- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 27 February 2017 23:18
- Hits: 6284
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายทรัมป์และการเมืองในยุโรป
คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะอยู่ในกรอบแคบเป็นไปตาม Wall Street เนื่องจากนักลงทุนยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับนโยบายของทรัมป์ซึ่งน่าจะใช้เวลาระยะหนึ่งในการเริ่มต้นและผลจากนโยบายน่าจะยังคงจำกัดในปีนี้ ในระหว่างที่ ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในยุโรปเพิ่มขึ้นจากการที่ผู้สมัครประธานาธิบดีฝรั่งเศส Marine Le Pen กลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง ทำให้เพิ่มความเป็นไปได้ของ Frexit และการใช้เงินตราของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ความกังวลเหล่านี้ช่วยลดเงินทุนไหลออกจากตลาดเอเชียเป็นการชั่วคราว ปัจจัยภายในประเทศค่อนไปทางบวกจากการตกลงการส่งออกข้าวไปอิหร่านและอุปสงค์ที่ดีขึ้นจากผู้นำเข้าหลายๆ แห่ง ถึงแม้ว่าผลการดำเนินที่ออกมาจากบริษัทล่าสุดจะลดลง แต่ผลการดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามประมาณการของเราและของตลาด และเราคาดแนวโน้มจะดีขึ้นในปีนี้
หุ้นเด่นวันนี้ : GLOBAL (ราคาปิด 18.20 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 19.76 บาท)
เราเลือก บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์ เป็นหุ้นเด่นวันนี้ เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มสดใสจากอัตรากำไรคาดการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับปี 60-61 หนุนจากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ฟื้นตัว ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ดีขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ รวมถึงสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น GLOBAL ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 เท่ากับ 342 ลบ. เพิ่มขึ้น 81% YoY และ 20% QoQ มากกว่าค่าเฉลี่ยคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เท่ากับ 26% เพราะมีการเปิดสาขาใหม่ 3 และเพิ่มสินค้าของตนเองและสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะให้อัตรากำไรที่ดีกว่าแม้จะอยู่ในช่วงถวายความอาลัย และปัจจัยลบน่าจะค่อยๆ จางลงเมื่อเวลาผ่านๆไป GLOBAL ยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องโดยตั้งเป้าเปิดสาขาภายในประเทศเพิ่มอีก 8 สาขาในปีนี้ ในขณะเดียวกันบริษัทคงมองหาการลงทุนในประเทศกลุ่ม CLMV ซึ่งยังล้าหลังในโครงสร้างพื้นฐานอยู่มาก โดยหวังจะเปิดสาขาแรกในกัมพูชาภายในสิ้นปีนี้ ในระยะสั้น GLOBAL น่าจะได้ประโยชน์จากกำไรสต็อกเพราะมีสต็อกเหล็กต้นทุนต่ำอยู่ในขณะที่ราคาเหล็กจริงเพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าการเติบโตแข็งแกร่งน่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ จากประมาณการของ Bloomberg consensus คาดกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 25% และ 21% YoY ในปี 60 และปี 2561 ตามลำดับ Price Pattern ของ GLOBAL มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal Price Pattern ของ GLOBAL ยังบ่งบอกว่าจะได้เห็นการทำ New High อีกด้วย โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 19.10 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 21.80 บาท ทั้งนี้ GLOBAL มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 17.30 บาท (แนวต้าน: 18.20, 18.40, 18.50; แนวรับ: 18.00, 17.90, 17.70)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
บรรลุข้อตกลงส่งออกข้าวไปอิหร่าน กระทรวงพาณิชย์มองบวกปีนี้ โดยล่าสุดผู้ส่งออกข้าวไทยสามารถบรรลุข้อตกลงทำสัญญาซื้อขายข้าวกับผู้นำเข้าข้าวของอิหร่านได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีหลังอิหร่านพ้นการถูกคว่ำบาตรจาก UN ซึ่งมีกำหนดส่งมอบข้าว 50,000-100,000 ตันในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ในอดีตอิหร่านมีการนำเข้าข้าวราว 700,000-1,000,000 ตันต่อปี ซึ่งเป็นการนำเข้าจากไทยราว 300,000-500,000 ตันต่อปี นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว. กระทรวงพาณิชย์มีมุมมองเชิงบวกว่าการส่งออกข้าวไทยปีนี้จะสามารถทะลุเป้าหมายที่กระทรวงฯ ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 10 ล้านตันได้ จากสัญญาณบวกหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการส่งออกข้าวไทยในปีนี้จะเป็นไปอย่างคึกคักในหลายๆ ประเทศคู่ค้าสำคัญ ซึ่งรวมถึงอิหร่านด้วยเช่นกัน (Bangkok Post/lnfoQuest)
เข้มงวดการให้สวัสดิการผู้มีรายได้น้อย รัฐบาลเตรียมเพิ่มกฎเกณฑ์และความเข้มงวดในการให้สวัสดิการผู้มีรายได้น้อยในรอบถัดไปที่จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 3-15 เม.ย. นี้ โดยนอกเหนือจากเงื่อนไขเดิมที่ต้องมีรายได้ต่อปีไม่ถึง 100,000 บาท นั้นยังจะต้องเป็นผู้ที่มีสินทรัพย์ในความครอบครองน้อย โดยมีการออมไม่ถึง 30,000 บาท (Bangkok Post)
ANAN (5.05 บาท) มีแผนเข้าร่วมลงทุน 10% ใน บจก. ลุมพินี โปรเจค มาเนจเมนท์ เซอร์วิส ("LPS") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ LPN โดย LPS จะประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการให้กับลูกค้าที่เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร (Real Estate Development Service Provider) เช่น บริษัทออกแบบ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง และบริษัทค้าวัสดุก่อสร้างในการเข้าดำเนินการพัฒนาโครงการ (SET) ความเห็น: แม้จะเป็นการลงทุนขนาดเล็กไม่น่าจะมีนัยยะสำคัญต่องบการเงินของ ANAN มาก แต่เราเชื่อว่าจะช่วยเติมเต็มความรู้และโนว์ฮาวเกี่ยวกับการจัดฟังก์ชั่นงานอสังหาริมทรัพย์ที่เป็น Low-end ให้กับ ANAN เราแนะนำซื้อ ANAN ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท คาดว่า ANAN จะมีการเติบโตของกำไรสุทธิดีที่สุดในปี 2560
CHG (ราคาปิด 2.66 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS ปี60 3.40 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 จำนวน 131 ล้านบาท ลดลง 18.0% QoQ and 7.5% YoY การลดลงของกำไร QoQ คาดว่าเกิดจากผลกระทบตามฤดูกาลในขณะที่การลดลงของกำไร YoY เกิดจากค่าใช้จ่ายด้านการเงินและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น สอดคล้องกับการขยายตัวของบริษัท ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 59 อยู่ที่ 564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% YoY (SET) ความเห็น: ผลการดำเนินงานในปี 59 เป็นไปตามประมาณการของเราและประมาณการเฉลี่ยบลูมเบิร์ก ก่อนหน้านี้เราประมาณการกำไรสุทธิของ CHG เติบโต 20% ในปี 2560
TK (ราคาปิด 11.80 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 13.50 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 ที่ 102 ล้านบาท ลดลง 9.5% QoQ และ 21.0% YoY การลดลง QoQ เกิดจากการตั้งสำรองฯ ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การปรับตัวลง YoY มาจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นเป็นไปตามกลยุทธ์ทางการตลาดในเชิงรุกของบริษัท นอกจากนี้ กำไรสุทธิปี 59 อยู่ที่ 430 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% YoY (SET)ความเห็น: กำไรสุทธิปี 59 เป็นไปตามทั้งประมาณการของเราและประมาณการบลูมเบิร์ก เบื้องต้น เราประมาณการการเติบโตของกำไรสุทธิปี 60 ที่ 18.3%
ต่างประเทศ :
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ โดยมีแรงกดดันจากค่าอ่อนค่าของเงินยูโรเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรปและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐชุดใหม่ที่ออกมาบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปได้ทั้งบวกและลบ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมันอายุ 2 ปี ปรับตัวลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรฝรั่งเศสอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ระดับ 0.94% (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เทียบกับเงินเยนเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนไม่แน่ในว่านโยบายของทรัมปจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วแค่ไหน การอ่อนค่าของเงินยูโรช่วยดันให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็น 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.2% โดยที่ดัชนีล่าสุดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 101.110 หลังฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 100.660 ก่อนหน้านี้ (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันศุกร์ โดยดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกัน 11 วัน เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคมีน้ำหนักมากกว่าการลดลงของหุ้นกลุ่มการเงินอันเนื่องจากอัตราผลแทนพันธบัตรปรับตัวลง ในขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นอยู่ในแดนลบในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของการซื้อขายเนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจมากขึ้นหลังจากมีความเห็นจากทีมบริหารงานของทรัมป์ระบุถึงนโยบายส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นอาจมีหนทางที่ยาวนานกว่าจะดำเนินการให้เกิดผล นายสตีเวน มนูชิน รมต.คลังสหรัฐเผยเมื่อวันพฤหัสว่าขั้นตอนดำเนินการนโยบายใด ๆ ก็ตามมีผลผลกระทบจำกัดในปีนี้ (Reuters)
ประมาณการตัวเลข GDP สหรัฐครั้งที่ 2 ของไตรมาส 4/59 มีกำหนดเผยแพร่ในวันอังคารนี้ โดยตลาดประมาณการว่า GDP จะขยายตัว 2.1% เพิ่มขึ้นจากที่ขยายตัว 1.9% ในไตรมาส 3/59 แต่ลดลงจากที่ขยายตัว 3.5% ในไตรมาส 2/59 (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ปรับตัวลดลง ซึ่งยังคงกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ที่ประกาศงบการเงินและผลการดำเนินงานออกมาน่าผิดหวัง นอกจากนี้ตลาดโดยรวมยังคงกังวลถึงสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยธนาคาร Standard Chartered ประกาศจะไม่จ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2559 เนื่องจากเผชิญกับค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างภายใน ขณะที่ธนาคาร RBS แห่งสกอตแลนด์รายงานผลขาดทุนเป็นปี่ที่ 9 ติดต่อกันอยู่ที่ 7.0 พันล้านปอนด์ในปี 2559 จากค่าปรับและค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างภายใน (Reuters)
โพลล์ล่าสุดเผย Le Pen ยังคงมีคะแนนความนิยมมากสุด และมีโอกาสจะชนะการเลือกตั้งปธน. ฝรั่งเศสในรอบแรกที่จะมีขึ้นในเดือน เม.ย. นี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจนำไปสู่การออกจากการเป็นสมาชิก EU ของฝรั่งเศศ รวมไปถึงการเลิกใช้ค่าเงินยูโร (Reuters)
เอเชีย :
รัฐบาลญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ ด้วยการเข้าซื้อของ BOJ เส้นอัตราผลตอบแทนราบเรียบในสามสัปดาห์ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ทั่วโลกลดลง ผลตอบแทน JGB อายุ 10 ปีลดลงสู่ 0.065% เป็นระดับต่ำสุดในรอบเดือน(Reuters)
วิกฤตไข้หวัดนกของจีนเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา: จีนได้ทำการปิดตลาดสัตว์ปีกไปหลายตลาดแล้ว โดยกลัวมากกว่าโรคไข้หวัดนกครั้งนี้จะเป็นวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดที่กระทบต่ออุตสาหกรรมไข่ในประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตชั้นนำของโลก (Reuters)
จีนจะเข้มงวดการกำกับดูแลของอุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ ขณะที่มีความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่อาวุโสของ PBOC กล่าวว่าภาคการเงินได้แสดงให้เห็นความเบี่ยงเบนกับกิจกรรมมากมายในการเก็งกำไรที่เติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ ผลิตภัณฑ์การจัดการด้านสินทรัพย์มียอดรวมทั้งสิ้น 80 ล้านล้านหยวน (11.64 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) ในช่วงครึ่งแรกปี 2559 (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันลดลง 1% เมื่อวันศุกร์ เนื่องจากความกังวลเรื่องอุปทานของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 59 เซนต์ (-1.04%) อยู่ที่ 55.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบสหรัฐลดลง 46 เซนต์อยู่ที่ 53.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองขึ้นจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์จากความเห็นของ รมว.คลังคนใหม่ของสหรัฐที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายทรัมป์ซึ่งน่าจะยังมีผลที่จำกัดในปีนี้ ราคาทองคำตลาดจรเพิ่มขึ้น 0.6% อยู่ที่ 1,256.75 ต่อออนซ์ ซึ่งก่อนหน้าแตะระดับสูงสุดที่ 1,260.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 11 พ.ย. (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094