- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 March 2017 17:22
- Hits: 1344
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้เปิดซึมตัวลง กดดันด้วยกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลงแรง แต่กลุ่ม Domestic Play อย่าง Bank ปรับตัวดีขึ้น ช่วยประคองภาพรวม รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่ฟื้นตัว ปิด ณ สิ้นวันที่ 1,549.24 จุด ลบเพียง 2.49 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 38,048 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 9 เพียง 329 ล้านบาท คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 1,822 สัญญา และคงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 9 เพียง 774 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
• ติดตามภาวะการจ้างงานของสหรัฐฯ คืนนี้
• ต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในไทยชะลอตัวต่อเนื่อง
• ราคาน้ำมันดิบ NYMEX หลุด US$50/barrel
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
• ติดตามการประชุมเฟดวันที่ 15 มี.ค.
• ติดตามการประชุม BoJ / BoE วันที่ 16 มี.ค.
• ติดตามการพิจารณาเพดานก่อหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ วันที่ 16 มี.ค.
• ติดตามการพิจารณาร่างกฎหมาย Brexit
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง
เราประเมิน SET INDEX มีโอกาสซึมตัวลงและแกว่งแคบระหว่าง 1,545 จุด+/- มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 3.5 หมื่นล้านบาท +/- เพราะเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ แม้ว่าต่างชาติจะชะลอการลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็ตาม
แต่ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกรอความชัดเจนคือ การประชุมเฟดวันที่ 14-15 มี.ค.นี้ แน่นอนว่าตลาด “ฟันธง” เฟดขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.75-1.00% แต่ประเด็นสำคัญคือ ความเห็นของประธานเฟดต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเป็นอย่างไร หากชะลอการขึ้นเพื่อดูปัจจัยแวดล้อม ก็น่าจะเป็นข่าวบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก แต่หากส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง จะกลายเป็นปัจจัยลบทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกเช่นกัน ซึ่งเราให้น้ำหนักกับกรณีแรกมากกว่ากรณีที่ 2 เพราะเฟดเองไม่ต้องการเห็นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่ารวดเร็ว เช่นเดียวกับประธานาธิบดี Trump รวมถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ รวมถึงภาระดอกเบี้ยจ่ายของสหรัฐฯ
กลยุทธ์การลงทุน “ถือพอร์ตที่สะสมมาก่อนหน้านี้ และเลือกเข้าสะสมหุ้นรายตัวที่ผลตอบแทนเงินปันผลเด่น หรือแนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q60 เติบโตสูง”
Daily Pick
1. สะสม KTB : ราคาปิด 19.90 บาท ราคาเหมาะสม 21.00 บาท
a) คาดเงินปันผลงวดปี 2559 หุ้นละ 0.90 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.5% ตามปกติ KTB มักจะประกาศจ่ายเงินปันผลช่วงปลายเดือนมี.ค.
b) ปัจจัยบวกระยะ 2 เดือนข้างหน้าคือ การประชุมผู้ถือหุ้นของ AQ เพื่ออนุมัติแผนการเพิ่มทุน PP และ RO ช่วงปลายเดือนเม.ย. หากอนุมัติและเพิ่มทุนได้สำเร็จ AQ จะนำเงินมาชำระเงินกู้กับ KTB ทั้งเงินต้นบวกดอกเบี้ยราว 1.3 หมื่นล้านบาท ทำให้ KTB จะสามารถบันทึกรายการดังกล่าวเป็นกำไรได้ใน 2Q60
c) ปัจจัยข้างต้นจะทำให้ภาระการตั้งสำรองของ KTB ในปีนี้ลดลง แต่จะเป็นการเพิ่มอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้วัดคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้น
d) ราคา ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PBV60 ต่ำเพียง 0.94x และ PER60 เท่ากับ 8.29x
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 เพียง US$20 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$176 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้
(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า
(US$ ล้าน) 2560
(US$ ล้าน) 2559
(US$ ล้าน) 2558
(US$ ล้าน) 2557
(US$ ล้าน)
TAIEX -368.3 47.6 2,593.5 10,956.4
3,383.6 13,190.4
KOSPI 389.6 140.3 3,079.2 -21.5 -3,579.9 6,165.50
JSE 11.7 18.5 -86.1 1,258.7 -1,579.5 3,750.60
PSE -1.2 -6.2 -117.7 83.4 -1,194.4 1,256.1
VEX -2.9 0.0 60.1 -344.7 100.4 135.6
SET INDEX -9.3 -24.0 -193.3 2,240.5 -4,371.9 -1,091.4
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติชะลอการขายสุทธิตลาดหุ้นไทย
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -329 -843
SET50 Index Futures (สัญญา) -1,822 -971
SSF (สัญญา) +60 -2,785
Metal Futures (สัญญา) -193 +299
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -774 -7,874
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 9 เหลือเพียง 329 ล้านบาท รวม 9 ขายสุทธิ 11,113 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 6,619 ล้านบาท
SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 1,822 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 2,793 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยเปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง ทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเป็น 54,321 สัญญา เมื่อ S50H17 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 7 เพียง 0.20 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 0.24 จุด
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิเป็นวันที่ 9 เท่ากับ 774 ล้านบาท รวม 9 วันทำการขายสุทธิ 24,736 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,871 ล้านบาท โดยราคาพันธบัตรไทยปรับฐานลงเป็นวันที่ 9 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมากถึง 3.63bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 2.38bps ปิดที่ 2.856%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 840 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 969 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 58 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 68 หลักทรัพย์
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Value Avg.Price(Bt)
PTT 245.20 12.72% 390.07
PTTEP 135.34 14.46% 89.66
ADVANC 56.30 3.83% 169.64
KBANK 49.77 5.78% 190.41
TOP 38.21 14.86% 74.69
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 กลับมาเน้น Domestic Play ลดพลังงาน
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิ1268 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 735 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 1,900 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR สะสมกลุ่ม ICT สูงสุด 306 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร 268 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง 125 ล้านบาท แต่ลดน้ำหนักกลุ่มพลังงานสูงสุด 431 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง 101 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
INTUCH 229.90 17.93 PTT -312.93 20.95
SCC 131.79 25.96 CPN -87.20 27.09
SCB 124.18 13.61 AOT -85.73 16.13
KTB 98.54 33.40 TU -74.35 31.37
ADVANC 86.76 24.17 BANPU -72.12 15.80
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
รมว.คลัง ต้องการให้สภาคองเกรสผ่อนคลายเพดานก่อหนี้ฯ ในการประชุมวันที่ 16 มี.ค.นี้
นโยบายทางการเมือง – เศรษฐกิจของประธานาธิบดี Trump
o การลดหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงิน: Trump ได้พบกับสมาคมสถาบันการเงินท้องถิ่น ยืนยันจะลดหลักเกณฑ์ใน Dodd-Frank และเปิดให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้สถาบันการเงินขนาดเล็กที่มีสินทรัพย์ US$700 ล้าน ย่อมมีความเสี่ยงที่แตกต่างกับสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่มีสินทรัพย์ US$2.0 แสนล้านหรือ US$1.0 ล้านล้าน
o เพดานก่อหนี้สาธารณะ: รมว.คลัง เรียกร้องให้สภาคองเกรสขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะ พร้อมการบริหารเงินสดที่เข้างวดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหยุดขายหลักทรัพย์ของ State and Local Government Series หรือ “SLUGS” ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เที่ยงของวันที่ 15 มี.ค. รวมถึงการผ่อนเพดานก่อหนี้ฯ วันที่ 15 มี.ค.
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
o ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.43 แสนตำแหน่ง แย่กว่า Bloomberg consensus คาด 2.38 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.23 แสนตำแหน่ง
ยุโรป
โพลล์ล่าสุด Macron นำ Le Pen ในรอบแรก
การประชุม ECB คงนโยบายตามที่ตลาดคาด
สกอตแลนด์คาดว่าจะทำประชามติได้ในกลางปีหน้า: รมว.สกอตแลนด์ คาดว่าสกอตแลนด์จะสามารถจัดทำประชามติได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2561 หรือ 2-3 เดือนก่อนที่ครบกำหนดอังกฤษต้องออกจากอียู ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อนายกฯ อังกฤษ
โพลล์ล่าสุดของฝรั่งเศสนาย Macron นำ Le Pen: ผลสำรวจของ Harris Interactive ล่าสุดพบว่าการเลือกตั้งรอบแรกวันที่ 23 เม.ย. นาย Macron ได้คะแนนนิยม 26% แซงนาง Le Pen ที่ 25% ที่คะแนนนิยมทรงตัวจากผลสำรวจครั้งก่อนเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนนาย Macron คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น 6% หลังเปิดเผยนโยบาย ส่วนผลสำรวจการเลือกตั้งวันที่ 7 พ.ค. คะแนนของนาย Macron สูงถึง 65% นาง Le Pen 35%
เยอรมันต้องการกำหนดกรอบเวลาของการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB: รมว.คลัง ของเยอรมัน ต้องการให้ ECB พิจารณากรอบเวลาที่จะยกเลิกนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลาย รวมถึงต้องการหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้นกับธนาคารขนาดใหญ่
นายกฯ อังกฤษ เตรียมเริ่มการเจรจา Brexit กับอียู: นายกฯ อังกฤษ กล่าวว่า สมาชิกของอียูส่งสัญญาณชัดเจนที่ต้องการเริ่มการเจรจา Brexit พร้อมยืนยันขั้นตอนดังกล่าวจะเริ่มก่อนสิ้นเดือนมี.ค.
การประชุม ECB คงนโยบายการเงินตามคาด:
o อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสู่เป้าหมาย 2.0%
o ECB ยังคงทิศทางนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่อง โดย Wait&See อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นเพียงชั่วคราว หรือเป็นผลจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น รวมถึงความเสี่ยงทางการเมืองจากการเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศส
o อัตราดอกเบี้ยนบาย 0.00% และวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ 8.0 หมื่นล้านยูโร/เดือนในเดือนมี.ค. และลดลงเป็น 6.0 หมื่นล้านยูโร/เดือนตั้งแต่เดือนเม.ย. ถึง เดือนธ.ค.
จีน
ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นแรงสุดในรอบเกือบ 9 ปี: ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7.8% yoy มากกว่า Reuters Poll คาด 7.7% yoy และเดือนก่อนหน้าที่ 6.9% yoy โดยเป็นผลจากราคาสินแร่เหล็ก และเหล็กที่เพิ่มขึ้น
แต่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัว: เดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 0.8% yoy เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2558 และต่ำกว่า Reuters Poll คาด 1.7% yoy และเดือนก่อนหน้าที่ 2.5% yoy
จีนอนุมัติเครื่องหมายการค้าให้แก่ธุรกิจที่เชื่อมโยงกับ Trump: ทางการจีนได้อนุมัติเบื้องต้นกับเครื่องหมายการค้า 38 เครื่องหมายที่เชื่อมโยงกับธุรกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ “Trump” ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจโรงแรม จนถึงธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และเป็นเครื่องหมายการค้าทั้งภาษาอังกฤษและจีนในนาม “Donald Trump”
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
ประจินยืนยันรัฐบาลไม่เคยหารือแผนปรับขึ้น VAT: พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกับผู้สื่อข่าวในช่วงบ่ายวันนี้ว่า ภาครัฐไม่เคยมีการหารือหรือมีการพูดคุยกันว่าจะมีการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากปัจจุบันที่ใช้อัตรา 7% ให้เป็น 8% ดังนั้น กระแสข่าวดังกล่าวไม่ใช่ข้อมูลที่ออกมาจากภาครัฐ
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450 Krittapol Itthithumsakul
Assistant Analyst
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong
(นวพร เชื้อเมืองพาน เรียบเรียง ;โทร.02-276-5976 อีเมล์: [email protected] )