- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 August 2014 18:29
- Hits: 2977
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือเมื่อยืนเหนือ 1520”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาพตลาดวันก่อน : แกว่งแคบ เมื่อวานนี้ตลาดปิดทรงตัวที่ 1522.27 จุด มูลค่าซื้อขายอ่อนลงเป็น 4 หมื่นล้านบาทกลางๆ โดยตลาดขาดปัจจัยใหม่ที่มีนัยสำคัญเข้ามากระตุ้น (แม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องการคว่ำบาตรรัสเซียและการตอบโต้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ถูกนับเข้ามาเป็นประเด็นมาก) โดยปัจจัยเดิมที่มีน้ำหนักเป็นการซื้อ/ขายเก็งกำไรผลประกอบการบจ.ที่ทยอยประกาศออกมา นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับเป็นขายสุทธิ 1 พันล้านบาท สถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ก็ขายสุทธิด้วยเช่นกัน ส่วนรายย่อยซื้อสุทธิ 1.6 พันล้านบาท
ปัจจัยและกลยุทธ์ : ประเด็นการตอบโต้ของรัสเซียต่อชาติตะวันตกที่คว่ำบาตรมีน้ำหนักมากขึ้น ล่าสุดทางสหภาพยุโรปออกมากล่าวว่าอาจจะมีมาตรการตอบโต้รัสเซียเพิ่มหลังจากที่รัสเซียประกาศออกกฎหมายห้ามหรือจำกัดการนำเข้าสินค้าเกษตร คือ เนื้อวัว เนื้อสุกร สัตว์ปีก ปลา ชีสผลไม้ ผัก และผลิตภัณฑ์นมจากประเทศออสเตรเลีย แคนาดา สหภาพยุโรป สหรัฐ และนอร์เวย์ เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งส่วนนี้เป็นบวกกับ CPF ที่คาดว่าจะธุรกิจสุกรในรัสเซียจะดีขึ้น (ซึ่งเดิมมีโรงงานอาหารสัตว์และฟาร์มสุกรอยู่แล้ว) ได้มากขึ้น แต่อาจเป็นลบเล็กๆ กับ GFPT ซึ่งส่งออกโดยตรงไปยุโรปประมาณ 10% ของรายได้รวม โดยอาจถูกต่อรองเรื่องราคานำเข้าลง นอกจากนั้นยังต้องจับตาเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา ซึ่งหากแผ่ขยายมากขึ้นก็อาจกระทบเศรษฐกิจ ในประเทศมีข่าวบวกเรื่องความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวต่อในเดือนก.ค. โดยสูงสุดในรอบ 11 เดือน ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มที่พักอาศัย - หุ้นเด่น AP, PS, SPALI, QH เก็งกำไร BLAND, RML กลุ่มพาณิชย์ & เช่าซื้อ - หุ้นเด่น BIGC และกลุ่มสื่อ – หุ้นเด่น VGI
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือต่ำกว่า 1520 จุดดูไม่ดี โดยมีสิทธิอ่อนตัวไปที่ 1480, 1450 จุด นักลงทุนที่มีหุ้นเยอะและมีเงินสดเหลือน้อยควรลดพอร์ตตาม ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1530-1540 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น RML
Fundamental Pick
RML แนะนำซื้อราคาปิด 2.06 บาท เป้าหมาย 2.52 บาท
* คาดการณ์กำไร 2Q57 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 407 ล้านบาท (+79% y-o-y และ +12% q-o-q)ทั้งนี้แม้ว่าการโอนรับรู้รายได้ไตรมาสนี้อยู่ที่ 1,850 ล้านบาท (+7% y-o-y) แต่อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยจะสูงถึง 41.5% เทียบกับ 33.9% ใน 2Q56 สาเหตุคือการโอนส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้มาจากคอนโด 185 ราชดำริที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูง
* บริษัทกำลังเจรจาซื้อที่ดินหรือใช้วิธีร่วมทุนกับเจ้าของที่ดินอยู่หลายแปลง โดยมีเป้าหมายเปิดโครงการใหม่ 1 แห่งภายในปีนี้ (โครงการที่ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ Zire วงศ์อำมาตย์, Unixxพัทยา, The Loft เอกมัย, The River, 185 ราชดำริ) นอกจากนี้บริษัทยังสนใจรุกเข้าสู่ธุรกิจอาคารสำนักงาน และ Community Mall ที่ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารชาวสิงคโปร์มีความถนัดและมีประสบการณ์ที่ต่างประเทศมาแล้ว
* คาดการณ์กำไรปีนี้โตถึง 64% และปีหน้าเพิ่มได้อีก 5% y-o-y ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่เป็นปีที่ 3ต่อเนื่อง แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 2.52 บาท อิงกับ P/E ปี 58 ที่เพียง 7 เท่า
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
• ยุโรป : ประธาน ECB ส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อ
* นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยูโรโซนยังฟื้นตัวไม่สม่ำเสมอ พร้อมกับส่งสัญญาณว่า ECB จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป นายดรากิระบุว่าวิกฤตการณ์ในยูเครนถือเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจยูโรโซน
- ยุโรป : อาจมีมาตรการตอบโต้กรณีรัสเซียห้ามนำเข้าสินค้าเกษตร
* สหภาพยุโรป (อียู) ได้แสดงความผิดหวังที่รัฐบาลรัสเซียประกาศห้ามนำเข้าอาหารจาก EUพร้อมระบุว่า EU เตรียมพร้อมที่จะใช้มาตรการที่เหมาะสม โดยสำนักข่าวซินหัวรายงานว่ารัฐบาลรัสเซียได้สั่งห้ามนำเข้าเนื้อวัว เนื้อสุกร สัตว์ปีก ปลา ชีส ผลไม้ ผัก และผลิตภัณฑ์นมจากประเทศออสเตรเลีย แคนาดา สหภาพยุโรป สหรัฐ และนอร์เวย์ เป็นเวลา 1 ปี
+ ยูเครน : ธนาคารโลกอนุมัติเงินกู้ให้ 500ล้านUS$ สนับสนุนภาคธนาคาร
* คณะกรรมการบริหารของธนาคารโลกมีมติอนุมัติเงินกู้มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนมาตรการเสริมสร้างภาคการธนาคารของยูเครนให้แข็งแกร่ง อีกทั้งธนาคารโลกจะสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุนรับประกันเงินฝาก (DGF) เพื่อแก้ปัญหาธนาคารที่ประสบภาวะล้มละลาย ขณะเดียวกันก็จะสนับสนุนความพยายามในการชำระหนี้ในระบบธนาคารโดยผ่านการประเมินธนาคารรายใหญ่ 35 แห่งในยูเครน และจะช่วยเหลือรัฐบาลยูเครนในการกำหนดกรอบการทำงาน เพื่อช่วยให้ภาคการธนาคารมีประสิทธิภาพและความโปร่งใส
* ทั้งนี้การจัดหาเงินกู้ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการสนับสนุนที่ธนาคารโลกประกาศใช้เมื่อเดือนมี.ค.ปีนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะจัดหาเงินกู้ให้กับยูเครนในวงเงินสูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2557
+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคแรงงานสดใส
* จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ส.ค.ของสหรัฐ ลดลง14,000 ราย แตะระดับ 289,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ304,000 ราย นับว่าภาคแรงงานสหรัฐมีการฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่อง
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดร่วงลงเพราะวิตกสถานการณ์การเมืองระหว่างรัสเซียและสหรัฐ & พันธมิตร
* นักลงทุนวิตกกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซีย ยูเครน และชาติตะวันตกจะทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากรัสเซียตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและยุโรปด้วยการประกาศห้ามนำเข้าอาหารจากประเทศเหล่านี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,368.27จุด ลดลง 75.07 จุด หรือ -0.46% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,334.97 จุด ลดลง 20.08 จุด หรือ -0.46% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,909.57 จุด ลดลง 10.67 จุด หรือ -0.56%
+ สัญญาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นเล็กน้อย
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ ปิดที่ 97.34 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ ปิดที่ 105.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยที่ผลักดัน คือ สถานการณ์ที่ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก
+ สัญญาทองคำ COMEX : ปรับขึ้นต่อ
* ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกส่งสัญญาณว่าจะรุนแรงมากขึ้น หลังจากรัสเซียตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและยุโรปด้วยการประกาศห้ามนำเข้าอาหารจากประเทศเหล่านี้ แต่ประเด็นดังกล่าวเป็นบวกกับราคาทองคำ เมื่อคืนนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.3 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,312.5ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ
+/- CPF มีโอกาสขยายธุรกิจในรัสเซียมากขึ้น แต่เป็นลบเล็กๆ กับ GFPT ที่อาจจะถูกต่อรองราคาส่งออก
* ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ลงนามกฤษฎีกาสั่งห้ามหรือจำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากบรรดาประเทศที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับรัสเซีย โดยมีผลบังคับใช้ทันที และอาจมีการทบทวนในอนาคต
* ราคาหุ้นกลุ่มอาหารในสหรัฐและยุโรปร่วงลงรับข่าวดังกล่าว ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับไทยที่จะส่งออกสินค้าประเภทอาหารไปรัสเซียได้มากขึ้น ทั้งนี้บริษัทอาหารของไทยที่มีธุรกิจในรัสเซียอยู่แล้ว และมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจได้มากขึ้น โดยเฉพาะสุกร คือ CPF ทั้งนี้ในปี56 บริษัท CPF Investment Limited (CPFI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CPF ได้ลงทุนในหุ้นสามัญของ Russia Baltic Pork Invest ASA (RBPI) ประกอบธุรกิจสุกรในเขต Kaliningkrad, NizhnyNovgorod, และ Penza ประเทศรัสเซีย เนื่องจากผู้บริหารมองว่าธุรกิจสุกรในประเทศรัสเซียเป็นการต่อยอดธุรกิจอาหารสัตว์ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว โดยมีกำลังการผลิตอาหารสัตว์ 2.4แสนตันต่อปี
* แต่...เป็นลบเล็กๆ กับ GFPT เพราะเมื่อผู้ประกอบการในสหภาพยุโรปส่งออกไปรัสเซียไม่ได้หรือน้อยลง ก็จะมีอุปทานในภูมิภาคสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ที่ยุโรปส่งออกไปรัสเซียเป็นประเภท By Product ซึ่งทำให้กระทบกับการส่งออกไก่ของไทย & GFPT ไม่มาก แต่ก็มีโอกาสที่จะถูกต่อรองราคานำเข้าให้ลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ราคาส่งออกไก่ไปญี่ปุ่นถูกต่อรองให้อ่อนลงไปด้วย ทั้งนี้ GFPT ส่งออกไก่ไปยุโรปคิดเป็น 51% ของการส่งออกโดยตรงทั้งหมดของบริษัท หรือคิดเป็นประมาณ 10% ของรายได้รวม และส่งออกไปญี่ปุ่น 49%ของการส่งออกโดยตรงทั้งหมด
* ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำซื้อ CPF โดยคาดว่าผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องใน2H57 และเติบโตได้ในปี 58 ให้ราคาพื้นฐาน 33 บาท ส่วนราคาหุ้น GFPT มีโอกาสอ่อนตัวลงจากประเด็นนี้ในระยะสั้น แต่เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังคงแข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว เราจึงแนะนำทยอยซื้อจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว ราคาพื้นฐาน 16.40 บาท
- กลุ่มเหล็ก : ผู้ประกอบการเหล็กแผ่นขอให้คสช.ทบทวนมาตรการเซฟการ์ดนำเข้าจากต่างประเทศ...เป็น Sentiment ลบกับผู้ผลิตรายใหญ่ในประเทศ คือ SSI,GSTEL & GJS
* นายวรุณชัย ลีกาญจนกร เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่น ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปเหล็กแผ่นในประเทศ เปิดเผยว่าสมาคมมีความต้องการให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทบทวนมาตรการป้องการนำเข้าเหล็กหรือมาตรการเซฟการ์ดจากต่างประเทศ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวเปรียบเหมือนการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มบริษัทสหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด(มหาชน) – SSI และกลุ่มบริษัทจี สตีล จำกัด (มหาชน) – GSTEL & GJS ที่มียอดขายปีละประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ปรับราคาขายเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศสูงขึ้นกว่าตลาดโลก 34%โดยราคาในประเทศอยู่ที่ตันละ 700 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ราคาตลาดโลกอยู่ที่ 520 เหรียญสหรัฐเท่านั้น และเมื่อนำเหล็กมาแปรรูป ผู้ประกอบการจะบวกต้นทุนไปอีกตันละ 100 เหรียญสหรัฐขณะที่ส่วนต่างที่ผู้ประกอบการแปรรูปเหล็กแผ่นรับได้ต้องเป็นราคาสูงกว่าตลาดโลกไม่เกิน 5-10% ส่งผลให้ผู้ประกอบการแปรรูปเหล็กแผ่นยอดขายลดลงแล้วประมาณ 20-30%YoY
* หากมีการทบทวนและให้ยกเลิกมาตรการเซฟการ์ด ก็จะเป็นลบกับทั้ง SSI, GSTEL &GJS ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนรายใหญ่ของประเทศ เพราะผู้ประกอบการจะมีการนำเข้าเหล็กแผ่นที่ราคาต่ำกว่าจากภายนอก โดยเฉพาะจากจีน เข้ามามากขึ้น ทำให้ยอดขายของทั้ง 3บริษัทในไทยมีโอกาสจะลดลงหรือไม่เติบโตตามภาวะการก่อสร้างที่ดีขึ้น
+ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก.ค.เพิ่มเป็น78.2 สูงสุดในรอบ 11 เดือน...เป็นบวกกับกลุ่มที่พักอาศัย, พาณิชย์ & เช่าซื้อ, สื่อ
* ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ค.57 อยู่ที่ 78.2 เพิ่มขึ้นจาก 75.1 ในเดือน มิ.ย.57 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 68.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเช่นกัน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 71.7 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 94.6
* นับว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนก.ค.57 ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ และเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนเนื่องจากมีความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองไทยว่ามีเสถียรภาพมากขึ้น และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะส่งผลในเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของรายได้ของผู้บริโภคในอนาคต
* กลุ่มที่ได้รับผลดีจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น คือ กลุ่มที่พักอาศัย - หุ้นเด่น AP, PS,SPALI, QH เก็งกำไร BLAND, RML กลุ่มพาณิชย์ & เช่าซื้อ - หุ้นเด่น BIGC และกลุ่มสื่อ – หุ้นเด่น VGI
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]