- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 09 March 2017 17:04
- Hits: 1167
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ยังคงเป็นภาพของการปรับฐานลงต่อ ทำระดับต่ำสุดที่ 1,534 จุด ก่อนเกิด Technical rebound โดยหุ้นหลักอย่าง PTT / SCC ฟื้นตัวเด่น ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กปรับตัวลงแรง นำโดย GL ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,551.73 จุด บวก 1.86 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 62,029 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 8 ลดลงเหลือ 843 ล้านบาท กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 971 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 8 มากถึง 7,874 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการประชุม ECB วันนี้
ตลาด “ฟันธง” เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15 มี.ค.นี้
การจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดอย่างมีนัยยะสำคัญ
ต่างชาติชะลอการขายตลาดหุ้นไทย
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 29)
SET INDEX เกิด Technical rebound วานนี้ตามคาด เพียงแต่ Upside gain จำกัด แนวต้าน 1,565 จุด +/- อาจยังไม่ผ่านในการฟื้นตัวรอบนี้ เพราะต่างชาติยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทย และ Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกทั้งปัจจัยสำคัญคือ ความเห็นของประธานเฟดหลังการประชุมวันที่ 15 มี.ค. ต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเป็นอย่างไร
หากทยอยขึ้นในช่วงที่เหลือ โดยติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ และนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล Trump ควบคู่การพิจารณา เชื่อว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะฟื้นตัวเด่น
แต่หากส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง จะกลายเป็นปัจจัยลบที่กดดันตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะกลับมาแข็งค่าอย่างโดดเด่น
เราให้น้ำหนักกับกรณีแรกมากกว่ากรณีที่ 2 หากเป็นไปตามคาด การปรับฐานของตลาดหุ้นทั่วโลกจะสิ้นสุดและกลับมาฟื้นตัวหลังการประชุมเฟด
กลยุทธ์การลงทุน “ถือพอร์ตที่สะสมมาก่อนหน้านี้ และเข้าเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีโอกาสฟื้นตัวเด่นรอบสั้น”
Daily Pick
1. สะสม SCB : ราคาปิด 154.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
a) จะขึ้น XD เงินปันผล 2H59 หุ้นละ 4.00 บาท ในวันที่ 24 เม.ย. คิดเป็น Dividend Yield 2.5%
b) มีปัจจัยบวกรออยู่ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการขายหุ้น SCB LIFE ให้กับพันธมิตรต่างชาติ ในเดือน เม.ย. โดยมีผู้สนใจเสนอซื้อได้แก่ AIA, Manulife, Prudential และ FWD Group และประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะมีกำไรพิเศษสูงถึง 3.5 หมื่นล้านบาท หรือ ราว 10 บาทต่อหุ้น
c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +19% yoy เป็น 5.6 หมื่นล้านบาท จากสินเชื่อที่กลับมาขยายตัวในทิศทางเดียวกับการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่คุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีขึ้น จะช่วยลดแรงกดดันเรื่องการกันสำรองให้ลดลงในปี 2560 โดยมี Coverage Ratio สิ้นปี 2559 ที่ 134.3% เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่ 109.8%
2. เก็งกำไร CKP : ราคาปิด 3.26 บาท ราคาเหมาะสม 3.50 บาท
a) มีปัจจัยบวกรออยู่ เนื่องจากคาดว่ามีโอกาสได้สิทธิสัมปทานโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแห่งใหม่ในลาว ขนาดราว 1200-1300 MW ใกล้เคียงกับโครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรี และจะช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาวให้กับบริษัท
b) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +81.8% yoy เป็น 470 ล้านบาท จากแรงหนุน BIC2 ที่จ.อยุธยา ซึ่งจะเริ่มจ่ายไฟในปี 2560
c) จุดเด่นของธุรกิจโรงไฟฟ้าคือการเติบเติบโตอย่างต่อเนื่องของกำไร โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2561 จะเติบโต +7.8% yoy เป็น 506 ล้านบาท และเติบโตก้าวกระโดดอีกครั้งในปี 2562 ที่รับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตถึง +68.6% yoy เป็น 853 ล้านบาท และมี Upside อีกไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 0.50 บาท จากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแห่งใหม่ในลาวซึ่งยังไม่รวมไว้ในประมาณการของเรา
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul
Assistant Analyst