- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 27 February 2017 23:15
- Hits: 6309
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดยืนในแดนลบเล็กน้อย พร้อมกับมีแรงดีดกลับได้เบา ๆ ขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1568.43 จุด เพิ่มขึ้น 1.11 จุด ก่อนที่จะมีแรงขายกดดัชนีไหลลงมาอีกครั้ง จนทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1561.46 จุด ลดลง 5.86 จุด ส่งผลให้มีกรอบการเคลื่อนไหวแคบ ๆ ทั้งวันเพียงแค่ 6.97 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวลงของดัชนีได้แก่ CPF, CBG KBANK, THAI ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1564.59 จุด ลดลง 2.73 จุด (-0.17%) มูลค่าการซื้อขาย 41,604 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านดัชนีมีทิศทางปรับตัวลงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ทำจุดต่ำสุดที่ 1561 จุด ขณะที่ระยะการฟื้นตัวยังจำกัดไม่สามารถผ่าน 1570 จุดได้ จากภาพของดัชนีที่ทำ High ต่ำลงเรื่อย ๆ ขณะที่ฐานล่างแนวรับ 1561 จุด ถูกใช้งานบ่อย ทำให้เกิดความไม่แน่ใจว่าแนวดังกล่าวจะสามารถรองรับได้อยู่หรือไม่ หากหลุดจะเป็นการเปิดความเสี่ยงในการลงลึก แต่ยังไงก็ตามยังคงมองกรอบการเคลื่อนไหวเดิม 1560-1570 // 1576 จุด หากหลุด 1560 จุด แนวรับถัดไป 1550-1546 จุด
แกว่งตัวผันผวน
Support 1560 // 1550-1546 จุด Resistance 1590-1600 // 1619 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst เลขทะเบียน : 060110
Tel 02- 6481124 Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Company Update & News Comment
(0) BA : กำไรสุทธิ 4Q16 ต่ำกว่าคาด แนวโน้ม 1Q17 คาดจะฟื้นตัวขึ้น
(0) CPF : รายงานงบ 4Q16 ต่ำลงตามผลของฤดูกาล มองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
(0) FORTH : ถอดชื่อ FORTH จากงานประมูลอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน
(+) LPH : รายงานกำไรสุทธิตามคาด
(+) UNIQ : กำไรสุทธิ 4Q16 ทำ New High ใหม่
ปัจจัยและทิศทางตลาดหุ้นไทย
ตลาดยังจับจ้อง ปัจจัยต่างประเทศ สำคัญๆ อาทิ นโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ ที่รอคอยการประกาศอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะในวันที่ 28 ก.พ. ที่จะมีการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรส ขณะที่ Fed ส่งสัญญาณไม่ชัดเจนนักว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 14-15 มี.ค. หรือไม่
ค่าความน่าจะเป็นของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed เดือน มี.ค. อยู่ที่ 38% บ่งชี้ว่านักลงทุนเชื่อว่า Fed จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ดังนั้น หากมีข้อมูลว่าจะมีการปรับขึ้นครั้งนี้ จะมีผลต่อตลาดหุ้น (ลบ) โดยตลาดหุ้นจะได้รับผลของการปรับขึ้นดอกเบี้ย ผ่านทาง Fund Flow คือการซื้อหรือขายของนักลงทุนต่างประเท
ราคาน้ำมันดิบ (WTI) เกาะอยู่แถวๆ $53-54 เหรียญ ราคาน้ำมันดิบ รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญๆ โดยเฉพาะเหล็ก มีปัจจัยบวกหนุน แต่ตลาดมีความไม่แน่นอน จึงส่งผลมาถึงราคาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ด้วย
ย้อนมาดูปัจจัยในประเทศ ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นไทย เหลือแต่หุ้นขนาดกลาง-เล็กแต่ที่มีผลต่อตลาดมากจะเป็นเพราะ sell on fact มากกว่าคือขายหลังเห็นงบ
ทิศทางตลาดหุ้น คาดจะเป็นสัปดาห์แห่งความผันผวน จากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลักทั้งนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งการคาดการณ์ผลการประชุม FOMC ในอีก 2 สัปดาห์
กลยุทธ์การลงทุน เรามองในภาพรวมของสัปดาห์ ปัจจัยบวกต่อตลาดในช่วงนี้มีค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ต้องรอคอย เป็นผลให้ตลาดผันผวนและมีแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงเข้ามาในตลาด เราแนะนำให้รอดูทิศทางตลาดในวันที่ 29 หลังบริษัทในตลาดส่งงบการเงินครบแล้ว และเห็นผลของการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จึงควรพร้อมที่จะเพิ่มหรือลดพอร์ตเมื่อถึงวันนั้น หรือควรพร้อมที่จะ follow ตามตลาดนั่นเอง
แม้เราจะมองว่า SET Index จะยังมีโอกาสแตะระดับ 1600 จุดในอีกไม่นาน แต่ด้วยปัจจัยต่างประเทศที่เข้ามาเป็นตัวถ่วง ซึ่งน่าจะใช้เวลาพอควรที่จะคลี่คลาย ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรเข้ามาในตลาด สำหรับหุ้นที่เราให้ความสนใจ ที่อาจสวนกระแสตลาดได้ จะเป็นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานออกมาดีเกินคาด หรือหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว แต่ควรเลี่ยงหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศถือครอง ยกเว้นจะเห็นการดีดกลับของตลาดหุ้น .......... ในการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิเช่น IVL , ADVANC , AMATA , MEGA
ประเด็นสำคัญ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (24 ก.พ.) - SET Index ปิดที่ระดับ 1,564.59 จุด ลดลง 2.73 จุด หรือ -0.17% มูลค่าการซื้อขาย 41,604.13 ล้านบาท ยังคงไร้ปัจจัยบวกใหม่สำหรับตลาดหุ้น เศรษฐกิจต่างประเทศเช่น นโยบายทรัมป์และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังเป็นตัวกดดันตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 20,821.76 จุด เพิ่มขึ้น 11.44 จุด หรือ 0.05% ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวในแดนบวกได้เป็นวันที่ 11 ติดต่อกัน คาดเป็นการเก็งกำไรก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของทรัมป์ในวันอังคารที่ 28 ก.พ. นี้ แต่ด้าน Stoxx Europe 600 ลดลง -0.76% ปิดที่ 370.01 จุด
ราคาน้ำมันดิบ WTI - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 46 เซนต์ หรือ -0.84% ปิดที่ 53.99 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้นทะลุ 600 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว
นโยบายสหรัฐฯ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อยกเลิก และปรับปรุงกฏระเบียบของรัฐบาลกลางให้มีความเรียบง่ายมากขึ้น โดยพุ่งเป้าไปยังกฎระเบียบที่ถ่วงการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
เศรษฐกิจสหรัฐฯ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 3.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 555,000 ยูนิต หลังจากร่วงลงอย่างหนักในเดือนธ.ค.
เศรษฐกิจไทย - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้แจ้งไอเอ็มเอฟว่าขณะนี้ไทยอยู่ในช่วงการปรับโครงสร้างภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งทางไอเอ็มเอฟเห็นด้วยกับแนวทางของไทย
น้ำมัน - บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสัปดาห์ที่แล้ว มีจำนวนเพิ่มขึ้น 5 แท่น สู่ระดับ 602 แท่น ทำให้แท่นน้ำมันที่มีการใช้งาน มีจำนวนมากกว่า 600 แท่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.2015
News Release :
EA ลั่นกำไรปีนี้นิวไฮต่อบุ๊คโซลาร์ฯ-ลม404MW เจ๋ง! โชว์กำไรปี 59 พุ่งทะลัก 3,252 ล้าน
+"EA" การันตีผลงานปี 60 ทำกำไรโตนิวไฮต่อเนื่อง บุ๊คผลตอบแทนโซลาร์ฟาร์มเต็มปี 278 MW จ่อ COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก 126 MW ในเร็วๆ นี้ อวดงบปี 59 ฟันกำไร 3,252 ล้านบาท พุ่งขึ้น 21% โชว์รายได้สวย 10,439 ล้านบาท(ข่าวหุ้น)
3 แบงก์เล็กปันผลเริ่ด KKP ผลตอบแทน9%
+แบงก์เล็กพาเหรดจ่ายปันผลงาม KKP นำทีมจัดหนัก 9% โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" ตามด้วย TISCO และ TCAP ส่วนแนวโน้มหุ้นจ่ายปันผลเด่นปี 60 โบรกฯ ชู KKP, KTB, LH, SPRC, GLOW คาดยีลด์ 5-7% พร้อมแนะเก็บหุ้นอัพไซด์สูงอย่าง KCE อัพไซด์ 41% PTTEP 24% และ SAWAD อัพไซด์ 14% ส่วนกำไรบจ.ปีนี้ คาด โตน้อยแค่ 4.17% ตามภาวะเศรษฐกิจ(ข่าวหุ้น)
เก็งกำไร BANPU-MINT รับ MSCI เพิ่มน้ำหนักพรุ่งนี้
+โบรกฯแนะเก็งกำไรหุ้น บ้านปู และ ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ก่อน MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักพรุ่งนี้ พร้อมทั้งปรับเพิ่มน้ำหนักเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยขึ้นอันดับ 4 ราคาเป้าหมาย BANPU อยู่ที่ 23.60 บาท MINT อยู่ที่ 46 บาท(ข่าวหุ้น)
TFG พลิกกำไรโตสนั่น 192% แจกวอร์ฯ 10:1
+"TFG" เทิร์นอะราวด์ โชว์ผลงานปี 59 ฟันกำไรสุทธิ 1,447 ล้านบาท โตสนั่น 192% โกยรายได้นิวไฮ 20,779 ล้านบาท ด้านบอร์ดไฟเขียวแจกฟรี TFG-W2 ในอัตรา 10: 1 "เชิดศักดิ์" ลั่นปี 60 รายได้โต 15% ชูกลยุทธ์สร้างพันธมิตร-ลงทุนต่ำ(ข่าวหุ้น)
PJW อัพยอดขายพุ่งเท่าตัว จ้องชิงบิ๊กโปรเจ็กต์ 100 ล้าน
+บิ๊กบอส PJW "วิวรรธน์ เหมมณฑารพ" ทุ่มงบ 200 ล้านบาท อัพฐานการผลิตจีนเพิ่มขึ้นเท่าตัว รองรับออเดอร์เชื่อดันยอดขายทะยาน 500 ล้านบาท จากปัจจุบัน 200-250 ล้านบาท จัดทัพชิงงานพ่นสี มูลค่าหลัก 100 ล้านบาท คาดชัดเจนกลางไตรมาส 2/2560 (ทันหุ้น)
TACC ทุบสถิติสูงสุดใหม่บุกสยายปีกกัมพูชา-จีน
+TACC โตไม่ยั้ง ตามเซเว่น ปี 2559 กวาดรายได้รวมกว่า 1,183.94 ล้านบาท กำไรทะยานแตะ 101.83 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังแตกไลน์สินค้าโดนัท A Smile และวางขายสินค้าลิขสิทธิ์ Sanrio ในเซเว่น ช่วง Q4/59 ดันรายได้กระฉูด บิ๊กบอส "ชัชชวี วัฒนสุข" สั่งเดินหน้าเพิ่มยอดขายทั้งใน-ต่างประเทศ เปิดตัวสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังในกัมพูชาวางขายเครื่องดื่ม "สวัสดี" ในจีน ผลักดันรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10-15% กำไร ทำนิวไฮต่อเนื่อง(ทันหุ้น)
BRR แจกยิลด์เป็นหุ้น 5:1 ราคาอ้อยพุ่งส่งผลดีปี 60 รุกตั้งกองทุนโรงไฟฟ้า
+BRR ประกาศแจกหุ้นปันผล 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ พร้อมปันผลเงินสดอีก 0.02 บาท เตรียมรับผลประกอบการโดดเด่นปี 2560 หลังสำรองจ่ายค่าอ้อยขั้นต้นให้เกษตรกรตามราคาอ้อยที่พุ่งขึ้นสูงแล้วในปลายปีก่อน ชี้เกษตรกรหันปลูกอ้อยดันผลผลิตบริษัทเพิ่ม พร้อมเดินเครื่องตั้งกองทุนโรงไฟฟ้าระดมทุน เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ(ทันหุ้น)
CSS ปักธงรายได้ 5 พันล้านเทรดดิ้ง-โทรคมนาคมหนุน
+CSS ส่องภาพรวมธุรกิจปี 60 สดใสต่อเนื่อง รับอานิสงส์ธุรกิจโทรคมนาคม-เทรดดิ้งบูม หนุนรายได้ไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท บิ๊ก "สมพงษ์ กังสวิวัฒน์" เดินหน้าประมูลงานต่อเนื่อง เสริมพอร์ตรับทรัพย์เพิ่มแถมบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังทันที หุ้นละ 0.10 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 18 พฤษภาคมนี้(ทันหุ้น)
นักวิเคราะห์ : มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์