- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 08 February 2017 18:52
- Hits: 2658
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ย้อนลบอีกครั้ง ซึ่งแม้ว่าจะมีบวกสลับ แต่คาดยังลุ้นลงต่อได้อีก
ตลาดหุ้นวานนี้ : หลังจาก SET พยายามแกว่งทรงตัวในช่วงครึ่งวันเช้า แต่ก็มีจังหวะแกว่งลบ เนื่องจากตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่อ่อนตัวลง จากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในกรณีคำสั่งห้ามพลเมือง 7 ชาติมุสลิมเข้าสหรัฐ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับลงอีกครั้ง จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐยังเพิ่มขึ้น และในช่วงบ่ายยังมีแรงขายกดดันเพิ่มเติมเนื่องจากไม่มีปัจจัยหนุน ทำให้ SET อ่อนตัวลงอีกเกือบ 10 จุด ก่อนจะขยับมาปิดเป็นลบไปกว่า 6 จุด
แนวโน้มตลาดวันนี้ : หลังจากเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐมีจังหวะขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ และตัวเลขดุลการค้าเดือน ธ.ค.ของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ก็ปิดบวกได้ดี หลังค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง ช่วยให้นักลงทุนมองว่าจะส่งผลบวกต่อบริษัทส่งออกในยุโรปได้ ทำให้ SET อาจลุ้นโอกาสบวกกลับบ้าง หลังปรับลงพอควรวานนี้ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดบวกในกรอบแคบ และบางแห่งยังอ่อนตัวลงต่ออยู่ ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐแม้ว่าจะขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในระหว่างวันแต่ก็ย้อนปิดเป็นบวกเพียงเล็กน้อย ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็มีแนวโน้มที่จะบวกแคบและปรับตัวลงต่อได้อีกมากกว่า เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยหนุนเพิ่มเติม
กลยุทธ์ : ดังนั้นเรายังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบต่อไปดีกว่า
แนวรับ 1580-1578 , 1575-1570 จุด
แนวต้าน 1584-1587 , 1589-1591 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : INET, EPG, TTCL(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$79ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$171ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวัน US$102ล้าน และไทย US$15ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคตามราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ทำให้กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์น่าจะกดดันตลาดในวันนี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) คาดกนง.คงดอกเบี้ย ที่ 1.5% ไม่กระทบตลาด ค่าเงินบาทแกว่งแคบ
(0) น้ำมันปรับลงกดดัน Commodity อื่น น้ำมันปรับลงเป็นวันที่ 2 เพราะกังวลอุปทานที่เพิ่มหลัง API เผยสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มมากกว่าคาด ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กดดันกลุ่มพลังงานต่อเนื่องในวันนี้ ส่วนกลุ่ม commodity อื่น น้ำตาลดูดีสุดในปีนี้ ส่วนราคาปาล์มและยางเริ่มลดหลังน้ำท่วมภาคใต้ลดลงทำให้เกษตรกรเข้าไปเก็บเกี่ยวมากขึ้น ราคาถั่วเหลืองนิ่ง ส่วนราคาเนื้อสัตว์ยังมีทิศทางดี
(+) TOT กำหนด Timeline ชัดเจนขึ้นสำหรับคลื่น 2300 MHz จะเปิดให้ผู้สนใจมาซื้อซอง 10-15 ก.พ. ยื่นเอกสาร 27 มี.ค. เซ็นสัญญา 3Q17 และให้บริการ 4Q17 โดย TOT จะเลือกเพียง 1 บริษัท กรอบเวลาที่ชัดเจนเป็น Sentiment บวกกับกลุ่มมือถือ อาจมีแรงเก็งกำไร DTAC อีกครั้งเพราะต้องการคลื่นใหม่มาทดแทนคลื่น 1800 MHz และ 850 MHz ที่จะหมดสัมปทานปี 2018 โดยการแข่งขันไม่น่ารุนแรงเพราะ ADVANC และ TRUE ต่างมีภาระหนักอยู่แล้ว ในด้านพื้นฐานยังแนะนำขาย DTAC (ราคาพื้นฐาน 30 บาท) เพราะต้นทุนที่เพิ่มจะกดดันผลประกอบการต่อไป ส่วน ADVANC (ราคาพื้นฐาน 170 บาท) แนะนำถือ และ TRUE อยู่ระหว่างปรับประมาณการ
(+) THANI ภาวะอุตสาหกรรมสดใส ยอดขายรถบรรทุกมีความต้องการหนาแน่น บริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากปัจจุบัน 15-18% เป็น 20-24% โดยการปล่อยสินเชื่อเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งได้แรงหนุนจากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลงตามการปรับเพิ่มอันดับเครดิตและการ Reprice หุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงในอดีต เรายังคงคาดกำไรสุทธิปี 2017 +6% Y-Y แต่อาจมี upside หากตั้งสำรองฯน้อยกว่าคาดและต้นทุนทางการเงินต่ำกว่าคาด คงคำแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 6.20 บาท และคาดจ่ายปันผล 0.22 บาท/หุ้น (yield 4.2%)
(0) MAJOR เราคาดกำไรสุทธิ 4Q16 -32.8% Q-Q, +61.2% Y-Y โดยมีกำไรพิเศษขายหุ้น PVR แต่กำไรปกติ -44.0% Q-Q, -13.8% Y-Y กระทบจากช่วงไว้อาลัย 1 เดือน แนวโน้มกำไร 1Q17 ฟื้นและเข้าช่วง Peak ของหน้าหนังใน 2Q17 ซึ่งทำให้คาดกำไรปีนี้ฟื้น +27% Y-Y แต่ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE 23 เท่าและใกล้เต็มมูลค่าที่ 35 บาทแล้ว ยังคงแนะนำถือ คาดปันผลงวด 2H16 0.60 บาท/หุ้น (yield 2%)
(-) ICHI แนวโน้มธุรกิจไม่สดใส เราคาดกำไร 4Q16 ลดเหลือเพียง 10-15 ล้านบาทต่ำสุดตั้งแต่เข้าตลาดฯ จากการใช้กำลังการผลิตต่ำ รับรู้ขาดทุนจากธุรกิจในอินโดนีเซียมากขึ้น และตั้งด้อยค่าความนิยมแบรนด์ไบเล่ต่อเนื่อง เราปรับกำไรปี 2016 ลง 8% เป็น -46% Y-Y การฟื้นตัวในปีนี้ยังท้าทายทั้งธุรกิจในไทยและอินโดนีเซีย ราคาหุ้นเกินมูลค่าที่ 8 บาท และยังมีข่าวลบจากภาษีเครื่องดื่ม คงคำแนะนำขาย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 ก.พ. - ไทย: กนง.ประชุม (เราคาดคงดอกเบี้ยที่ 1.5%)
9 ก.พ. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลางประชุม
10 ก.พ. - MSCI Quarterly Index Review
- จีน: ดุลการค้า (ม.ค.)
- นายอาเบะและทรัมป์ประชุมหารือเรื่องแผนลงทุนในสหรัฐ
13 ก.พ. - ญี่ปุ่น: 4Q16 GDP
14 ก.พ. - ไทย: SE เทรดวันแรก (ราคา IPO 2.45 บาท)
- จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
- ยูโรโซน: 4Q16 GDP, Zew Survey Expectation (ก.พ.)
15 ก.พ. - ไทย: ETE เทรดวันแรก (ราคา IPO 4.20 บาท)
- ไต้หวัน: 4Q16 GDP
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
16 ก.พ. - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: Housing starts & Building permits (ม.ค.)
17 ก.พ. - สิงคโปร์: 4Q16 GDP
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้เล็กน้อยโดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามกรอบการบวกถูกจำกัดจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้เล็กน้อยเช่นกันโดยประเด็นที่นักลงทุนจับตาในช่วงนี้ยังเป็นเรื่องของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและตัวเลขเศรษฐกิจ
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบโดยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงยังกดดันบรรยากาศการลงทุน
(0) ค่าเงินบาทยังคงแกว่งทรงตัวบริเวณ 35 บาท/ดอลลาร์บวกลบ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง 0.84 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 52.17 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง API รายงานว่าสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 4.00 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,236.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนยังคงเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยต่อเนื่องจากทั้งสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองของสหรัฐฯ และการเลือกตั้งของหลายๆประเทศในนยุโรป
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch