- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 07 March 2017 17:32
- Hits: 1566
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้หลุดแนว 1,560 จุด โดยกลุ่มไฟแนนซ์ปรับฐานลงแรง นำโดย GL และกลุ่มหลักอย่างกลุ่มพลังงาน - ปิโตรเคมี ตามราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลงหลังจีนลดเป้า GDP ปีนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นในเอเชียปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ ปิด ณ สิ้นวันที่ 1,553.61 จุด ลบ 12.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 38,748 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 อีก 2,202 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 เพียง 2,535 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 ลดลงเหลือ 944 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ต่างชาติทยอยลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
- Trump ออกคำสั่งพิเศษฉบับใหม่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวและผู้อพยพ 6 ประเทศมุสลิมแล้ว
- ตลาดคาด 96% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15 มี.ค.
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 27)
เมื่อ SET INDEX หลุดแนว 1,560 จุดวานนี้ กดดันจิตวิทยาการลงทุนของนักลงทุนในประเทศกลับมาแพนนิคมากขึ้น โอกาสเกิดการขายลดพอร์ตการลงทุนในช่วง 2-3 วันมีมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนตลาดหุ้นไทยปี 2560 ยังไม่เปลี่ยนแปลง Bloomberg consensus คาดกำไรสุทธิ SET INDEX ปีนี้เติบโต 10.06% yoy ภายใต้ PER60 เท่ากับ 15.07x เทียบกับ JSX และ PSE เท่ากับ 15.62x และ 17.62x ตามลำดับ ขณะที่การเติบโตของกำไรสุทธิทั้ง 2 ตลาดเท่ากับ 57.79% yoy และ 12.48% yoy ตามลำดับ เราจึงประเมินว่า Downside risk ของ SET INDEX จำกัด กระแสเงินทุนต่างชาติที่ลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทย เพื่อปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในระยะสั้น ก่อนการประชุมเฟดวันที่ 14-15 มี.ค.นี้
เราประเมินกรอบแกว่ง SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,545-1,560 จุด ให้น้ำหนักกับการเกิด Technical rebound บริเวณ 1,545 จุด +/- เพียงแต่การฟื้นตัวยังเป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน จนกว่าทิศทางค่าเงินบาทจะทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
กลยุทธ์การลงทุน "คงแนะนำทยอยสะสมหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนสำหรับงวดปี 2559 หรือ 2H59 สูงกว่า 4%" สำหรับการลงทุนระยะกลางและยาว ชะลอการเก็งกำไรรอบสั้น
Daily Pick
1. สะสม KTB : ราคาปิด 19.60 บาท ราคาเหมาะสม 21.00 บาท
a) เราคาด KTB เงินปันผลงวดปี 2559 เท่ากับ 0.90 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.50% ตามปกติ KTB มักจะประกาศจ่ายปันผลช่วงปลายเดือนมี.ค.
b) ปัจจัยบวกระยะ 2 เดือนข้างหน้าคือ การประชุมผู้ถือหุ้นของ AQ เพื่ออนุมัติแผนการเพิ่มทุน PP และ RO ช่วงปลายเดือนเม.ย. หากอนุมัติและเพิ่มทุนได้สำเร็จ AQ จะนำเงินมาชำระเงินกู้กับ KTB ทั้งเงินต้นบวกดอกเบี้ยราว 1.3 หมื่นล้านบาท ทำให้ KTB จะสามารถบันทึกรายการดังกล่าวเป็นกำไรได้ใน 2Q60
c) ปัจจัยข้างต้นจะทำให้ภาระการตั้งสำรองของ KTB ในปีนี้ลดลง แต่จะเป็นการเพิ่มอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้วัดคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้น
d) ราคา ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PBV60 ต่ำเพียง 0.94x และ PER60 เท่ากับ 8.25x
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กลับมาซื้อสุทธิ US$203 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$215 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยทั้ง Spot และ Futures ต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 อีก 2,202 ล้านบาท รวม 6 ขายสุทธิ 7,529 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 3,034 ล้านบาท
SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 ลดลงเหลือ 2,535 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 10,063 สัญญา คาดเป็นการทยอยมาเปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง ทำให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิทะลุ 50,000 สัญญา เป็น 52,964 สัญญา เมื่อ S50H17 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 4 แคบลงเหลือ 0.64 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 4.01 จุด
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิเป็นวันที่ 6 ลดลงอีกเป็น 944 ล้านบาท รวม 6 วันทำการขายสุทธิ 12,517 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,871 ล้านบาท โดยราคาพันธบัตรไทยปรับฐานลงเป็นวันที่ 6 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นอีก 0.35bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.05bps ปิดที่ 2.785%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 874 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 408 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 54 หลักทรัพย์ เทียบกับวันก่อนหน้า 46 หลักทรัพย์
NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 กลับมาเน้นลดน้ำหนักกลุ่มหลักอีกครั้ง
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิอีก 835 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 729 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR กลับมาลดน้ำหนักกลุ่มหลักอย่างกลุ่มพลังงาน 352 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร 312 ล้านบาท กลุ่ม ICT 298 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิกลุ่มไฟแนนซ์สูงสุด 265 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง 93 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
นโยบายทางการเมือง - เศรษฐกิจของประธานาธิบดี Trump
- นโยบายการห้ามนักท่องเที่ยวฉบับใหม่ จุดที่แตกต่างจากครั้งแรกคือ
- ห้ามนักท่องเที่ยวจาก 6 ชาติมุสลิม คือ อิหร่าน, ลิเบีย, ซีเรีย, โซมาเรีย, ซูดาน และเยเมน เป็นเวลา 90 วัน ยกเว้นอิรักที่ได้รับการยกเว้น
- นโยบายใหม่มีผลตั้งแต่ 16 มี.ค.
- ข้อห้ามนี้ยกเว้น คนที่ถือ Green Card จากนโยบายครั้งแรกที่จะยกเว้นเป็นกรณีไป
- ข้อห้ามนี้จะยกเว้นให้กับคนที่มีวีซ่าภายในวันที่ 27 ม.ค.
- ห้ามผู้อพยพเป็นการชั่วคราว 120 วัน ไม่มีการกำหนดเฉพาะเจาะจงไปที่ประเทศใด เหมือนครั้งแรกที่กำหนดผู้อพยพจากซีเรียจะไม่ได้รับการอนุมัติเข้าประเทศ
- กำหนด 50 ประเทศให้เพิ่มมาตรการการออกวีซ่าเข้าสหรัฐฯ
นโยบายด้านสุขภาพ: วุฒิสภาของพรรค Republicans ได้เปิดเผยแผนเบื้องต้นที่จะนำมาใช้แทน Obamacare ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญคือ การขอเงินคืน, การยกเว้นภาษีล่วงหน้าสำหรับลูกค้าที่ซื้อแผนประกันสุขภาพ เริ่มต้น US$2,000 สำหรับผู้ซื้อแผนอายุ 20-29 ปี และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง US$4,000 สำหรับผู้ซื้อแผนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี นอกจากนี้ ให้อำนาจกับมลรัฐในการขยายโครงการรักษาให้กับผู้สูงอายุภายในปี 2563 และกำหนดเพดานการให้เงินรักษาต่อคน
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
- คำสั่งซื้อโรงงาน เดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.2% mom ใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus คาด 1.1% mom และเดือนก่อนหน้า 1.3% mom แต่หากไม่รวมอุปกรณ์ด้านยานยนต์ คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% mom
ยุโรป
Brexit อาจไม่ยืนยันว่าจะลดผู้อพยพเข้าอังกฤษได้: รายงานจาก House of Loads พบว่า Brexit อาจไม่สามารถลดจำนวนผู้อพยพเข้าอังกฤษได้ในภาพรวม ทั้งนี้ประเด็นนี้ถือเป็นสาเหตุหลักที่ประชาชนโหวต Brexit ในปี 2559 การเจรจาระหว่างอียู และอังกฤษ หลัง Brexit แน่นอนว่าจะมีการหารือและกำหนดเงื่อนไขใหม่ของประชาชนในสมาชิกอียูที่จะเข้าอังกฤษ แต่อาจไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะลดจำนวนผู้อพยพในภาพรวมได้
นายกฯ กรีซคาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะกลับมาเติบโตเด่น: ประเมินไว้ที่ 2.8% ปีนี้ หลังเศรษฐกิจหดตัวลง 1.1% ในปีที่ผ่านมา จากผลของการใช้จ่ายภาครัฐที่ลดลง และการส่งออกที่ติดลบ รวมถึงการท่องเที่ยว
จีน
ประเด็นการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน:
- เซี่ยงไฮ้ ควรเป็นเมืองหลักในการปฎิรูป และพัฒนานวัตกรรม เพื่อให้แน่ใจว่าเขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้จะเป็นแกนนำดังกล่าวและเป็นใบเบิกทางให้จีนก้าวสู่ทวีปอื่นๆ ตามนโยบาย "One Belt, One Road"
- อัตราเงินเฟ้อในปี 2560 เท่ากับ 3.0% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 2.0% ภาพรวมจีนต้องการให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ แม้ว่าจะมีสิ่งที่ท้าทายในการปฎิรูปก็ตาม
- การกำกับดูแลสถาบันการเงินเพื่อปิดความเสี่ยงในตลาดการเงิน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องให้แนวทางกับสถาบันการเงินในการพิจารณาสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อขนาดใหญ่ และการป้องกันจากหนี้เสีย พร้อมสนับสนุนระบบการบริหารความเสี่ยง การวิเคราะห์ถึงผลกระทบจากสินเชื่อต่างๆ, การบริหารความมั่งคั่ง, การปล่อยสินเชื่อให้แก่สถาบันการเงิน และการลงทุน
- หน่วยงานกำกับประกันภัย อยู่ระหว่างการพิจารณาผ่อนคลายหลักเกณฑ์เปิดให้บริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ ส่วนประกันภัยขนาดเล็กจะมีการกำกับควบคุมที่เข้มข้นมากขึ้น ทั้งนี้เป็นการปรับเปลี่ยนจากนโยบาย "One-Size-Fits-All" เพื่อให้มีการแยกแยะด้านขนาดสินทรัพย์, อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ และระดับความเสี่ยงที่รับได้
- ทางการเตรียมผ่อนคลายหลักเกณฑ์การทำ Private Placement (PP) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นการลงทุน หลังเงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้นเพียง 3.2% yoy ในปีที่ผ่านมา
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
ไม่มี
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst