- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 09 March 2017 17:17
- Hits: 2225
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? คาดยังมีโอกาสปรับลง ภายใต้น้ำหนักกดดันจากประเด็นต่างประเทศ หลังตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าความคาดหมาย คาดส่งสัญญาณที่ดีต่อตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่จะมีการเปิดเผยวันศุกร์ นี้ และทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมในสัปดาห์หน้า (14 – 15/3/60) ซึ่งคาดเป็นปัจจัยลบต่อภาพรวมตลาดถึงวันประชุมเฟด (ทราบผลประชุมเช้า วันพฤ. 16/3/60 ตามเวลาไทย) ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง คาดส่งผลต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ภายใต้ประเด็นข้างต้น ยังแนะจับตา (1) เงินสหรัฐฯ ที่คาดมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายเป็นเงินสหรัฐฯ มีราคาลดลง และ (2) Fund Flow ไหลออกจาก Emerging Market รวมถึงไทย
ขณะที่ในระยะกลาง มีการเลือกตั้งของหลายๆ ประเทศในยุโรป เช่น ฮอลแลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ตามลำดับ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองก็จะกดดันภาพรวมตลาดในระยะต่อไป
ทางด้านประเด็นในประเทศ แม้ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ แต่คาดได้รับปัจจัยกดดันจากหุ้นในกลุ่ม Laeasing หลังมีความกังวลต่อประเด็นการปล่อยกู้ของ GL ให้กับบริษัทย่อย (จากรายงานของผู้สอบบัญชีประจำปี 2559)
รวมถึงยังได้รับปัจจัยกดดันเพิ่มขึ้นจาก Fund Flow ไหลออกต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และทำให้ YTD กลับเป็นยอดขายสุทธิสะสม สูงกว่า 6,200 ล้านบาท อย่างไรก็ตามได้รับการชดเชยเข้ามาบ้าง จากแรงซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศ
ขณะที่ในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดดีขึ้นตามลำดับ ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59
SET SET50 SET100
1,551.73 +1.86 980.14 +5.61 2,207.20 +10.42
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -69.03, NASDAQ +3.62, S&P -5.41, FTSE -4.38, CAC +5.48 และ DAX +1.17
ภายใต้ปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ลดลงกว่า 5% หลัง EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุด เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9 ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาดรวมถึงตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ - ก.พ. เพิ่มขึ้น 298,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง ทำให้เพิ่มน้ำหนักมากขึ้น ต่อประเด็นการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดย CME Group FedWatch ระบุว่า ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ บ่งชี้ว่า มีโอกาสสูงถึง 91% ที่เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ (14 – 15/3/60)
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี – ม.ค. เพิ่มขึ้น 2.8% ดีกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5% อย่างไรก็ตามการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประชุมนโยบายการเงินในนี้ (9/3/60) ซึ่งคาดจะส่งสัญญาณเรื่องทิศทางการดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงิน หลังเงินเฟ้อของยูโรโซน – ก.พ. เพิ่มขึ้นแตะระดับ 2% ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.1 1.9 3.05
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 62,029.17
สถาบัน 167.53
บัญชีหลักทรัพย์ 416.5
ต่างประเทศ -843.46
ในประเทศ 259.43
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ TKN เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCB เป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี’60ที่โดดเด่น เช่น ANAN และ SPALI เป็นต้น
(6) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐและเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ และ UNIQ เป็นต้น
(7) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ BANPU ปรับตัวขึ้นตามราคาถ่านหิน
(8) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจขนส่งทางเรือ เช่น PSL คาดได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเรือเทกอง
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.04 อยู่ที่ 2.55%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.41 อยู่ที่ 11.86
หุ้นแนะนำ : BR
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788