- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 15 March 2017 15:56
- Hits: 2091
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ เปิดซึมตัวลงทดสอบแนว 1,530 จุด กดดันด้วย GL ที่เปิด Floor ที่ 3 ก่อนจะเกิดแรงเก็งกำไรกลับมาเข้ามาอย่างหนาแน่น สร้างบรรยากาศเชิงบวกต่อหุ้นขนาดกลางและเล็กฟื้นตัวตามมา ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 7.64 จุด มาอยู่ที่ 1,543.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,875 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,982 ล้านบาท แต่คง Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 เพียง 408 สัญญา ขณะที่ตลาดตราสารหนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 12 วันทำการ 4,010 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- เงินทุนต่างชาติยังคงไร้ทิศทางในตลาดเงินและตลาดทุนไทย
- ติดตามผลการประชุมเฟดในค่ำคืนนี้
- ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เช้านี้กลับมายืนเหนือ US$48/barrel คาดสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ จะลดลง และโอเปกจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก (วันแรกในรอบ 33 วันทำการ)
เราประเมิน SET INDEX จะฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 สู่ด่าน 1,550-1,560 จุด ผลักดันด้วยกลุ่ม Domestic Play แรงเก็งกำไรต่อผลการประชุมเฟดในค่ำคืนนี้ โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง -5.14%MTD กลุ่มอสังหาฯ -2.19%MTD เทียบกับ SET INDEX -1.85% MTD
ความเห็นต่อทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือของปีนี้ ตาม Bloomberg consensus ยังคงเหลืออีก 2 ครั้ง การขึ้นครั้งที่ 2 ของปีนี้ในการประชุมเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 เดือนก.ย. ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ที่มี Press Release หลังเสร็จสิ้นการประชุม หากคืนนี้ประธานเฟดส่งสัญญาณสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ รวมถึง Dot Plot เชื่อว่าสินทรัพย์เสี่ยงจะฟื้นตัว ทั้งตลาดหุ้น และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ นำโดยราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า NYMEX ที่จะกลับมาทดสอบด่าน US$53-54/barrel ได้ หากเป็นไปตามที่เราประเมินไว้เช่นนี้แล้ว SET INDEX รอบนี้มีโอกาสทดสอบด่าน 1,600 จุดในรอบการฟื้นตัวครั้งนี้ ผลักดันด้วยหุ้น Big Cap
กลยุทธ์การลงทุน "ถือพอร์ตที่สะสมมาก่อนหน้านี้ และเลือกเข้าสะสมหุ้นรายตัวที่ผลตอบแทนเงินปันผลเด่น หรือแนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q60 เติบโตสูง"
Daily Pick
1. สะสม TKS : ราคาปิด 11.90 บาท ราคาเหมาะสม 17.00 บาท
a) จะขึ้น XD เงินปันผล 2H59 ในวันพรุ่งนี้ หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 4.2%
b) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +25.6% yoy เป็น 383 ล้านบาท จากการขยายตัวไปยังธุรกิจต่างประเทศ ได้แก่ เขมร, ลาว และธุรกิจใหม่ซึ่งร่วมทุนกับญี่ปุ่นคือการผลิต Label ขณะที่บริษัทร่วมคือ SYNEX คาดว่ากำไรจะทำระดับสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่องในปี 2560
c) Valuation น่าสนใจ ที่ระดับ PER2560 เท่ากับ 11.2 เท่า เทียบเท่า PEG ที่ 0.45 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2560 - 2561 สูงถึงปีละ 5.5% นอกจากนั้น ยังมีฐานการเงินที่แข็งแกร่งเป็น Net Cash จึงมีความพร้อมเต็มที่เพื่อขยายตัวไปยังธุรกิจใหม่ หรือ ตลาดใหม่ ได้อีกมากในอนาคต
2. สะสม PSH : ราคาปิด 22.00 บาท ราคาเหมาะสม 28.50 บาท
a) มีปัจจัยบวกระยะสั้นรออยู่ คือการเปิดขายโครงการ The Reserve ทองหล่อ ในเดือน มี.ค. โดยคาดว่าจะมียอด Presales ที่ดีและส่งผลให้ตลาดมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นจากการปรับกลยุทธ์ของบริษัทเพื่อรุกตลาดระดับบนในปี 2560
b) คาดว่าจะมีการประชุมบอร์ดในวันที่ 27 เม.ย. เพื่อพิจารณาอนุมัติเงินปันผล 2H59 โดยคาดการณ์หุ้นละ 0.70 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 3.2%
c) Downside Risk จำกัด เนื่องจากซื้อขายที่ระดับ PER2560 เพียง 7.4 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2560 และ 2561 เฉลี่ยปีละ 7%
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$630 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$645 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 12 วันทำการ
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,982 ล้านบาท เมื่อ SET INDEX ที่ฟื้นตัวก็ตาม ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิขยับขึ้นเป็น 9,651 ล้านบาท
SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 5 เพียง 408 สัญญา รวม 5 วันทำการ Short สุทธิ 16,979 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยเปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง ทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 68,507 สัญญา เมื่อ S50H17 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 10 เพียง 0.75 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 0.67 จุด
แต่ตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 12 วันทำการ มากถึง 4,010 ล้านบาท เทียบกับ 11 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 30,402 ล้านบาท โดยราคาพันธบัตรไทยอ่อนตัวลงเล็กน้อย ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเพียง 0.47bps จากวันก่อนหน้าลดลง 2.93bps ปิดที่ 2.836%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 552 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 729 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 56หลักทรัพย์เท่ากับวันก่อนหน้า
NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง เน้นลดน้ำหนักกลุ่มอาหาร / ICT
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาขายสุทิ 645 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 301 ล้านบาท โดย NVDR เลือกลดน้ำหนักกลุ่มอาหารสูงสุด 317 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT 224 ล้านบาท และกลุ่มพลังงาน 208 ล้านบาท แต่สะสมกลุ่มไฟแนนซ์สูงสุด 284 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี 159 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
นโยบายทางการเมือง - เศรษฐกิจของประธานาธิบดี Trump
- นโยบายสภาพอากาศ: Trump เตรียมลงนามในคำสั่งที่จะลดบทบาทที่มีต่อกรณี Climate Change โดยคำสั่งดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ที่จะปรับเปลี่ยนสิ่งที่โอบามาได้ลงนามไป โดยเฉพาะการให้ US Environment Protection Agency ไม่ต้องทำแผนพลังงานสะอาด รวมถึงการกลับมาพิจารณาถึงมาตรวัด "Social Cost of Carbon"
ยุโรป
อิตาลีเตรียมจัดทำประชามติรอบใหม่: รัฐบาลกำหนดวันที่ 28 มี.ค.จะมีการจัดทำประชามติในประเด็นตลาดแรงงาน 2 ข้อ คือ Voucher มูลค่า 10 ยูโร/คน สำหรับคนงานที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยจากการเจ็บป่วย วันหยุด หรือ ลา ซึ่งนำมาใช้ตั้งแต่ปี 2551 และเกิดภาวะขาดสภาพคล่องราว 70% ในปี 2558 รัฐบาลต้องการแก้ไขกฎหมาย Voucher เพื่อจำกัดการใช้ Voucher และเปิดให้บริษัทขนาดเล็กมากสามารถใช้ได้ และลดเพดานการจ่ายต่อคนจาก 7,000 ยูโร เป็น 5,000 ยูโร
ผลผลิตภาคอุตฯ ของอียูเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด: เดือนม.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 0.9% mom หรือ 0.6% yoy ต่ำกว่า Reuters Poll คาด 1.3% mom และ 0.9% yoy ตามลำดับ โดยเป็นการผลิตสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง 2.8% mom และผลผลิตพลังงานเพิ่มขึ้น 1.9% mom
วุฒิสภาอังกฤษเตือนเศรษฐกิจอาจกระทบหากการเจรจา Brexit ไม่สำเร็จ: House of Lords รายงานถึงเศรษฐกิจของอังกฤษจะได้รับผลกระทบและเสียหาย หากการเจรจา Brexit ไม่สามารถหลีกหนีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ เพราะอียูเป็นคู่ค้าของอังกฤษที่ใหญ่ที่สุดเกือบ GBP3.57 แสนล้าน
จีน
ตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาเป็นกลางถึงบวก:
- ผลผลิตภาคอุตฯ เดือนม.ค. - ก.พ. เพิ่มขึ้น 6.3% yoy ดีกว่า Reuters Poll คาด 6.2% yoy และเร่งขึ้นจากเดือนธ.ค.ที่ 6.0% yoy ผลักดันด้วยสินค้าภาคการผลิตทั้งจากตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
- เงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนม.ค. - ก.พ. เพิ่มขึ้น 8.9% yoy ดีกว่า Reuters Poll คาด 8.2% yoy และเร่งขึ้นจากปี 2559 ที่ 8.1% yoy ผลักดันด้วยการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัว 6.7% yoy เทียบกับปี 2559 ที่เติบโต 3.2% yoy ทั้งนี้การลงทุนภาคเอกชนคิดเป็น 60% ของการลงทุนทั้งหมดในจีน
- ยอดค้าปลีก เดือนม.ค. - ก.พ. เพิ่มขึ้น 9.5% yoy ต่ำกว่า Reuters Poll คาด 10.5% yoy และเดือนก่อนหน้าที่ 10.9% yoy โดยยอดขายรถยนต์ลดลงในช่วง 2M60
- ยอดขายตลาดอสังหาฯ ใน 2M60 เพิ่มขึ้น 25.1% yoy เร่งขึ้นจากปี 2559 ที่เติบโต 22.5% yoy แม้ว่าทางการจะออกมาตรการควบคุมความร้อนแรงในตลาดอสังหาฯ ก็ตาม ทั้งนี้การลงทุนภาคอสังหาฯ เพิ่มขึ้น 8.9% yoy ใน 2M60 ชะลอตัวจากเดือนธ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 11.1% yoy และปี 2559 ที่ 6.9% yoy
เอเชียแปซิฟิก
การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกลดลงต่อในเดือนก.พ.: รายงานจากกลุ่มโอเปก การผลิตลดลงต่อเนื่องในเดือนก.พ. เป็น 31.96 ล้านบาร์เรล/วัน จาก 32.1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค. เทียบกับเป้าหมายที่ตกลงลดกำลังการผลิตเป็น 29.9 ล้านบาร์เรล/วันภายในเดือนก.พ. ทั้งนี้ซาอุฯ ที่ลดกำลังการผลิต ขณะที่ลิเบียและไนจีเรียต่างเร่งเพิ่มพลังการผลิตจากปัญหาภายใน นอกจากนี้กลุ่มโอเปกเริ่มกังวลต่อปริมาณสต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ และการเพิ่มกำลังการผลิตในนอกกลุ่มโอเปกปีนี้
ไทย
ลงนามโครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราชวันนี้: คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปของกรมทางหลวง ในการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา อีก 12 ตอน ระยะทางรวม 66.32 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 18,757.54 ล้านบาท มีบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ได้รับงาน 3 ตอน วงเงินรวม 4,315 ล้านบาท ขณะที่บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ได้รับงานอีก 1 ตอน วงเงิน 1,981,700,000.00 บาท ซึ่งกรมทางหลวงจะเชิญผู้รับงานทั้ง 12 สัญญามาลงนามในวันที่ 15 มี.ค.60
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst