- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 February 2017 18:13
- Hits: 3385
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Consolidated
เมื่อวานดัชนีฯไม่สามารถดีดตัวช่วงสั้นได้อย่างที่เราคาด แต่พบว่า หุ้นใหญ่ที่เชื่อมโยงกลุ่มค้าปลีก
สลับขึ้นนำโดย CPN ROBINS (เพราะเหลือเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ยังไม่ได้หมุนมาเล่น-ตามคาด) และ
PTTGC outperform จากสเปรด Butadiene ที่เพิ่มกว่า 100% YTD เป็นเกือบ US$3000/ตัน ขณะที่
ส่วนต่าง MEG เกือบจะแตะ US$1000/ตัน ส่งผลให้โอกาสกำไร 1Q17-2017 จะดีกว่าคาดและมี
Earnings Upward (ดูอัพเดทส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรฯได้ทุกสัปดาห์ ในรายงานของ BLS
research)
จากการ Rotation สลับเล่นหุ้น รายกลุ่ม และ หุ้นรายตัวบวกแรงตามปัจจัยบวก News flow ที่เข้ามา
หนุน เราคงแนะกลยุทธ์ เลือกลงทุนรายตัว ท่ามกลางภาวะตลาด วันนี้ที่คาด ผันผวนในกรอบ 1,560-
1,575 จุด
สัปดาห์นี้ ดัชนีฯปรับฐาน จาก Upside ที่จำกัด “ตามคาด” ขณะงบส่วนใหญ่ เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
แม้งบจะดีกว่าคาด แต่ไม่พอผลักดันดัชนีฯ ขณะที่ รายงานการประชุมเฟด เมื่อวันพุธ ที่ 22 กพ. ตอก
ย้ำโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ จะเร็วกว่าตลาดคาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่รวมไทยปรับฐาน (การปรับ
ต้นทุนทางการเงินขึ้น มีผลต่อการขายปรับพอร์ต)
สัปดาห์หน้าคาด Consolidated ลงสร้างฐาน 1,550-1,580 จุด
คาดกรอบดัชนีฯ ระยะเดือน 1,550-1,620 จุด แนะเลือกลงทุน ไปที่หุ้นที่ ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง
จากเงินปันผลปี 2016 (หักระหว่างกาลแล้ว) สูงกว่า 4% ขึ้นไป ดูรายงานกลยุทธ์หุ้นปันผลวันที่ 30
มค.17
หุ้นแนะนำวันนี้ หุ้นที่เชื่อมโยงโดยตรงกับการเกิดเขตเศรษฐกิจใหม่ Eastern Economic Corridor:
TICON (แนวรับ 15.5 บ. ต้าน 16 บ. Stop loss 15 บ.) กำไรหลัก 4Q16 ที่ไม่รวมการขายสินทรัพย์
เข้ากองฯ อยู่ที่ 10.5 ล้านบาท ลดลง 98.6 % y-y และ 50.7% q-q ตามที่เราคาด และเราคงมุมมอง
เป็นไตรมาสที่กำไรจะผ่านจุดต่ำสุด และดีขึ้นมากในปี 2017 โดยเราคาดกำไรปี 2017 ที่ 469 ล้านบาท
+68.7% y-y สะท้อน Earning ,momentum จะดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีนี้เป็นต้นไป , และหุ้นมี good
news flow: GIFT ข่าวเทมเพิลตันซื้อหุ้นบ๊กล็อต แนวรับ 6 บ. ต้าน 6.5 บ. Stop loss 5.7 บ.
สรุปหุ้นในรายงานวันนี้ ไฮไลท์มี GFPT เราปรับประมาณการณ์กำไร และราคาเป้าหมายขึ้น, AP
ประกาศงบ 4Q16 สร้างจุดสูงสุดใหม่ และ คาด 1Q17 จะดีกว่ากลุ่ม โดยประกาศปันผล 0.30 บ. ตาม
เราคาด, TPCH กำไรสร้างจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และ โครงการ โรงไฟฟ้า SPP ปัตตานี Process
เร็วกว่าคาด, BPP กำไรดีกว่าตลาด 34%
รายงานวันนี้
(+) WORK รายงานขาดทุนสุทธิ 4Q16 ที่ 70 ล้านบาทพลิกกลับมาเป็นขาดทุน YoY และ QoQ หาก
ไม่รวมรายการพิเศษขาดทุนหลักอยู่ที่ 65 ล้านบาท พลิกกลับมาเป็นขาดทุน YoY และ QoQ จาก
ผลกระทบของช่วงไว้อาลัย ขาดทุนหลักน้อยกว่าที่คาดไว้ที่ 109 ล้านบาท จากรายได้และอัตรากำไร
ขั้นต้นที่ทำได้ดีกว่าคาด WORK ประกาศจ่ายปันผล 0.27 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล
57% XD วันที่ 7 มี.ค. จ่ายวันที่ 3 พ.ค. เรามองว่ากำไร 1Q17 จะฟื้นตัว YoY และพลิกกลับมาเป็น
กำไร QoQ จากการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาตั้งแต่ในเดือน ธ.ค. ต่อเนื่องมา ม.ค. ในปีนี้ ประกอบ
กับเรตติ้งของ WORK ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหนุนโดยรายการใหม่ที่กระแสตอบรับดีมาก เรา
ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มดิจิตอลทีวีในระยะยาว หากทว่า ณ ราคาหุ้นในปัจจุบัน เราแนะนำรอ
จังหวะราคาเข้าซื้อที่ต่ำกว่านี้ เรายังคงคำแนะนำ ถือ
(+) TACC บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q16 ที่ 29 ล้านบาท เติบโต 110% YoY และยังเพิ่มขึ้น 5%
QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล รวมถึงปัจจัยหนุนจากสินค้าใหม่ทั้งโดนัทและสินค้า Sanrio กำไรที่ออกมา
เป็นไปตามที่เราคาด บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 0.08 บาท/หุ้น XD 24 เม.ย. จ่าย 17 พ.ค. คิดเป็น
อัตราการจ่ายเงินปันผล 44% เรายังคงมั่นใจในประเด็นการเติบโตในอนาคตของบริษัททั้งในส่วนของ
ธุรกิจเดิม และธุรกิจใหม่ กำไรใน 4Q16 ทำจุดสูงสุดใหม่ได้ตามคาด และเชื่อว่าแนวโน้มกำไรจะดีขึ้น
อย่างต่อเนื่องในอนาคต อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากสินค้าใหม่ที่ปล่อยออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้ง
สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังและโดนัทรสชาติใหม่ ที่เริ่มออกมาให้สัมผัสตั้งแต่ช่วงต้นปี เรายังคง
คำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.30 บาท
(0) IRPC เรายังชอบการเติบโตในระยะยาว แต่เรามองว่าในระยะสั้นราคาหุ้นอาจปรับตัวขึ้นได้จำกัด
เพราะประสิทธิภาพของโครงการ UHV ที่สร้างความผิดหวังให้กับตลาด และใน 1Q17 จะเป้นจุดที่แย่
ที่สุดของปีเพราะมีการปิดปรับปรุงโรงงาน ดังนั้นเรามองว่าควรที่จะ wait and see จนกว่าจะกลับมา
เห็นโรงงานเปิดดำเนินงานใน 2Q16 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นอีกครั้ง พื้นฐานเราคงคำแนะนำ ซื้อ
ราคาเป้าหมาย 6 บาท
(+) BLA รายงานกำไร 4Q16 ที่ 1.95 พันล้านบาท ลดลง 13% YoY แต่เพิ่มขึ้น 226% QoQ กำไรที่
ออกมาสูงกว่าที่เราคาด 6% แต่ต่ำกว่าตลาดคาด 8% หนุนโดยการกลับรายการ LAT ที่สูงกว่าคาด
จากการปรับตัวเพ่มขึ้นของ bond yield เรามองว่ากำไร 1Q17 จะพลิกกลับมาเป็นกำไร YoY ที่ 1.1
พันล้านบาท จากการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษ LAT 10.4 พันล้านบาทใน 1Q16 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
ราคาเป้าหมาย 65 บาท
(-) BA รายงานขาดทุนสุทธิ 4Q16 ที่ 320 ล้านบาท พลิกกลับมาจากกำไรใน 3Q16 และ 4Q15 หาก
ไม่รวมรายการพิเศษขาดทุนหลักอยู่ที่ 353 ล้านบาท พลิกกลับมาเป็นขาดทุน YoY และ QoQ
เช่นเดียวกัน กำไรที่ออกมาแย่กว่าที่เราและตลาดคาดจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงกว่าคาด เราปรับ
ประมาณการกำไรสุทธิปี 2017 ลง 23% มาที่ 2.4 พันล้านบาท สะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ปรับราคา
เป้าหมายลงมาที่ 25 บาท (จาก 29 บาท) อย่างไรก็ตามบริษัทประกาศ DPS 0.50 บาท สำหรับการ
ดำเนินงาน 2H16 คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 89% และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3.7% XD 7
มี.ค. เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้หามาย 25 บาท จากคาดกำไรจะเริ่มฟื้นตัวใน 1Q17
(+) BPP รายงานกำไรสุทธิ 4Q16 ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 124% QoQ และ 23% YoY สูงกว่าที่
เราคาด 14% และสูงกว่าตลาดคาด 34% เราเชื่อว่าอุปสงค์ด้านไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงหน้า
หนาวจะหนุนกำลังการผลิต Hongsa และ BLCP เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 28 บาท
(-) CBG เราเชื่อว่าการเทรดบน PE ที่สูงในปัจจุบันของ CBG จะไม่ยั่งยืนเนื่องจากมุมมองการเติบโตที่
ไม่สดใสจากการขาดทุนใน UK, อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากความไม่แน่นอนของภาพการทำ
ธุรกิจใน UK, การปรับเปลี่ยนโมเดลของ Cash Van และการขยายเข้าไปสู่ตลาดจีน เราปรับประมาณ
การกำไรปี 2017-2019 ลง 9-13% สะท้อนการคาดการณ์ยอดขายใน UK ที่ลดลง เราปรับราคา
เป้าหมายลงมาที่ 58.25 บาท (จาก 64 บาท) และยังคงคำแนะนำ ขาย
(+) GFPT เราเชื่อว่าตลาดส่งออกไก่ช่องทางใหม่ทั้ง เกาหลีใต้, สิงคโปร์และโอกาสในการส่งออกไป
ซาอุดิอารเบียใน 2H17 จะหนุนอัพไซด์ในด้านของปริมาณการส่งออกของ GFPT และกลุ่มผู้ส่งออก
โดยรวม เราปรับประมาณการกำไรปี 2017 ขึ้น 8% มาที่ 1.8 พันล้านบาท และปรับราคาเป้าหมายขึ้น
6% มาที่ 18.50 บาทสะท้อนปริมาณการส่งออกที่มากขึ้น เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
(+) TPCH รายงานกำไร 4Q16 ที่ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120%YoY และ 43%QoQ กำไรเป็นไปตามที่
เราคาด โดยกำไรเพิ่มขึ้นจาก โรงไฟฟ้าทุ่งสัง (TSG) เริ่มขายไฟฟ้า เมื่อต้น 4Q16 ที่ผ่านมา ภาพรวมปี
2016 บริษัทมีกำไรที่ 201 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดถึง 330% จากปี 2015 ที่มีกำไรเพียง 44 ล้าน
บาท นอกจากนี้เรามองว่า consensus มีโอกาสปรับราคาเป้าหมายขึ้น จากการรวมมูลค่าโครงการ
ปัตตานี เฟส1 (PTG1) ขนาด 23MW เข้ามา เพราะบริษัทได้รับ EIA ในโครงการดังกล่าวแล้ว คาดจะ
สามารถดำเนินการเปลี่ยน LOI เป็น PPA ได้ในช่วง 2-3 เดือนเบื้องต้นคาดราคาเป้าหมายจะปรับเพิ่ม
ราว 5-6 บาท/หุ้น และคาดสร้างกำไรให้บริษัทเพิ่มขึ้น 150-200 ล้านบาท/ปี เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคา
เป้าหมาย 23 บาท (บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 0.03 บาท/หุ้น XD วันที่ 3/5/2017)
(-) AAV รายงานกำไรสุทธิ 4Q16 อยู่ที่ 41 ล้านบาท ลดลง 85% YoY และ 90% QoQ โดยกำไรหลัก
อยู่ที่ 186 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง 48% QoQ. แนวโน้ม 1Q17 คาดกำไรจะอ่อนตัวลง
YoY เพราะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น แต่ด้วยราคาหุ้นที่ underperform เรามองว่าได้สะท้อนปัจจัยลบ
ต่างๆไปแล้ว เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.4 บาท
(+) AP กำไรหลัก 4Q16 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่ม 89% YoY และ 179% QoQ เป็นไปตามที่เรา
และตลาดคาด แนวโน้ม 1Q17 คาดกำไรจะเติบโตได้ดี YoY จากฐานต่ำในปีที่แล้ว และหนุนด้วยการ
โอน backlog เพิ่มในปีนี้ เราคงประมาณการกำไร คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 9 บาท
(+) BANPU รายงานกำไรสุทธิ 4Q16 อยู่ที่ 1509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130% QoQ และพลิกมีกำไรจาก
4Q15 ผลประกอบการมากกว่าที่เราและตลาดคาด 30-40% คาดโมเมนตั้มของกำไรจะยังคงแข็งแกร่ง
ใน 1Q17 เพราะราคาถ่านหินที่ยังสูง เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 23 บาท
(-) SMT รายงานกำไร 4Q16 ขาดทุน 87 ล้านบาท พลิกจากที่เคยกำไรใน 4Q15 และ 3Q16 ส่งผลให้
ภาพรวมปี 2016 บริษัทมีกำไรเพียง 13 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดอย่างมาก เราคงคำแนะนำ
ขาย(+) GFPT รายงานกำไรสุทธิ 4Q16 ที่ 492 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY แต่ลดลง 1% QoQ กำไร
ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาจากยอดส่งออกที่ปรับตัวได้ดีและต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ต่ำ กำไรที่ออกมา
สูงกว่าที่เราคาด 17% เราเชื่อว่าจากราคาไก่ที่ฟื้นตัว (34 บาท/กก. เป็น 38 บาท/กก.) หลังเทศกาล
ตรุษจีน, ยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นและราคาวัตถุดิบที่ยังต่ำจะช่วยหนุนผลประกอบการใน 1Q17 เราอยู่
ระหว่างการทบทวนประมาณการกำไรปี 2017 ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 17.50 บาท
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) หุ้นที่เชื่อมโยงโดยตรงกับ Eastern Economic Corridor: AMATA TICON (นิคม-โกดัง), TAPAC
SAT (ชิ้นส่วนยานยนต์), กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มสาธารณูปโภค TTW EASTW GLOW, กลุ่มโลจิ
สติกส์ WICE JWD NYT เป็นต้น
เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เปิดเผยว่า
การลงทุนในใน EEC ทั้งภาครัฐและเอกชน คาดว่าจะมีเม็ดเงินอย่างน้อย 1.5 ล้านล้านบาท หรือ 4.38
พันล้านเหรียญ ภายใน 5 ปีแรก ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 15 โครงการ ใน 4 กลุ่มธุรกิจ (ที่มา ASPEN)
โดยจะดำเนินการ 5 โครงการก่อนในปี 60 นี้ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนราว 3-4 แสนล้านบาท ที่จะต้องมีการ
ทำสัญญา เพื่อให้มีการดำเนินการได้เร็วตามเป้าหมาย
ได้แก่ 1) ท่าอากาศยานอู่ตะเภาที่จะยกระดับเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ ลงทุน 2 แสนล้านบาท ซึ่ง
จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคน/ปี
2) โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ-ระยอง วงเงินลงทุน 1.5 แสนล้านบาท ที่เตรียมเสนอ
ต่อคณะกรรมการ PPP โดยจะใช้รถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบินคือ สนามบินสุวรรณภูมิ
สนามบินดอนเมือง และสนามบินอู่ตะเภา
3) ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที 3 มูลค่า 88,132 ล้านบาท ที่จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน ในรูปแบบ
PPP
4) อุตสาหกรรมเป้าหมาย (Target Industries) ที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรม ตามเศรษฐกิจ ที่เป็นแบบ scurve
อุตสาหกรรมเป้าหมายนี้มีทั้งอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักภภาพ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน ปิโตร
เคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม การเกษตร
แปรรูป และโลจิสติกส์ และ อุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่ อุตสาหกรรมการบิน การแพทย์ครบวงจร หุ่นยนต์
ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ดิจิทัล เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ
(+) GIFT: UKEM เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 ได้มีมติ
อนุมัติการขายหุ้นของ บมจ.แกรททิทูด อินฟินิท (GIFT) จำนวน 10,000,000 หุ้น หรือ คิดเป็น 3.3%
ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GIFT ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท ให้กับ TEMPLETON ASSET
MANAGEMENT LTD. จำนวน 8,000,000 หุ้น และนักลงทุนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการ จำนวน
2,000,000 หุ้น ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ UKEM ลดลงเหลือ 56.69% จากเดิม 59.99%
GIFT (Non coverage) จากการสอบถามผู้บริหารในเบื้องต้น เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการเข้าถือหุ้นของ
เทมเพิลตันครั้งนี้ โดยเราอยู่ระหว่างการติดตามพัฒนาการกำไรและศึกษาข้อมูลเชิงลึกของบริษัทฯ
บริษัทฯ ทำธุรกิจหลัก HPC (Home care, Personal care และ Cosmetic) (สัดส่วน 73% ของรายได้)
ที่ผลิตส่วนผสม ให้กับ กลุ่มธุรกิจ แชมพู สบู่ โลชั่นทาผิว ฯลฯ เกือบทุกยี่ห้อดังๆ (ที่ทุกคนต้องรู้จัก
แต่ทางบริษัทฯขอไม่ให้เปิดเผยชื่อลูกค้า) มีอัตราการบริโภคที่สูงหนุนการเติบโตอย่างมั่นคง ขณะที่
ธุรกิจ ส่วนผสม ยา และ อาหาร มีการขยายตัวสูง โดยบริษัทฯมีแผนธุรกิจที่จะขยายไลน์สินค้าใหม่เ พื่อ
สุขภาพซึ่งเป็นเทนรด์ธุรกิจในอนาคต
เปรียบเทียบ PE ในกลุ่ม HPC และ FB (Food Bev. และ ส่วนผสมยา)...กำไรGIFT ปี 2016 อยู่ที่ 106
ล้านบาท คิดเป็น 0.35 บ./หุ้น สะท้อน PE historical ประมาณ 16-17 เท่า ซึ่งยังถูกกว่า หุ้นในธุรกิจที่
เกี่ยวข้อง BEAUTY PE 17 39 เท่า หรือ MEGA PE 23 เท่า (ที่มา ตลท. BLS research)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(0) ศุกร์ US new home sale มค. คาด 5.75k จาก 5.36k. US U of M Consumer sentiment กพ.
คาด 96 จาก 95.7, Singapore Industrial production มค. คาด 8.1 จาก 21.3% (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค