- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 06 March 2017 17:24
- Hits: 4448
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? คาดยังมีโอกาสปรับลง ภายใต้น้ำหนักจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นความเป็นไปได้ที่เฟดอาจพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือนนี้ (14 – 15/3/60) หลังถ้อยแถลงล่าสุดของประธานเฟดสอดคล้องกับเจ้าหน้าที่เฟดหลายๆ สาขา ที่ออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ ยังแนะจับตา (1) เงินสหรัฐฯ ที่คาดมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หลังเฟด
ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายเป็นเงินสหรัฐฯ มีราคาลดลง และ (2) Fund Flow ไหลออกจาก Emerging Market รวมถึงไทย
ส่วนทางด้านแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ปธน.สหรัฐฯ ทั้งการปรับลดภาษี (เงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล) พร้อมงบประมาณใช้จ่ายโครงการสาธารณูปโภค ที่สูงถึง 1.0 ล้านล้านUSD คาดสะท้อนไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้ โดยที่ล่าสุดยังไม่มีการส่งสัญญาณการกีดกันทางการค้า คาดแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่คาดดีขึ้นตามลำดับ ส่งผลดีต่อประเทศ
คู่ค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ รวมถึงไทย (สัดส่วนประมาณ 10%ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด หรือประมาณ 700,000 ล้านบาท/ปี)
ขณะที่ในระยะกลาง มีการเลือกตั้งของหลายๆ ประเทศในยุโรป เช่น ฮอลแลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ตามลำดับ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองก็จะกดดันภาพรวมตลาดในระยะต่อไป
ทางด้านราคาน้ำมัน คาดในระยะสั้นยังมีความผันผวนจาก (+) แผนการปรับลดปริมาณผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ทั้ง OPEC และ Non OPEC (-) ปริมาณผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่ยังเพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ยังคงมีความกังวลอุปทานส่วนเกิน อย่างไรก็ตาม คาดระดับราคาน้ำมันในปี’60 อยู่ในระดับที่สูงกว่าปี’59 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 41 – 42USD ดังนั้นเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนเมื่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับลดลง
ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ คาดยังได้รับปัจจัยกดดันเพิ่มขึ้นจาก Fund Flow ไหลออกต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และทำให้ YTD กลับเป็นยอดขายสุทธิสะสม 832 ล้านบาท อย่างไรก็ตามได้รับชดเชยเข้ามาบ้างจากแรงซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศ ขณะที่คาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ได้รับ Sentiment ลบ จากประเด็นการเลื่อนเปิดประมูลโครงการรถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง มูลค่ารวม 45,460 ล้านบาท ได้แก่ (1) เส้นทางนครปฐม – หัวหิน ราคากลาง 19,270 ล้านบาท (2) เส้นทางหัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ ราคากลาง 9,990 ล้านบาท และ (3) เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร ราคากลาง 16,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน เนื่องจากผู้รับเหมาฯ ส่วนใหญ่มี Backlog เพียงพอต่อการรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2 ปีข้างหน้า
SET SET50 SET100
1,566.20 -3.74 983.41 -2.52 2,219.06 -6.32
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +2.74, NASDAQ +9.53, S&P +1.20, FTSE -8.09, CAC +31.33 และ DAX -32.21
หลังประธานเฟด ส่งสัญญาณชัดเจนว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ (14 – 15/3/60) หากเศรษฐกิจมีการขยายตัวที่สอดคล้องกับคาดการณ์ของเฟด ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับ
การส่งสัญญาณของเจ้าหน้าที่หลายคนก่อนหน้านี้ พร้อมมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้ง (1) อัตราว่างงาน - ม.ค. อยู่ที่ 4.8% สอดคล้องกับการประเมินของเฟด (2) เศรษฐกิจสามารถรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศได้ และ (3)
เงินเฟ้อ - ม.ค. ส่งสัญญาณเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับเกือบ 2% ของเฟด
ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย ดัชนีภาคบริการของ ISM – ก.พ. อยู่ที่ 57.6 เพิ่มขึ้นจาก 56.5 เมื่อม.ค. และขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 86
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป การซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา โดยตลาดหุ้นปิดทำการก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟด ขณะที่อยู่ระหว่างรอการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 6/3/60 นี้ โดยเฉพาะการส่งสัญญาณว่า ECB จะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไปหรือไม่?
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$0.72 อยู่ที่US$53.33ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง รวมทั้งการอพยพคนงานที่ท่าเรือขนส่งน้ำมันเอสไซเดอร์ ประเทศลิเบีย จากเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่ใกล้เคียง อย่างไรก็ตามยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.27 1.92 3.04
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 34,048.34
สถาบัน 962.15
บัญชีหลักทรัพย์ 618.57
ต่างประเทศ -2,072.77
ในประเทศ +492.05
ขณะที่ในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดดีขึ้นตามลำดับ ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ TKN เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่นKBANK และ SCB เป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี’60
ที่โดดเด่น เช่น ANAN และ SPALI เป็นต้น
(6) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐและเอกชน
ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ และ UNIQ เป็นต้น
(7) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ BANPU ปรับตัวขึ้นตามราคาถ่านหิน
(8) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจขนส่งทางเรือ เช่น PSL คาดได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเรือเทกอง
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 2.49%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.85 อยู่ที่ 10.96
หุ้นแนะนำ : PSL
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788