- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 08 February 2017 19:40
- Hits: 7691
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือหุ้นพื้นฐานดี'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index พักฐาน แต่ระดับปิดยังสูงกว่าแนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุด 1580 จุดเล็กน้อยหุ้นที่นำลงคือ กลุ่มโภคภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ อิเลคทรอนิกส์ ต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 530 กว่าล้านบาท สำหรับปัจจัยสำคัญในช่วงนี้ ได้แก่
+ สหรัฐขาดดุลการค้าน้อยลงในเดือนธ.ค.59 เพราะส่งออกขยายตัวดี (+2.3%)
- ประธานเฟดฟิลาเดลเฟีย (กรรมการที่มีสิทธิโหวต) หนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมกลางมี.ค.60 ถ้าตัวเลขภาคแรงงานยังแกร่ง
- ราคาน้ำมันดิบแกว่งในกรอบ หลังกลุ่มใน&นอกโอเปกกำลังเร่งลดการผลิตตามข้อตกลงแต่สหรัฐมีแนวโน้มผลิตเพิ่ม (EIA ระบุว่าปี 59สหรัฐผลิตน้ำมันที่ 8.9, ปี 60 เพิ่มเป็น 9.0 และปี 61 จะเป็น 9.5 ล้านบาร์เรล/วัน)...หุ้นกลุ่มพลังงานจึง Sideways ตามไปด้วย
• ประชุมกนง.วันนี้...คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ก่อน แม้เงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นแต่อาจไม่แรงเมื่อดูจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นช้า
+ ครม.ขยายเวลาฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ 21 ประเทศเป็นสิ้นสุดส.ค.60...เป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยว หุ้นเด่น AOT, ERW
+ คาดกำไร BEAUTY 4Q59 -7% QoQ จากเหตุการณ์บ้านเมืองแต่ยัง +49%YoY แนวโน้มปี 60-61 ยังสดใส คาดกำไร +28% ต่อปีฐานะการเงินดีมาก เป็นเงินสดสุทธิ การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะซื้อ ราคาพื้นฐาน DBSV ให้ไว้ที่ 14 บาท (DCF)
• DBSV ลดราคาพื้นฐาน KCE เป็น 116 บาท (เดิม 121 บาท) สะท้อนต้นทุนวัตถุดิบทองแดงที่ปรับขึ้น แต่ยังคงแนะนำซื้อ โดยคาดกำไรปี 60-61 จะเติบโตแกร่ง 26% และ 20% จากการเพิ่มกำลังการผลิต & ประสิทธิภาพโรงงานใหม่สูงขึ้น
• จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancingต่อเนื่อง ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยปีนี้มีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น และเราเริ่มต้นปีบน Index ที่สูงด้วย หุ้นกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น BEAUTYการวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพเป็นลบเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก สำหรับการเทรดดิ้ง ให้ SET อยู่เหนือระดับ 1580จุดไว้ก่อน ต่ำกว่าระดับดังกล่าวควรลดพอร์ตตาม เพราะมีโอกาสพักฐานแบบมีนัยยะ แนวต้านระยะสั้น 1590-1600, 1610 จุดสำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ PACE, SVI, NYT, TMT, WORK ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน Listคือ JMART, AMA สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit คือ KKP, WICE, EPG, EPCO, NETBAY
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
+ สหรัฐ : ขาดดุลการค้าเดือนธ.ค.59 น้อยกว่าคาดเพราะส่งออกเติบโตดียอดขาดดุลการค้าสหรัฐ -3.2% ในเดือนธ.ค.59 สู่ระดับ 4.43 หมื่นล้านดอลลาร์ ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะมีตัวเลขขาดดุลการค้าลดลงสู่ระดับ 4.50 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้มูลค่าส่งออกและบริการ +2.7%สู่ระดับ 1.907 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.สูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.58 ขณะที่นำเข้าสินค้าและบริการ +1.5%สู่ระดับ 2.350 แสนล้านดอลลาร์สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.58
- สหรัฐ : เฟดฟิลาเดลเฟียหนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมกลางเดือนมี.ค.60นายแพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และเป็นกรรมการเฟดที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในปี 60 กล่าวว่าเฟดควรพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%ในการประชุมวันที่ 14-15 มี.ค.60 หากการจ้างงานและค่าจ้างแรงงานยังคงมีการขยายตัวต่อไป
•/+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : บวกขึ้นต่อ
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ เช่น เจเนอรัล มอเตอร์ (GM) และตัวเลขขาดดุลการค้าเดือนธ.ค.ของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าการคาดการณ์ และ Sentiment ที่เป็นบวกของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นขยับขึ้นต่อได้แม้ว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะถูกกดดันจากการลดลงของราคาน้ำมัน ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่20,090.29 จุด เพิ่มขึ้น 37.87 จุด หรือ +0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,674.22 จุด เพิ่มขึ้น 10.67 จุด หรือ+0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,293.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.52 จุด หรือ +0.02%
- สัญญาน้ำมันดิบ : อ่อนตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 84 เซนต์ หรือ -1.6% ปิดที่ 52.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENTส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 67 เซนต์ หรือ -1.2% ปิดที่ 55.05 ดอลลาร์/บาร์เรล โดย EIA ระบุว่าในปี 59 สหรัฐผลิตน้ำมันดิบที่ 8.9 ล้านบาร์เรล/วันและคาดว่าจะเพิ่มเป็น 9 ล้านบาร์เรล/วันในปี 60 และเป็น 9.5 ล้านบาร์เรล/วันในปี 61หลังจากแท่นขุดเจาะที่ปิดไปกลับมาเปิดดำเนินงาน
+ สัญญาทองคำ : ปรับขึ้นต่อ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ระดับ 1,236.10 ดอลลาร์/ออนซ์ แม้ว่าดัชนีค่าเงินดอลลาร์จะแข็งขึ้นเป็น 100.4 จากระดับ 99.2 ใน 3 วันก่อน แต่นักลงทุนกังวลว่ามาตรการทรัมป์อาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะกับชาติมุสลิม จึงเข้ามาซื้อทองคำเพื่อลดความเสี่ยง
ปัจจัยในประเทศ :
+ กลุ่มท่องเที่ยว : ขยายเวลายกเว้นค่าวีซ่านักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 6 เดือน
ครม.เห็นชอบขยายระยะเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมการขอวีซ่านักท่องเที่ยวต่างชาติ 21 ประเทศไปอีก 6 เดือนเป็นสิ้นสุดส.ค.60 (เดิมจะสิ้นสุดสิ้นก.พ.60 นี้) ทั้งนี้เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เป็นข่าวบวกกลับกลุ่มที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว เช่น โรงแรม & อาหาร,สนามบิน, สายการบิน ฯลฯ ทั้งนี้ททท.คาดการณ์ว่ารายได้ภาคท่องเที่ยวปี 60 จะขยายตัวได้ราว 10% เป็น2.77 ล้านล้านบาท (จาก 2.52 ล้านล้านบาทในปี 59) สำหรับ 1Q60 คาดการณ์ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นดี โดยรายได้ท่องเที่ยวต่างประเทศ +7% เป็น 4.9 แสนล้านบาท และในประเทศ +12% เป็น 2.4 แสนล้านบาทปัจจัยหนุน คือ ยอด Forward Booking ที่สูง (+7%) มีเที่ยวบินใหม่เข้าภูมิภาคมากขึ้น และเที่ยวบินเช่าเหมาลำทยอยกลับสู่ตลาด สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทำรายได้ Top-5 ของไทย คือ จีน รัสเซีย มาเลเซียสหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ ส่วนตลาดที่เติบโตดีมาก คือ บราซิล (+49%)
# สำหรับหลักทรัพย์ที่เป็น Top Pick ในกลุ่มบริษัทเกี่ยวกับการบินเป็น AOT (ราคาพื้นฐาน 455 บาท) ทั้งนี้ธุรกิจยังคงเติบโตได้ดี ผู้บริหารคาดว่ารายได้ปี 60 (สิ้นสุดก.ย.60) จะเติบโตได้เป็นเลขสองหลัก โดยมาจากปริมาณผู้โดยสารที่มาใช้สนามบินเพิ่มประมาณ 8% และรายได้ค่าเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ของสนามบินดอนเมืองและภูเก็ตเพิ่มขึ้น ยังผลให้คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิงวดปี 60 จะขยายตัวได้ +15% เพิ่มขึ้นจาก +4.5% ในงวดปี 59 (สิ้นสุดก.ย.59) สำหรับการซื้อขายที่ราคาพาร์ใหม่ 1 บาทจะเริ่มตั้งแต่ 9 ก.พ.นี้เป็นต้นไป
# ส่วนหลักทรัพย์เด่นในกลุ่มโรงแรม & อาหารเป็น ERW (ราคาพื้นฐาน 5.80 บาท) โดยปี 2560 บริษัทจะมีโรงแรม Hop Inn เพิ่มทั้งในส่วนประเทศไทยถึง 8 แห่ง และอีก 1 แห่งที่ฟิลิปปินส์ ทำให้จำนวนห้องเพิ่มขึ้น12.2% จากปี 59 ที่ 6,385 ห้อง (41 โรงแรม) และคาดว่าจะไม่มีผลขาดทุนเกิดขึ้นในอนาคต แม้ว่าเป็นฤดูกาลที่อ่อน (low season) โดยคาดว่า OR ปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 85% จากปี 59 ที่ 83% โดยปี 59 ที่ผ่านมามีการปรับขึ้นอัตราค่าห้องพักประมาณ 5% ส่วนปี 61 จะมีการขยายโรงแรม Hop Inn เพิ่มขึ้นไปอีก ทาง DBSVคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 จะเติบโตกว่า 30% ซึ่งโดดเด่นในกลุ่มโรงแรม & อาหาร
+ PACE (ราคาปิด 3.76 บาท) : ฐานะการเงินดีขึ้นหลังเพิ่มทุน กำไรปี 60 ฟื้นตัวแข็งแกร่ง
# อพอลโล เอเชีย สปรินท์ โฮลดิ้ง คอมปานี ลิมิเต็ด และโกลด์แมน แซคส์ อินเวสท์เม้นท์ส โฮลดิ้งส์ (เอเชีย) ลิมิเต็ด จะเข้าลงทุนในบริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด (PP1) ซึ่งทำธุรกิจโรงแรม และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จากัด(PP3) ซึ่งทำธุรกิจจุดชมวิว (Sky Observation Deck) เป็นเงิน 8.44 พันล้านบาท โดยเพิ่มทุนเข้ามา 7.76พันล้านบาทและให้กู้ยืม 675 ล้านบาท ทำให้สองรายใหม่กลายเป็นผู้ถือหุ้นในสองโครงการ 49% ส่วนอีก51% ถือโดย PACE
# ฐานะการเงิน PACE จะดีขึ้น โดย PACE จะนำเงินไปคืนหนี้ 2.4 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 5.4 พันล้านบาทใช้ขยายธุรกิจร้านอาหารและกาแฟ Dean & Deluca และอื่นๆ คาด Net Debt/Equity จะลดจากสิ้น 3Q59 ที่7.5 เท่าเป็น 2.7-3.0 เท่า
# บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) สูงราว 17.5 พันล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมหานคร 9 พันล้านบาท วิลล่ามหาสมุทร (หัวหิน) 1.5 พันล้านบาท และคอนโดนิมิต หลังสวน 7 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ใน3-4 ปีข้างหน้านี้ ด้านการเปิดขายโครงการใหม่ปี 60 จะมีประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดที่ถนนนราธิวาสฯ วิลล่าและโรงแรมที่นิเซโกะ ญี่ปุ่น และอีกหนึ่งโครงการที่กำลังซื้อที่ดินใหม่
# แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 4.29 บาท ทั้งนี้ทาง DBSV คาดว่าปี 60 บริษัทจะพลิกเป็นกำไรได้ 1.15 พันล้านบาท (EPS : 0.31 บาท/หุ้น) จากที่ขาดทุนสุทธิ 1.8 พันล้านบาทในปี 59
• กนง.ประชุมวันนี้ (8 ก.พ.นี้)…คาดคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ก่อนคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประชุมนัดแรกของปี 60 วันที่ 8 ก.พ.นี้ เราคาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ก่อน เพื่อรอดูทิศทางเศรษฐกิจและผลกระทบจากภายนอก ทั้งนี้แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นในปีนี้ แต่อุปสงค์ในประเทศยังเติบโตน้อยเพราะภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง และการฟื้นตัวในช่วงเดือนธ.ค.-ต้นปี 60 มาจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งเมื่อหมดมาตรการก็จะชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มดีขึ้นจากตัวเลขส่งออกที่ฟื้นตัวและมีโอกาสเติบโตได้ 2-3% ในปีนี้ (จาก +0.45% ในปี59)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]