้น) CHO ลุ้นชิงงาน e-Ticket ของขสมก. มูลค่า 1,700 ล้านบาท เปิดประมูล 5 เม.ย.นี้ ตั้งเป้ารายได้ปี 60 เติบโตขึ้น 10% ตุนแบ็กล็อกในมือแน่น 686 ล้านบาท บุ๊ครายได้เข้าปีนี้เกือบทั้งหมด
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
TASCO* (เป้าพื้นฐาน 32.5 บาท) สำหรับนักลงทุนที่เข้าซื้อเก็งกำไรตามที่เราแนะนำก่อนหน้า แนะนำ “Let profit run” รอขายที่แนวต้านบริเวณ 30 บาท หากต่ำกว่า 27 บาท แนะนำ “ขายล๊อกกำไร”
ASIAN (ยังไม่มีเป้าหมาย Consensus) แนะนำ “ถือ” กำหนด Stop loss 5 บาท … ค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ + Valuation ไม่แพงด้วย Trailing PE 11.7 เท่า และยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 6.1 บาท (ตอนนี้ PBV 0.82 เท่า) และจ่ายปันผล 0.21 บาท/หุ้น Yield 4.2% (XD วันที่ 25 เม.ย.)
CPN* (เป้าพื้นฐาน 77 บาท) แนะนำพิจารณาที่แนวราคา 56.5 บาท หากยืนได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 58.25 บาท และ 59.25 บาท / แนวรับ 55.5 บาท (Stop loss 53.75 บาท)
COM7* (เป้า Consensus 14.6 บาท) สำหรับนักเก็งกำไรสั้น แนะนำพิจารณาที่แนวราคา 10.6 บาท หากยืนได้ แนะนำ “Follow buy” ประเมินแนวต้านสั้น 11 บาท สำหรับนักลงทุนระบะกลาง 3 – 6 เดือน แนะนำรอราคาสร้างฐานจึงเข้าสะสม ... PE ปี 2560 ตอนนี้ต่ำเพียง 22 เท่า และ PEG <1 เท่า ถูกสุดในกลุ่มค้าปลีก
SITHAI (เป้าพื้นฐาน 2.74 บาท) แนะนำ “ถือ” โดยกำหนดจุด Stop loss หากปิดต่ำกว่า 1.96 บาท ... ประเมินผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดในปีก่อน Earnings momentum เริ่มเข้าสู่ขาขึ้นแบบ QoQ อย่างน้อย 2 ไตรมาสติด
ROBINS* (เป้าพื้นฐาน 75 บาท) แนะนำ “ถือ” โดยกำหนดจุด Stop loss หากปิดต่ำกว่า 58 บาท
KTB* (เป้าพื้นฐาน 21.4 บาท) ประเมินรูปแบบราคาแกว่งขึ้นในกรอบแนวรับ – แนวต้าน 19.5 – 20.8 บาท
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
PTTGC* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 83 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2560/2561F ขึ้นอีก 7% และ 13% ตามลำดับ จาก i) ปรับเพิ่มสมมติฐานอัตราการใช้กำลังการผลิต olefins ii) ปรับเพิ่มสมมติฐานส่วนต่างราคา BZ และ iii) ประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้นจาก Project MAX ซึ่งเป็นโครงการลดต้นทุนของ PTTGC และราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยฯยังมี upside อีกประมาณ 5.00 บาท จากซื้อสินทรัพย์จาก PTT*
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้ --- ค่าเฉลี่ยเก้าวันที่ต้าน 1548 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1548 จุดได้นั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1548-1565 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1548 จุดนั้น อาจทรงราคาในกรอบ 1548-1533 จุด
แนวรับวันนี้: 1542/1533 แนวต้านวันนี้: 1548/1557
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]