- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 28 February 2017 17:23
- Hits: 4100
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway คาดยังมีความผันผวน แต่คาดมีโอกาสปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคเช้านี้ อย่างไรก็ตามคาดอยู่ระหว่างรอการกล่าวสุนทรพจน์ของ ปธน.สหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรส (เช้า 1/3/60 ตามเวลาไทย) โดยคาดในวันดังกล่าวจะมีการประกาศแผนปรับลดภาษี ทั้งเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล พร้อมงบประมาณใช้จ่ายโครงการสาธารณูปโภค ซึ่งหากเป็นไปตามความคาดหมายของตลาดส่วนใหญ่ คาดส่งผลดีต่อตลาดหุ้นของสหรัฐฯ มีโอกาสที่ทำให้เงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น และทำให้ Fund Flow ไหลออกจาก Emerging Market รวมถึงไทย
ขณะที่คาดยังคงมีความกังวลต่อนโยบายของทรัมป์ฯ และในทางตรงข้ามหากไม่เป็นตามที่คาดหมายข้างต้น ซึ่งส่งผลให้เงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง และลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยหันไปลงทุนในทองคำและพันธบัตร เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังมีมุมมองที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะประเด็นการพิจารณาขึ้น / ไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในเดือนมี.ค. (14 – 15/3/60) ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ อยู่ความคาดหมายของเฟด
รวมถึงในระยะกลาง มีการเลือกตั้งของหลายๆ ประเทศในยุโรป เช่น ฮอลแลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ตามลำดับ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองก็จะกดดันภาพรวมตลาดในระยะต่อไป
ทางด้านราคาน้ำมัน คาดในระยะสั้นยังมีความผันผวนจาก (+) แผนการปรับลดปริมาณผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ทั้ง OPEC และ Non OPEC (-) ปริมาณผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่ยังเพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ยังคงมีความกังวลอุปทานส่วนเกิน อย่างไรก็ตาม คาดระดับราคาน้ำมันในปี’60 อยู่ในระดับที่สูงกว่าปี’59 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 41 – 42USD ดังนั้นเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนเมื่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับลดลง
ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ คาดมีเพียงแรงเก็งกำไรผลประกอบการและเงินปันผล ซึ่งในสัปดาห์นี้เป็นช่วงท้ายๆ ของการส่งงบ และคาดหลังจบช่วงส่งงบ ดัชนีอาจมีการปรับลดลงจากแรงขายทำกำไร หรือ Sell on Fact
ขณะที่ในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดดีขึ้นตามลำดับ ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ
SET SET50 SET100
1,558.03 -6.56 976.06 -5.45 2,202.09 -12.12
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +15.68, NASDAQ +16.59, S&P +2.41, FTSE +9.30, CAC -0.06 และ DAX +18.64
DJIA ยังทำปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกัน 12 วันทำการ โดยทำสถิติปิดในแดนบวกยาวนานที่สุดในรอบ 30 ปี ภายใต้ความคาดหวังในเชิงบวกต่อ ปธน.สหรัฐฯ ที่คาดจะมีการเปิดเผยถึงการลงทุนครั้งใหญ่ในโครงการสาธารณูปโภค ในการแถลงต่อสภาคองเกรส (9.00 น. วันที่ 1/3/60 ตามเวลาไทย) และยังได้รับปัจจัยหนุนจากยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ – ม.ค. เพิ่มขึ้น 1.8% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7% ขณะที่หุ้นกลุ่มที่จำหน่ายยุทธปัจจัยทางทหารปรับขึ้น หลังมีรายงานว่าปธน.ทรัมป์เตรียมเพิ่มงบประมาณ สำหรับกระทรวงกลาโหมอีก 54,000 ล้านUSDในร่างงบประมาณฉบับแรก
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป อยู่ระหว่างรอถ้อยแถลงของทรัมป์ฯ ต่อสภาคองเกรส โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$0.06 อยู่ที่US$54.05ต่อบาร์เรล ภายใต้ตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก ที่ปรับลดลงในเดือนม.ค. อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันล่าสุดของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5 แท่น อยู่ที่602 แท่น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จำนวนแท่นน้ำมันที่มีการใช้งาน สูงกว่า 600 แท่น เป็นครั้งแรกนับแต่ต.ค.’58
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.15 1.92 3.03
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 37,147.74
สถาบัน 240.79
บัญชีหลักทรัพย์ -369.24
ต่างประเทศ -706.96
ในประเทศ 835.41
(3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี 60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN, SPALI และ SC ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น STEC, SYNTEC และ UNIQ
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มต่อเนื่อง
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.05 อยู่ที่ 2.37%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.62 อยู่ที่ 12.09
หุ้นแนะนำ : SQ
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788