- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 24 February 2017 17:58
- Hits: 1546
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดยังคงมีความผันผวน? ตลาดต่างประเทศยังเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง
มีทั้ง + / - ภายใต้มุมมองที่ยังคงมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะประเด็นการพิจารณาขึ้น / ไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในเดือนมี.ค. (14 – 15/3/60) ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ อยู่ความคาดหมายของเฟด ซึ่งภายใต้ความไม่แน่นอนดังกล่าว ส่งผลให้เงินสหรัฐฯ กลับมาอ่อนค่าลง ซึ่งคาดในระยะสั้นอาจส่งผลดีต่อ Fund Flow ไหลกลับเข้ามา Emerging Market รวมถึงไทย
ขณะที่แนะติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของ ปธน.สหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรส (28/2/60) ซึ่งคาดมีการประกาศแผนปรับลดภาษี ทั้งเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล พร้อมงบประมาณใช้จ่ายโครงการสาธารณูปโภค ที่คาดช่วยกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน และคาดส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงเป็น Sentiment ที่ดีต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงในระยะกลาง มีการเลือกตั้งของหลายๆ ประเทศในยุโรป เช่น ฮอลแลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ตามลำดับ ซึ่งหากมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองก็จะกดดันภาพรวมตลาดในระยะต่อไป
ทางด้านราคาน้ำมัน คาดในระยะสั้นยังมีความผันผวนจาก (+) แผนการปรับลดปริมาณผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ทั้ง OPEC และ Non OPEC (-) ปริมาณผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่ยังเพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ยังคงมีความกังวลอุปทานส่วนเกิน อย่างไรก็ตาม คาดระดับราคาน้ำมันในปี’60 อยู่ในระดับที่สูงกว่าปี’59 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 41 – 42USD ดังนั้นเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนเมื่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับลดลง
ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ คาดมีเพียงแรงเก็งกำไรผลประกอบการและเงินปันผล ซึ่งในสัปดาห์เป็นช่วงท้ายๆ ของการส่งงบ และคาดหลังจบช่วงส่งงบ ดัชนีอาจมีการปรับลดลงจากแรงขายทำกำไร หรือ Sell on Fact
ขณะที่ในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดดีขึ้นตามลำดับ ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ(3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า
SET SET50 SET100
1,557.32 -4.72 982.64 -4.41 2,217.62 -8.97
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +34.72, NASDAQ -25.12, S&P +0.99, FTSE -30.88, CAC -4.59 และ DAX -50.76
DJIA ยังทำปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกัน 10 วันทำการ โดยทำสถิติปิดในแดนบวกยาวนานที่สุดในรอบ 30 ปี ภายใต้ปัจจัยหนุน (1) คำมั่นกระตุ้นการจ้างงาน หลังการหารือระหว่าง ปธน.สหรัฐฯ กับผู้บริหารบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว เช่น ล็อคฮีท มาร์ติน ดาว เคมีคัล ฟอร์ด มอเตอร์ และแคเตอร์พิลลาร์ อิงค์ เป็นต้น (2) รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีผ่านสภาคอง
เกรส ก่อนจะปิดสมัยประชุมสภาในเดือนส.ค. นี้ (3) มุมมองว่าเฟด จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. เมื่อพิจารณาจากรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. ซึ่งเฟดมีความระมัดระวังที่จะระบุถึงกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป และ (4) ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ เปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 6,000 ราย อยู่ที่ 244,000 ราย สูงกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 241,000 ราย และดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศ – ม.ค. ติดลบ 0.05 ลดลงจาก +0.18 เมื่อธ.ค.
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยกดดันเพิ่มจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน เช่น ธนาคารบาร์เคลย์ส เปิดเผย กำไรสุทธิปี’59 อยู่ที่ 1.62 พันล้านปอนด์ (2.02 พันล้านUSD) ต่ำกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.97 พันล้านปอนด์
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.36 1.96 2.93
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 47,181.16
สถาบัน 654.22
บัญชีหลักทรัพย์ -80.21
ต่างประเทศ 75.94
ในประเทศ -649.96
และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี 60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN, SPALI และ SC ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น STEC, SYNTEC และ UNIQ
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มต่อเนื่อง
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.03 อยู่ที่ 2.39%(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.03 อยู่ที่ 11.71
หุ้นแนะนำ : SPRC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788