- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 09 February 2017 18:11
- Hits: 9975
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
กรอบจำกัด? คาดมีโอกาสเคลื่อนไหวทั้ง + / - ตามตลาดต่างประเทศที่ไร้ทิศทาง ภายใต้ที่ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ แต่ยังให้น้ำหนักไปที่ประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะความกังวลต่อนโยบายของปธน.สหรัฐฯ ที่สร้างความขัดแย้งในสหรัฐฯ รวมถึงส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คาดยังมีผลให้ชะลอลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่นเดียวกับราคาน้ำมันที่มีความผันผวนจาก (+) แผนการปรับลดปริมาณผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ทั้ง OPEC และ Non OPEC (-) ปริมาณผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่ยังเพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ยังคงมีความกังวลอุปทานส่วนเกิน อย่างไรก็ตาม คาดระดับราคาน้ำมันในปี’60 อยู่ในระดับที่สูงกว่าปี’59 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 41 – 42USD ดังนั้นเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนเมื่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับลดลง
นอกจากนี้คาดการส่งสัญญาณของ 1 ในคณะกรรมการเฟด ล่าสุด ให้มีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีค. (14 – 15/3/60) คาดกลับมา
มีน้ำหนักและกดดันภาพรวมตลาดอีกครั้งหลังจากนี้ ซึ่งแนะติดตามเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นตามการส่งสัญญาณดังกล่าว และอาจส่งต่อ Fund Flow ไหลออกจาก Emerging Market รวมถึงไทย อย่างไรก็ตามเงินบาท
ที่อ่อนค่าลงคาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มส่งออก
ขณะที่ยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อนโยบายของ ปธน.สหรัฐฯ โดยเฉพาะเน้นการเติบโตในประเทศ แม้ยังไม่มีรายละเอียดออกมาชัดเจน แต่จากการส่งสัญญาณก่อนหน้า ที่จะกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนของภาครัฐ รวมถึงการจูงใจให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน ผ่านการปฏิรูปภาษี ทำให้คาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งคาดสอดคล้องกับมุมมองของเฟด
ทางด้านประเด็นในประเทศ คาด Sentiment เป็นบวก โดยเฉพาะมุมมองของ ธปท. ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวชัดเจน และดีกว่าการประเมินก่อนหน้า ขณะที่ยังอยู่ในช่วงทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี’59 คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงก.พ.’60 รวมถึงเงินปันผล
อย่างไรก็ตามยังมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี’60 ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า
SET SET50 SET100
1,589.29 +6.77 996.23 +4.93 2,248.10 +10.75
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -35.95, NASDAQ +8.24, S&P +1.59, FTSE +2.60, CAC +12.13 และ DAX -6.06
หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาพันธบัตรปรับขึ้น ส่งผลกระทบ ต่อหุ้นในกลุ่มการเงิน รวมถึง เจพีมอร์แกน เชสแอนด์โค โกลด์แมน แซคส์ และวีซ่า เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความไม่มั่นใจว่า คณะบริหารของปธน.สหรัฐฯ จะสามารถทำงานร่วมกับสภาคองเกรสได้อย่างราบรื่น ล่าสุด ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีให้ทำการทบทวนกฏหมายดอดด์-แฟรงค์ (Dodd-Frank Wall Street Reform and Consumer Protection Act) ซึ่งเป็นกฏหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้กู้วิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต
อย่างไรก็ตาม NASDAQ ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง หลังได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น เฟซบุ๊ก และแอปเปิล เป็นต้น
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยหนุนจากมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน โดยธนาคารกลางฝรั่งเศส คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของประเทศ – 1Q/60 ขยายตัว 0.3% ขณะที่หอการค้าและอุตสาหกรรรมเยอรมนี (DIHK) ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ GDP ปี’60 –ขยายตัว 1.6% จากการส่งออกที่แข็งแกร่งแต่การปรับขึ้นของดัชนีเป็นไปอย่างจำกัด ภายใต้ปัจจัยลบจากผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ รวมถึงบริษัท A.P. Moller-Maersk ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทน้ำมันและเดินเรือของเดนมาร์ก
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
19.46 2.03 2.87
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 59,061.98
สถาบัน 915.67
บัญชีหลักทรัพย์ 472.83
ต่างประเทศ 541.04
ในประเทศ -1,929.54
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. +US$0.17 อยู่ที่US$52.34ต่อบาร์เรล แม้ EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุดเพิ่มขึ้น 13.8 ล้านบาร์เรล (สูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่ 508.6 ล้านบาร์เรล แต่สต็อกน้ำมันเบนซิน ล่าสุดลดลง 869,000 บาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$3.4 อยู่ที่ US$1,239.5ต่อออนซ์ ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองในต่างประเทศ รวมถึงการเลือกตั้งในฝรั่งเศส และนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กีดกันพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐฯ ส่งผลให้เพิ่มการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +541 ล้านบาท สะสม YTD +5,909 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
(0/+) กนง. มีมติเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ตามคาด และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 14 ติดต่อกัน พร้อมมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจน และดีกว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะการส่งออก พร้อมคาดการลงทุนภาครัฐ การท่องเที่ยว และการส่งออก จะเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี’60
ประเด็นที่ต้องติดตาม 9 - 10 ก.พ. 2560
9/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนธ.ค.
10/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ.
งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนม.ค.
และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี 60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN, SPALI และ SC ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น STEC, SYNTEC และ UNIQ
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.04 อยู่ที่ 2.35% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.16 อยู่ที่ 11.45
หุ้นแนะนำ : AP
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788