- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 01 March 2017 18:30
- Hits: 7834
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'สะสมหุ้นแนวโน้มดีจังหวะอ่อนตัว'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SRICHA (จาก Fully Valued เป็นขาย)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ขยับขึ้นเล็กน้อย 1.53 จุดปิดที่ 1559.56 นักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอข่าวใหม่ ต่างชาติขายสุทธิต่อ 1.1 พันล้านบาท แต่สถาบันในประเทศก็ซื้อสุทธิสวน 1.2 พันล้านบาท สำหรับปัจจัยสำคัญในช่วงนี้ ได้แก่
+ PMI ภาคผลิตเดือนก.พ.ของจีนเพิ่มเป็น 51.6 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 .. บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวดีขึ้น
จีดีพีงวด 4Q59 ของสหรัฐเติบโต 1.9% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 2.1% สำหรับทั้งปี 59 เติบโต 1.6%
ติดตามทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสเช้า 1 มี.ค. (09.00 น.เวลาไทย) & ประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์ 3 มี.ค.นี้
- ผลสำรวจระบุโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14-15 มี.ค.มากขึ้นเป็น 50% (จาก 20% สัปดาห์ก่อน)
+ LH : กำไร 4Q59 ทรงตัวQoQ ที่ 2 พันล้านบาท แนวโน้มดีมีเสถียรภาพ ปันผลสูง คาด Yiled ปีนี้ 6% แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 11.10 บาท
-/ PACE : ประกาศขาดทุนสุทธิ 2.3 พันล้านบาทในปี 59 แต่ในปี 60 มีแนวโน้มว่าจะพลิกกลับเป็นกำไรได้ ซึ่งหลักๆ มาจากการโอนคอนโดมหานคร & โอนวิลล่ามหาสมุทร นับว่า PACE เป็นหุ้น Turnaround Paly หนึ่งที่น่าสนใจซื้อเก็งกำไรในปี 60
- THAI : 4Q59 ขาดทุน 1.46 พันล้านบาท ทำให้ทั้งปี 59 รายงานกำไรสุทธิเพียง 15 ล้านบาท แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้เพราะลดค่าตั๋วทำให้ Passenger yield ต่ำลง รวมทั้งมีรายการพิเศษด้วย ทาง DBSV กำลัง Review ประมาณการกำไรและราคาพื้นฐานปี 60
- CK : Norm Profit งวด 4Q59 ต่ำกว่าคาด เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 7.5% จาก 8.4% ใน 4Q58 เพราะรับรู้รายได้จากโครงการไซยะบุรีที่มีมาร์จิ้นต่ำเข้ามาแล้ว ทาง DBSV กำลัง Review ประมาณการและราคาพื้นฐานปี 60 ซึ่งมีโอกาสที่จะปรับลงจากเดิม
จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancing ต่อเนื่อง ทั้งนี้หุ้นไทยปี 60 น่าจะผันผวนขึ้นหลังปรับขึ้นมากในปีก่อน หุ้นกลยุทธ์พื้นฐานดีที่แนะนำวันนี้เป็น LH
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพเป็นลบ เน้นซื้ออ่อนตัว แนวรับ 1555-1550 จุด กรณีรีบาวด์มีแนวต้าน 1570-1585, 1590 จุด
สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ TCAP, TPOLY, DELTA, MALEE, GLOBAL ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ HANA, SPCG, KKP, AMATA, JMART, SINGER, GFPT, AJ หุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit -ไม่มี- หุ้นหลุด List เป็น PACE, SYNEX, SPRC
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ :
+ จีน : PMI ภาคผลิตก.พ.เพิ่มเป็น 51.6 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.เพิ่มเป็น 51.6 จากเดือนม.ค.ที่ 51.3 ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 ทั้งนี้ดัชนีเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตมีการขยายตัว
สหรัฐ : ฟังสุนทรพจน์ทรัมป์ต่อสภาคองเกรสเช้านี้เวลา 09.00 น.
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสสหรัฐในคืนวันอังคารที่ 28 ก.พ. หรือตรงกับช่วงเช้าของวันพุธที่ 1 มี.ค. เวลา 09.00 น.เวลาไทย ซึ่งตลาดคาดว่าเขาจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล รายละเอียดเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค การยกเลิกโอบามาแคร์ การยกเลิกกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรม และการใช้งบประมาณด้านกลาโหมครั้งใหญ่
ตลาดหุ้นสหรัฐ : พักเล็กๆ ก่อนทรัมป์แถลงสภาคองเกรส
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,812.24 จุด ลดลง 25.20 จุด หรือ -0.12% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,825.44 จุด ลดลง 36.46 จุด หรือ -0.62% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,363.64 จุด ลดลง 6.11 จุด, -0.26% นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่ทรัมป์จะกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสเช้าวันนี้ (เวลาไทย)
สหรัฐ : จีดีพีประจำ 4Q59 ประมาณการครั้งที่ 2 ต่ำกว่าคาด แต่เท่าประมาณการครั้งที่ 1
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของการขยายตัวจีดีพีประจำไตรมาส 4/2559 อยู่ที่ระดับ 1.9% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.1% แต่ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้น สำหรับทั้งปี 59 จีดีพีสหรัฐขยายตัว 1.6% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยลดลงจาก 2.6% ในปี 58
สหรัฐ : เดือนม.ค.60 ขาดดุลการค้าเพิ่มหลังส่งออก -0.3%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐ +7.6% ในเดือนม.ค. แตะระดับ 6.922 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดส่งออกสินค้าและการบริการ -0.3% และยอดนำเข้าสินค้าและการบริการ +2.3%
- สหรัฐ : ผลสำรวจระบุโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยกลางมี.ค.มากขึ้นเป็น 50% (จาก 20% สัปดาห์ก่อน)
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. โดยผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยสถาบันบุควาร์ ระบุว่า มีความเป็นไปได้ถึง 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 20% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ : ทรงถึงอ่อนเล็กน้อย...รอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ขยับลง 4 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 54.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT
ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 55.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดคาดกาณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านบาร์เรล เพราะผลิตสูงกว่า 9 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์สิ้นสุด 17 ก.พ.60
- สัญญาทองคำ : ลดลงจากแรงขายทำกำไร
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 4.9 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่ระดับ 1,253.90 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนขายทำกำไรก่อนทรัมป์แถลงต่อสภาคองเกรส และผลสำรวจระบุว่าโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14-15 มี.ค.นี้มีมากขึ้นเป็น 50% (จาก 20% ในสัปดาห์ก่อน)
ปัจจัยในประเทศ :
-/ กลุ่มก่อสร้าง : Norm Profit กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง 4Q59 โดยรวมอ่อนกว่าคาด
# ผลประกอบการในธุรกิจหลัก (Normalized Profit) ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างใน 4Q59 ออกมาน้อยกว่าคาด แต่หลายบริษัทพยายาม Smooth กำไรด้วยการขายสินทรัพย์หรือเงินลงทุนเพื่อบันทึกกำไรเข้ามาหนุนผลประกอบการ เช่น CK ก็มีกำไรจากการขายเงินลงทุนเข้ามา 217 ล้านบาทใน 4Q59 (ซึ่งลดลงจาก 129 ล้านบาทใน 4Q58)
# แนวโน้มการประมูลงาน อาจมีความล่าช้าในบางโครงการ เช่น โครงการรถไฟรางคู่ที่มีการเปลี่ยนตัวผู้ว่าการและกรรมการรฟท. ทำให้ระยะเวลาดำเนินการจะเลื่อนออกไป โดยทางรัฐบาลประเมินว่าจะเลื่อน 1-2 เดือน แต่เราประเมินว่าจะมากกว่านั้น สำหรับโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้ว คาดว่าจะยังไปได้ดีต่อ
# ทิศทางผลประกอบการกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง มีปัจจัยท้าทาย คือ 1) ราคาเหล็กในประเทศที่ปรับขึ้นมาในปี 59 และยืนสูงในช่วง 1Q60 เพราะอุปทานที่เข้ามาน้อยลง หลังจากที่จีนไล่ปิดโรงงานที่มีประสิทธิภาพต่ำและลดการผลิตลง รวมทั้งไทยก็เก็บค่าธรรมเนียมตอบโต้การทุ่มตลาดจากเหล็กนำเข้าหลายประเทศด้วย ขณะที่โรงงานในไทยก็ผลิตได้ไม่เต็มที่นักเพราะบางแห่งติดปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ในเบื้องต้นเราคาดว่าราคาเหล็กในประเทศช่วง 1Q60 เพิ่มขึ้น 10%YoY และ 8%QoQ, 2) การก่อสร้างล่าช้า และ 3) การลงทุนภาคเอกชนยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก
# ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำเพียงเก็งกำไรในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากธุรกิจและผลประกอบการแกว่งตัวไปตามการรับรู้รายได้ในแต่ละไตรมาส ความเสี่ยงเรื่องราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น และมาร์จิ้นจากการดำเนินงานต่ำ โดยอัตรากำไรสุทธิของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ 2-8% ขึ้นกับงานและโครงสร้างด้านการเงิน (บริษัทที่ไม่มีหนี้สินก็จะมีอัตรากำไรสุทธิที่สูงกว่า) ขณะที่กลุ่มวัสดุก่อสร้างจะมีมาร์จิ้นที่เสถียรกว่า (ซีเมนต์มีอัตรากำไรสุทธิราว 10-15% กระเบื้องมุงหลังคา 8-10% กระเบื้องเซรามิค มีทั้งขาดทุนและกำไรมากอย่าง DCC ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิสูงเกือบ 20% สำหรับธุรกิจเหล็กมาร์จิ้นผันผวนแต่ TMT โดดเด่นสุด) ดังนั้นหากจะลงทุนระยะกลาง-ยาวในกลุ่มที่เกี่ยวกับก่อสร้าง เราแนะนำเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างมากกว่า หุ้นเด่น คือ SCC (แนะนำซื้อสะสมจังหวะอ่อนตัว ราคาพื้นฐาน 580 บาท), TMT (แนะนำถือรับปันผลสูง ราคาพื้นฐาน 19.80 บาท), DCC (แนะนำถือ ราคาพื้นฐาน 4.80 บาท) ส่วนหุ้นรับเหมาก่อสร้างที่แนะนำซื้อเก็งกำไรตามข่าวเป็น CK, STEC, SEAFCO
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]