- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 22 February 2017 17:36
- Hits: 2272
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET เริ่มลงจริงจัง แต่มองเป็นโอกาสเลือกหุ้นทยอยซื้อ โดยยังเน้นซื้อลบ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มปรับพักตัวลงจริงจังมากขึ้นวานนี้ หลังจากช่วงเช้าตลาดปรับลงในกรอบแคบและทรงตัวได้บ้าง ตามภาวะตลาดหุ้นเอเชียที่ยังมีทั้งบวกและลบ แต่เมื่อเริ่มเปิดภาคบ่าย แรงขายก็มีออกมาอย่างต่อเนื่องมากขึ้น จนทำให้ SET ไหลลงค่อนข้างเร็วและแรง โดยปิดไปเกือบต่ำสุดของวัน เพราะขาดปัจจัยกระตุ้นตลาด โดยคาดว่านักลงทุนยังรอติดตามรายงานการประชุมของเฟดที่จะออกมาในค่ำวันที่ 22 ก.พ.ด้วยว่าจะมีสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐอย่างไร
แนวโน้มตลาดวันนี้ : บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ กลับมาดูดีขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังลุ้นมาตรการปรับลดภาษีของ ปธน.สหรัฐ ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสของ ปธน.สหรัฐในวันที่ 28 ก.พ.นี้ เพราะคาดว่านายทรัมป์ จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวในวันนั้น ซึ่งช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่สามารถเปิดเป็นบวกด้วยเช่นกัน แต่กรอบการบวกของตลาดเอเชียยังค่อนข้างจำกัด โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงปลายสัปดาห์นี้ รวมทั้งรายงานการประชุมของเฟดที่จะออกมาในคืนนี้ เพื่อมองหาสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐด้วย ขณะที่ SET มีแรงขายกดดันมากขึ้นวานนี้ ทำให้ยังต้องระวังการปรับตัวลงอีก
กลยุทธ์ : เราจึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นค่อยๆ ทยอยซื้อช่วงลบต่อไป โดยไม่ต้องรีบซื้อช่วงบวก จากนั้นเน้นถือเพื่อรอลุ้นเป้าหมายตามพื้นฐานในช่วงถัดไป
แนวรับ 1562-1558 , 1555-1545 จุด
แนวต้าน 1566-1570 , 1572-1575 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : KAMART, ROBINS, SIRI(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$312ล้าน นำโดยไต้หวัน US$235ล้าน และเกาหลีใต้ US$109ล้าน ขณะที่ไหลออก TIP US$41ล้าน นำโดยไทย US$19ล้าน และฟิลิปปินส์ US$11ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค ตลาดมีความหวังต่อมาตรการปรับลดภาษีของรัฐบาลซึ่งคาดว่าจะมีรายละเอียดในการประชุมกับสภาคองเกรสในวันที่ 28 ก.พ. นี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ITEL เราปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 14 บาทจากเดิม 7.80 บาท โดยปรับกำไรสุทธิปี 2017-21 ขึ้นเฉลี่ย 15% ต่อปี ตามจำนวนวงจรเช่าโครงข่าย Fiber Optic ที่ขยายตัวรวดเร็ว (วงจรเช่าสิ้นปี 2016 +133% Y-Y) และงานรับเหมาติดตั้งโครงข่ายที่มีแนวโน้มสูงกว่าคาด และยังรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ค่อยๆขยับเพิ่มขึ้นได้ กำไรที่ปรับเพิ่มทำให้โตเฉลี่ย 48% ต่อปี ราคาหุ้นปัจจุบันที่มี PE 38 เท่า คิดเป็น PEG 0.8 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 1.5 เท่า จึงกลับมาแนะนำซื้ออีกครั้ง สำหรับกำไรสุทธิ 4Q16 คาด +26% Y-Y
(+) TU ผ่านกำไรต่ำสุดแล้วใน 4Q16 ซึ่ง -20% Q-Q, -8% Y-Y จากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการซื้อกิจการ Red Lobster แต่จะกลับมาเติบโตในปี 2017 แม้เราจะปรับกำไรสุทธิปีนี้ลง 9% ให้สอดคล้องกับเป้ายอดขายของผู้บริหารที่ปรับลง 7% แต่กำไรยังเติบโต 23% Y-Y จากการฟื้นตัวของธุรกิจปลาทูน่าและปลาแซลมอน และ Red Lobster ที่จะพลิกเป็นกำไรได้ ยังคงแนะนำซื้อ แต่ปรับราคาพื้นฐานลงเป็น 24 บาทจาก 26 บาท
(-) SAWAD กำไรสุทธิ 4Q16 ใกล้เคียงคาด +12% Q-Q, +53% Y-Y ทำให้ทั้งปี +50% Y-Y เราปรับกำไรปี 2017 ลง 8% เหลือโตเพียง 15% Y-Y สะท้อนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นหากต้องใช้มาตรฐานบัญชี IFRS9 ในปี 2019 เพราะ Coverage ratio เมื่อเทียบกับสินเชื่อค้างชำระ >3 เดือนอยู่ที่ 61% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี เราปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 44 บาท (หลัง XD เหลือ 42 บาท) จากเดิม 55 บาท แนะนำ switch เป็น MTLS
(-) SYMC กำไร 4Q16 +67% Q-Q, +145% Y-Y ดีขึ้นจากการได้ลูกค้ารายใหม่แทนรายเดิมที่เสียไป แต่คาดว่ากำไรสุทธิปี 2017 จะทำได้เพียงทรงตัวกับปี 2016 ที่ 99 ล้านบาทเพราะค่าเสื่อมราคาจะเพิ่มขึ้น 40-60 ล้านบาทจากการเริ่มบันทึกเงินลงทุนโครงการ MCT (เคเบิ้ลใยแก้วใต้น้ำ) แนะนำขาย ราคาพื้นฐาน 10.80 บาท
(0) AOT เจรจากับกรมธนารักษ์ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่ารายได้จากพื้นที่ Non-Aero (ไม่เกี่ยวกับกิจการบิน) จะใช้รูปแบบผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) ไม่เกิน 3% คิดเป็นต้นทุนเพิ่มประมาณ 300-400 ล้านบาท/ปี ซึ่ง AOT จะทยอยปรับขึ้นค่าเช่าจากผู้เช่า ยกเว้นพื้นที่ของ King Power ที่ยังปรับขึ้นไม่ได้จนกว่าจะหมดสัญญาเช่าปี 2020 สำหรับส่วนแบ่งรายได้ของกิจการสนามบินคงเดิม เราคาดต้นทุนจะเพิ่มประมาณ 500-600 ล้านบาท/ปี ซึ่งอยู่ในประมาณการแล้ว คาดใช้อัตราใหม่ในงบฯปีหน้าคือ ต.ค. นี้เป็นต้นไป เราปรับลดราคาพื้นฐานลงเป็น 44 บาทก่อนหน้านี้แล้ว แนะซื้อลงทุนยาว
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 ก.พ. - ฮ่องกง: 4Q16 GDP (คาด +2.1% Y-Y)
- สหรัฐ:FOMC Meeting Minutes, ยอดขายบ้านใหม่ (ม.ค.)
- ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
23-ก.พ. - ไทย: MGTเทรดวันแรก (ราคา IPO 1.89บาท), ยอดขายรถ (ม.ค.)
- เกาหลีใต้:ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม
27 ก.พ. - ไทย: ดุลการค้า (ม.ค.),ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ม.ค.)
- สหรัฐ:คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ม.ค.)
28 ก.พ. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ม.ค.
- สหรัฐ:4Q16 GDP (คาดการณ์ครั้งที่ 2)
- ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
1 มี.ค. - ไทย:อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
- จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ก.พ.)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Manufacturing PMI (ก.พ.)
- สหรัฐ: Fed Beige Book
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้ค่อนข้างดีโดย DJIA ทำจุดสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 8 โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง รวมถึงมาตรการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ของทรัมป์
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้เช่นกันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ตัวเลข PMI ยูโรโซนที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดค่อนมาในแดนบวก อย่างก็ตามกรอบการบวกถือว่าไม่กว้างนัก โดยนักลงทุนยังจับตาดูท่าทีและความชัดเจนของนโยบายการปรับลดภาษีของทรัมป์
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งทรงตัวออกข้างบริเวณ 35 บาท/ดอลลาร์บวกลบ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 0.66 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 54.06 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบเกือบ 7 สัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจาก OPEC ที่ส่งสัญญาณทางบวกเกี่ยวกับการร่วมมือกันลดกำลังการผลิตซึ่งรวมถึงรัสเซียด้วย
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 0.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,238.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนติดตามดู Minute การประชุมของ FED ครั้งล่าสุดเกี่ยวกับการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch