- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 06 March 2017 17:21
- Hits: 4504
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ 'เคลื่อนไหวในกรอบจำกัด'
ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวน หลังตลาดเฝ้ารอติดตามทั้งถ้อยแถลง ปธน. ทรัมป์ และการประกาศตัวเลขข้อมูลศก. ขณะที่ในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาด โดยกลุ่มที่ปรับขึ้นแรงในสัปดาห์ก่อน ได้แก่ กลุ่ม ธพ. (+1.6%WoW) จากการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐที่อาจเร็วกว่าคาด สวนทางกับกลุ่มรับเหมาฯ ที่ปรับลง (-0.8%WoW) โดยปิดตลาดวันศุกร์ดัชนีปรับลง 0.86 จุด (-0.2%) มาอยู่ที่ 1,566.20 จุด ด้วย Vol. 34,048 ล้านบาท และตลอดทั้งสัปดาห์ดัชนีปรับตัวขึ้นเพียง 1.61 จุด (+0.1%WoW)
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJIA +2.74 จุด (+0.01%) S&P500 (+0.05%) และ Nasdaq (+0.16%) หลังจากเฟดมีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค. นี้ หลังประธานเฟดมีการกล่าวว่าเฟดพร้อมจะขึ้นดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจมีการขยายตัวตามที่คาด และ ดัชนีภาคบริการของ ISM มีการขยายตัวที่ระดับ 57.6 ในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นจากระดับ 56.5 ในเดือนม.ค.
(+) ราคาน้ำมันดิบ WTI +1.4% มาอยู่ที่ 53.33 ดอลลาร์/บาร์เรล จากแรงหนุนจากค่าเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ และข่าวการอพบพคนงานที่ท่าเรือขนส่งน้ำมันเอสไซเดอร์
(+) ค่าระวางเรือ (BDI) เพิ่มขึ้น 35 จุดมาอยู่ที่ 939 จุด (+3.87%) เป็นปัจจัยบวกสำหรับกลุ่มเรือ TTA, PSL
(+) สมคิดเร่งรัฐวิสาหกิจทั้ง 45 แห่งให้เบิกจ่ายงบลงทุนในไตรมาส 1/60 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ต่อเนื่อง
(+) คณะกรรมการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเตรียมเสนอ 5 โครงการเพื่อเปิดประมูลการลงทุนภายใน 8 เดือนข้างหน้า
(+) นักลงทุนไทยและต่างประเทศเดินหน้าลงทุนโรงแรมเพิ่มในประเทศไทยโดยเฉพาะที่ภูเก็ตและชลบุรี
(-) เช้านี้เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 4 ลูก และมี 3 ลูกตกในเขตเศรษฐกิจพิเศษญี่ปุ่น
(-) จีนปรับเป้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 60 เหลือ 6.5% จากปีก่อนที่ขยายตัว 6.7%
(-) ราคายางพารา (TOCOM) วันศุกร์ที่ผ่านมาลดลงเล็กน้อย -0.9% มาอยุ่ที่ 303 Yen/Kg. อย่างไรก็ตามเช้านี้ราคาปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.6%
(+/-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวบวกลบสลับกันไป โดย CAC-40 +0.63% DAX -0.27% และ FTSE 100 -0.11%
(+/-) ราคาถ่านหินปรับลดลง -1.5% มาอยู่ที่ 80.95 US/Tons
(+/-) VTE ประกาศเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandae) จำนวน 332.23 ล้านหุ้น โดยจะขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมไม่เกิน 249.17 ล้านหุ้น และบุคคลในวงจำกัดไม่เกิน 83.05 ล้านหุ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
การพรีวิวงบกลุ่มธนาคารในช่วงปลายเดือน
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ ได้แก่ US ตัวเลขสั่งซื้อสินค้าคงทน (6 มี.ค.) ดุลบัญชีการค้า (7 มี.ค.) จีน ดุลบัญชีการค้า (8 มี.ค.) ไทย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ. (9 มี.ค.)
กลยุทธ์การลงทุน “เอเชียเดือด”
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวลบ โดยคาดว่าตลาดจะมีแรงขายล็อคกำไร
จากโมเมนตัมลบจากตลาดต่างประเทศ ที่คาดว่าจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากประเด็นการเมืองระหว่างประเทศหลังจากมีการทดสอบขีปนาวุธจากอิหร่านและเกาหลีเหนือ เราแนะนำเก็งกำไรกลุ่มที่ได้ประโยชน์ จากปัจจัยเด่นเฉพาะตัว และแนะนำเก็งกำไรหุ้น Laggard เพื่อลดความเสี่ยงในการเก็งกำไร
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
AU เก็งกำไร
มองเป็นตัวแทนหุ้น Laggard ในช่วงต้นปี ปรับตัวลดลง 13.8% YTD
ตลาดคาดผลประกอบการ 1Q60 เติบโตต่อจากการขยายสาขาในปีก่อน
ราคาเป้าหมายปี 60 ตาม Bloomberg consensus ที่ 14.20 บาท
CPF เก็งกำไร
เป็นหุ้น Laggard ปรับตัวลดลง 5% YTD เทียบกับ TU ลดลง 2.8%,GFPT เพิ่ม 6.1%, BR ปรับเพิ่มขึ้น 1.4%
Demand ไก่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากต่างประเทศเพราะเกิดไข้หวัดนกที่จีน
กุ้งยังเติบโตได้ต่อเนื่อง จากคู่แข่งอย่างเอกวาดอร์มีปัญหาในการเลี้ยง
คาดกำไรปี 17 โตได้ดี +11% YoY ประกาศจ่ายปันผลที่ 0.45 บาท
ทีมวิเคราะห์