- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 09 March 2017 17:12
- Hits: 2005
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มลงทดสอบ 1530
SET Index: 1547.73 ปรับตัวลดลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวัรบสำคัญที่ 1550 จุด หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเมื่อวานกลับขึ้นไปปิดเหนือเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวที่ 1550 จุดลงไป พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1535 จุด และมีแนวรับถัดไปที่ 1515 จุด โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1560-1565 จุด ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้จะเป็นสัญญาณซื้อ
แนวต้าน : 1548 และ 1550
แนวรับ : 1545 และ 1540
GL = 34.00 / 37.50, PTT = 386 / 392, ADVANC = 169 / 171, AOT = 39.00 / 39.50, BDMS = 20.60 / 20.80
GFPT (GFPT TB; THB 15.70) -ซื้อ
แนวต้าน : 16.80 และ 17.00
แนวรับ : 15.70 และ 15.50
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เริ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของรูปแบบสามเหลี่ยมขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ GFPT โดยมีแนวรับที่ 15.70 และ 15.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 16.80 และ 17.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 15.20 ลงไป
WHA Corporation (WHA TB; THB 3.02) -ซื้อ
แนวต้าน : 3.14 และ 3.20
แนวรับ : 3.02 และ 3.00
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องในระยะสั้น หลังจากปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้การปรับตัวลดลงมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิคที่บริเวณแนวรับสำคัญ
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวลดลงเข้าใกล้ระดับ 30
แนะนำซื้อ WHA โดยมีแนวรับที่ 3.02 และ 3.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.14 และ 3.20 เป็นจุดขายทำกำไร
ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.98 ลงไป รอซื้อเพิ่มที่บริเวณ 2.84
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ความเสี่ยงช่วงสั้นที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับความเสี่ยงในช่วงสั้นๆ นี้อาจเกิดขึ้นได้ เรามองว่ามาจากแรงขายทำกำไรหุ้นทั่วโลก ในช่วงหลังการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ เนื่องจากตอนนี้ตลาดหุ้นโลกกำลังขึ้นไปเล่นที่จุดสูงสุดใหม่ จากการรับข่าวในเชิงบวกกับ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและโลก นอกนั้นเป็นผลจากการมองนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ จะช่วยหนุนกำไรของตลาดหุ้นสหรัฐ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หากดูเฉพาะการ Valuation ผ่านค่า EPS และ P/E 12 เดือนล่วงหน้าของตลาดหุ้นโลก (MSCI AC World) จากรูปด้านซ้าย จะพบว่า ดัชนีกำลังสร้างสถิติสูงสุด ขณะที่กำไรต่อหุ้น ยังทรงๆ และที่สำคัญที่สุด คือ กำลังเล่นกันที่ค่า p/E 12 เดือนล่วงหน้าสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2547 ที่ 16.1 เท่า
แม้จะเล่นกันที่ค่า P/E สูงสุดในรอบหลายๆ ปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไปต่อไม่ได้ โดยหากมีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา ตลาดหุ้นโลก อาจจะขึ้นต่อได้อีก แต่ในช่วงสั้นๆที่ยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เรามองว่าเริ่มมีความเสี่ยงที่อาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมา หากเกิดมีแรงขายอย่างที่คาด ก็น่าจะมาจากแรงขายในตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดเกิดใหม่ หลังสหรัฐขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากสภาพตลาดหุ้นในสหรัฐตอนนี้อยู่ในช่วงสูญญากาศ คือไม่มีปัจจัยใหม่ๆ อะไรที่คอยหนุนดัชนี จนกว่างบ Q1/17 จะทยอยประกาศในเดือน เม.ย.
สำหรับในตลาดหุ้นไทยเอง หลังขึ้นสูงสุดที่ 1600 จุด แล้วซึมลง ก็ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะประเด็น อัตราการทำกำไรของตลาด ที่ค่อยๆ ลดลงจากการประมาณการณ์เดิม หากดูในรูปด้านขวา เราจะพบว่า แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทย (MSCI Thailand) ยังไม่อยู่ในจุดสูงสุด แต่ตัวที่กำลังบ่งชี้ว่าตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่ความร้อนแรงหรือแพง คือ ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าที่กำลังเทรดกันที่ 14.4 เท่า ลดลงจากจุดสูงสุดที่ประมาณใกล้ 15 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นค่าสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2544 การที่ดัชนีขึ้นได้ไม่มาก แต่ค่า P/E กำลังแพง ก็มาจากอัตราการทำกำไรของตลาดลดลง นั่นเอง ซึ่งดูได้จากค่า EPS 12 เดือนล่วงหน้าที่กำลังลดลง จากเดิม
หลายๆ สัญญาณที่กำลังคล้ายๆ กันในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะ ดัชนีตลาด และค่า P/E ที่กำลังขึ้นไปเล่นค่าสูงสุด เรามองว่าหากมี Upside ในการขึ้นจะต่ำลง ขณะที่ Downside เพิ่มขึ้น จนกว่าจะเห็นความชัดเจนหรือรายละเอียดของแผนเศรษฐกิจสหรัฐหรือกำไรของตลาดใน Q1/17 ดังนั้นในช่วง มี.ค. นี้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย มีโอกาสที่ตลาดยังถูกกด จากการขาดปัจจัยหนุนภายในและภายนอก รวมทั้งแรงขายของนักลงทุนต่างชาติในหุ้นใหญ่บางกลุ่ม
หากดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐเกิดความผันผวน ประกอบกับตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วง XD ดัชนี SET น่าจะย่อตัวลงได้อีก แม้จะมีการดีดตัวขึ้นได้บ้างแต่คงไม่มาก โดยในสัปดาห์หน้า หากมีการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ คาดตลาดจะผันผวนในช่วงก่อนและหลังการประกาศ โดยหลังตัวเลข ADP ที่ออกมาดีเกินคาด ทำให้โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 85% โดยดัชนี SET ที่รีบาวน์ขึ้นมายืนเหนือ 1550 จุดเมื่อวานนี้ เป็นผลทางเทคนิค โดยมองรอบการลงน่าจะยังมีอีก เนื่องจากยังไม่เห็นสัญญาณกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้าซื้อหุ้นเป็นจริงจังรวมทั้งความเสี่ยงจากภายนอก วันนี้มองดัชนี SET จะกลับมาผันผวนขึ้นอีก โดยจะเผชิญกับแรงขายหุ้นพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิ่งลงมากกว่า 5% วันนี้มองแนวรับที่ 1540-1535 แนวต้านที่ 1555-1560 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร CPF AAV VIBHA
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,547.73 จุด ลดลง 4.00 จุด (-0.26%) มูลค่าการซื้อขาย 18,560.56 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,550.41 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,544.62 จุด
Afternoon Perspective…
ภาวะตลาดฯช่วงบ่าย แนวโน้มบ่าย แกว่งลง ระยะสั้นตลาดเกิดเทคนิเคลรีบาวน์แล้วไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 1550 จุด เรามองว่าจะเป็นการยืนยันการเข้าสู่รอบขาลง โดยจะมีแนวรับระหว่างทางที่ 1535 จุด และ 1505 จุด ค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลงต่อเนื่อง จะกดดันให้เกิดแรงขายของต่างชาติออกมากดดันตลาดต่อเนื่อง ระยะสั้นเน้นเก็งกำไรรายตัว แนะนำ KCE โดยมีประเด็นหนุน 1) การอ่อนค่าของค่าเงินบาท 2) ราคาวัตถุดิบทองแดงน่าจะเริ่มปรับตัวลดลง หลังค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 3) สัญญาณทางเทคนิคเกิด bullish divergence ประเมินราคาเหมาะสมที่ 117 บาท
Technical Pick (PM) ...
GFPT (GFPT TB; THB 15.70) - ซื้อ
WHA Corporation (WHA TB; THB 3.02) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]