- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 28 February 2017 17:11
- Hits: 4196
บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ไซด์เวย์ แนะซื้อดักปัจจัยบวกจากสหรัฐฯ พรุ่งนี้เช้า
KGI คาด SET วันอังคารยังเทรดในกรอบแคบๆ รอการแถลงของ ปธน. สหรัฐฯ เช้ามืดพรุ่งนี้เวลาไทย แนะซื้อดักจิตวิทยาบวกที่น่าจะเกิดขึ้น (วานนี้ดัชนีฯ ไซด์เวย์อิงทางลง ตามคาด) แรงกดดันต่อหุ้นเอเชียและหุ้นไทยยังอยู่ที่สัญญา CME เฟดฟันด์ฟิวเจอร์ ซึ่งเพิ่มโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยใน พ.ค. เป็น 55% จาก 52% และตลาดรอการแถลงครั้งแรกของ ปธน. ทรัมป์ต่อสภาคองเกรสในค่ำวันอังคาร (เช้าวันพุธเวลาบ้านเรา) ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ KGI ประเมินจะมีรายละเอียดการลดภาษี และมาตรการการคลัง รวมทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานออกมาเพิ่มเติม และน่าจะเป็นบวกต่อหุ้นโลกในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ด้านปัจจัยภายใน ตัวเลขเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง ส่งออก ม.ค. ฟื้นตัวแรง 8.8% YoY เป็นสัญญาณบวกต่อจีดีพีไตรมาส 1/2560 (อ่านเพิ่มในข่าว และในรายงาน economic tracker เช้าวันนี้) เราแนะนำซื้อเก็งกำไรลุ้นปัจจัยบวกจากฝั่งสหรัฐฯ ในเช้ามืดวันพรุ่งนี้
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร SPA, SITHAI
SPA (เป้า Consensus 14.7 บาท) 1) ประเมินราคาหุ้นที่ Sideway down ก่อนหน้านี้เพราะนักลงทุนกังวลต่อผลประกอบการ 4Q59 ที่อยู่ในช่วงของการไว้อาลัยฯ (แม้กำไรจะลดลง QoQ แต่ยังเติบโตราว 12.7% YoY) ดังนั้นเราประเมินราคาหุ้นมีโอกาสดีดตัวหลังการรายงานงบฯ (พ้นจุดต่ำสุด และคาดฟื้นใน 1Q60 เพราะนักท่องเที่ยวจีนโตเด่นในช่วงตรุษจีน) 2) ประเมินรูปแบบราคา Sideway รอสัญญาณการฟื้นตัว โดยแนะนำให้พิจารณาที่แนวต้านเทรนไลน์ขาลงที่ 13.4 บาท หาก Breakout แนวต้านได้จะเป็นการปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 14.0 – 14.6 บาท (Stop loss 13 บาท)
SITHAI (เป้าพื้นฐาน 2.74 บาท) 1) คาดรับ Sentiment บวกจากการที่ เนสท์เล่ เตรียมลงทุนขยายโรงงานผลิตน้ำดื่มแห่งที่ 2 ในไทย กำลังการผลิต 500 ล้านขวด/ปี (คาดดีมานด์หลอด Preform และฝาขวดน้ำดื่มเพิ่ม) … นสพ กรุงเทพธุรกิจ วันนี้ 2) ประกาศปันผล 0.1 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend yield 5% มากกว่าคาด และเป็นการจ่าย Payout ratio 106% ของกำไรสุทธิ (เป็นการส่งสัญญาณบวก ว่ามั่นใจผลการดำเนินงานปี 2560 ตามทฤษฎี Dividend signaling) 4) ในเชิงกลยุทธ์ประเมินผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดแล้วหลังรายงานงบ 4Q59 เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ แนวรับ ±2 บาท แนวต้าน 2.18 – 2.28 บาท กำหนดจุด Stop loss 1.96 บาท (และสำหรับนักเก็งกำไรสั้น แนะนำให้พิจารณาที่แนวต้านแรก 2.02 บาท หากผ่านได้ แนะนำ Follow buy ประเมินแนวต้านถัดไป 2.10 บาท)
หุ้นในกระแส
หุ้นเริ่มต้นกับสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ (SGF, SINGER) เราประเมินแนวโน้มธุรกิจสินเชื่อรายย่อยยังมีแนวโน้มเติบโต จากนโยบายการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของภาครัฐฯ ทำให้ สินเชื่อกลับสู่ในระบบมากขึ้น และเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ โดยประเมินหุ้นที่ประกาศแผนธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถอย่าง SGF และ SINGER จะอยู่ในความสนใจของนักลงทุน แนะนำ “เก็งกำไร” SGF แนวรับ 0.43 บาท, 0.40 บาท / แนวต้าน 0.46 บาท, 0.51 บาท (Stop loss 0.36 บาท)
รายงานผลประกอบการ 4Q59 ที่ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์
1) TVO (แนะนำ “ขาย” / เป้าพื้นฐาน 34 บาท) กำไร 4Q59 = 430 พันล้านบาท (+118% YoY, -59% QoQ) ต่ำคาด 23%
2) QH* (แนะนำ “ซื้อ” / เป้าพื้นฐาน 2.8 บาท) กำไร 4Q59 = 678 ล้านบาท (-48% YoY, -11.8% QoQ) ดีกว่าคาด 13.6%
3) GUNKUL* (แนะนำ “ถือ” / เป้าพื้นฐาน 5.8 บาท) กำไร 4Q59 = 145 ล้านบาท (-14.2% YoY, +15.4% QoQ)
หุ้นมีข่าว
(+) พาณิชย์เผยส่งออก ม.ค.เพิ่ม 8.8%, หวังผลักดันส่งออกปีนี้โตให้ถึง 5% กระทรวงพาณิชย์ รายงานการส่งออกของไทยในเดือน ม.ค. มีมูลค่า 1.71 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.8% YoY โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนการนำเข้าในเดือน ม.ค. มีมูลค่า 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.17% YoY ทำให้ไทยเกินดุลการค้าประมาณ 0.83 พันล้านดอลลาร์ ปัจจัยหลักที่ทำให้การส่งออกเดือนมกราฯ สูงขึ้น ปัจจัยแรกมาจากเสถียรภาพของการค้าโลกและประเทศคู่ค้าที่ดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ปัจจัยต่อมาคือราคาน้ำมันและทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น สุดท้ายคือราคาสินค้าเกษตรหลายตัว มีราคาสูงขึ้น และไทยเองก็ส่งออกได้เพิ่มขึ้น (กระทรวงพาณิชย์ และ Bisnews) ในช่วงเดือนมกราคมปีที่ผ่านมา มูลค่าส่งออกของไทยทรุดลงเนื่องจากราคาน้ำมันลดลงอย่างมีนัยสำคัญดึงให้ราคาสินค้าส่งออกที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันและราคาสินค้าเกษตรลดลงตาม ในปีนี้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นมาอยู่ในเหนือระดับ 52 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำให้ราคาสินค้าต่างๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อภาคส่งออก เราคาดว่าส่งออกปี 2560 จะขยายตัว 2.6% ในรูปของค่าเงินดอลลาร์ฯ และ 4.3% ในรูปของค่าเงินบาท จากที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวกับราคาน้ำมันมีมูลค่าสูงขึ้นตาม มูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้น เช่น ราคายางพารา ราคาน้ำตาล น้ำมันปาล์ม ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าส่งออกของไทยเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจโลกปี 2560 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 3.1% ในปี 2559 เป็น 3.4% ในปี 2560 ปริมาณการค้าโลกปี 2560 มีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่า 3.8% สูงกว่าปี 2559 ที่ขยายตัว 2.3% เราคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลุ่ม OPEC และ Non-OPEC จะกลับมาขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวได้ 6.5% เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงขยายตัวในระดับที่สูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยบวกต่อภาคการส่งออกของไทย ถ้ามูลค่าส่งออกยังขยายตัวมากกว่า 4% ในอีก 3 ข้างหน้า เราจะปรับเป้ามูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น และ น่าจะทำให้ตลาดปรับเพิ่มเป้ามูลค่าส่งออกตาม และตลาดจะปรับเป้า GDP เพิ่มขึ้นมาใกล้เคียงกับเป้าของเราที่ 3.6%
(+) เร่งตรวจ 22 สายการบินไทย ลุ้นไอเคโอปลดล็อกปลายปี (โพสต์ทูเดย์) "อาคม" คาดสายการบินของไทยปลดธงแดงไม่เกินปลายปีนี้ หลังบางกอกแอร์ฯ นำร่องคว้าเอโอซี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยในพิธีมอบใบรับรอง ผู้ดำเนินการเดินอากาศ (เอโอซี) ให้ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ว่า ปลายปีนี้ไทยน่าจะได้รับการปลดธงแดงมาตรฐานการบินจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) โดยจะเร่งตรวจสอบผู้ประกอบการ ที่เหลืออีก 22 สายการบิน และออกใบรับรองเอโอซีให้เร็วที่สุด พร้อมเตรียมยื่นเรื่องให้ไอเคโอเข้ามาตรวจสอบสายการบินในไทย
(+) กลุ่มเจมาร์ทรุกธุรกิจจำนำป้ายทะเบียน (โพสต์ทูเดย์) กลุ่มเจมาร์ท รุกธุรกิจประกัน-สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เป้าปีนี้โต 30% ตั้งงบลงทุน 7,700 ล้าน นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า ปีนี้กลุ่มเจมาร์ท ตั้งเป้าผลการดำเนินงานโต 30% จากปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 438.25 ล้านบาท มีรายได้รวม 1.07 หมื่นล้านบาท ตั้งงบลงทุน 7,700 ล้านบาท
(+) TRC ผนึกพันธมิตรต่างชาติ ลุยประมูลงานใหญ่อัพยอด (ทันหุ้น) TRC จับมือพันธมิตรต่างชาติยื่นประมูลงานท่อก๊าซของปตท. มูลค่า 8,000 ล้านบาท ในเดือนมี.ค.นี้ พร้อมส่งบริษัทลูกประมูลงานรางคู่ งานท่อก๊าซเส้นที่ 5 และคาดเซ็นงานเหมืองโปรแตซ มูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาท เร็วๆ นี้ หนุน Backlog พุ่งทะลุ 3.72 หมื่นล้านบาท พร้อมโชว์ผลงานปี 2559 มีกำไรสุทธิ 290.76 ล้านบาท
(+) SGF บุกตลาดสินเชื่อฮุบไฟแนนซ์รายใหญ่ (ทันหุ้น) SGF ชักธงรบบุกตลาดสินเชื่อรายย่อยเต็มสูบ ประเดิมซื้อกิจการ "ปัญญามั่นคง" ไฟแนนซ์รถจักรยานยนต์รายใหญ่ใน จ.สมุทรสาคร กุมพอร์ตลูกค้าทันที 3,044 บัญชี มูลหนี้ 108 ล้านบาท "ดร.วิวัฒน์ วิฑูรย์เธียร" ระบุได้มาในราคาที่เหมาะสม คาดหวัง IRR ไม่ต่ำกว่า 30% มั่นใจจะช่วยปั๊มยอดสินเชื่อในปี 60 ทะลุเป้า 2 พันล้านบาท
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
COM7* (เป้า Consensus 14.6 บาท) ประเมินแนวรับ 11.7 บาท แนวต้านแรก 12.3 บาท และถัดไปที่ ±13 บาท (Stop loss 11.4 บาท) ... Valuation ถูกสุดในกลุ่มค้าปลีกด้วย PEG ±1 เท่า ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีก PEG >2 เท่า + ราคา Laggard หุ้นค้าปลีกมือถืออย่าง JMART
TASCO* (เป้าพื้นฐาน 32.5 บาท) ยืนเหนือแนวราคา 25.5 บาทได้ แนะนำ “เก็งกำไรตาม” โดยประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 27 บาท และถัดไปที่ 30 บาท เป็นจุดขายทำกำไร แนวรับ 25.5 บาท (Stop loss 24.1 บาท)
CPN* (เป้าพื้นฐาน 77 บาท) แนะนำ “ถือ” กำหนด Stop loss 53.75 บาท แนวต้าน 55.5 บาท และถัดไปที่ 56.5 บาท ... ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไร 4Q59 = 1.4 พันล้านบาท (+26.2% YoY) จากการใช้พื้นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ยอดขายและอัตรากำไรโต
ROBINS* (เป้าพื้นฐาน 75 บาท) แนะนำ “Let profit run” มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 65 บาท แนวรับ 61 บาท (Stop loss 58 บาท)
TMT (เป้าพื้นฐาน 20 บาท) แนะนำ “ถือ” สำหรับนักเก็งกำไร รอขายก่อน XD ... ประกาศปันผล 1.5 บาท/หุ้น (Dividend yield 8.2%) ขึ้น XD วันที่ 3 มี.ค.
KTB* (เป้าพื้นฐาน 21.4 บาท) ประเมินรูปแบบราคาแกว่งขึ้นในกรอบแนวรับ – แนวต้าน 19.4 – 20.2 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบแนวรับ – แนวต้าน (ขายล๊อกกำไรหากต่ำกว่า 19.4 บาท)
BBL* (เป้าพื้นฐาน 189 บาท) แนะนำ “ถือ” แต่หากต่ำกว่า 176 บาท แนะนำ “ขายล๊อกกำไร”
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
BPP* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 25 บาท ประชุมนักวิเคราะห์ของ BPP มุมมองเป็นกลาง คาดว่าโครงการหงสาจะเพิ่มอัตราการดำเนินงานเป็น 75-80% ในปี 2560 จาก 63%ในปี 2559 ในขณะที่ตลาดจีนน่าจะเป็นทำเลศักยภาพที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม CHP ในจีนก็น่าจะได้รับผลกระทบทางลบจากราคาถ่านหินที่สูงขึ้นในช่วงนี้
MTLS* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 32 บาท ฝ่ายวิจัยฯปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2560/2561 ขึ้นอีก 4%/3% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึงสมมติฐานอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ 45%/25% (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 35%/20%), สมมติฐาน credit cost ที่ปีละ 180bps (จาก 140bps ในปี 2559), margin ที่ทรงตัวอยู่ที่ปีละ 21%
RATCH* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 63 บาท คาดว่าประสิทธิภาพในการดำเนินงานของโครงการหงสาจะอยู่ที่ระดับ 75-80% ในปี 2560 เพิ่มขึ้นจาก 63% ในปี 2559 แต่แนวโน้มขาลงของค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment หรือ AP) ของ RATCHGEN แปลว่าส่วนแบ่งกำไรจากโครงการนี้น่าจะลดลง YoY ทั้งนี้จากสมมติฐานที่อนุรักษ์นิยมของผลการดำเนินงานโครงการหงสา และความสามารถของ RATCH ในการขยายธุรกิจ จึงทำให้อาจจะมี upside จากประมาณการของเราได้อีก
EGCO* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 230 บาท คาดจะสามารถลงนามในสัญญาซื้อขายโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ประเทศอินโดนีเซีย ได้ภายใน 1Q60 เรามองว่าโครงการนี้จะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้นสำหรับ EGCO (คาด Upside เพิ่ม 9-10%
SMT แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 8.25 บาท ฝ่ายวิจัยฯปรับคำแนะนำการลงทุนขึ้นจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” เพราะราคาหุ้นที่ลงมาจน Upside น่าสนใจ >20%
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้ --- นัยรับ 1556 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1556 จุดได้นั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1556-1579 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1556 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1556-1545 จุด
แนวรับวันนี้: 1556/1546 แนวต้านวันนี้: 1562/1574
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]