WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

“เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET เหนือ 1580”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มีปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ปรับขึ้น 6.18 จุดปิดที่ 1589.13 นำโดยกลุ่มแบงค์ โภคภัณฑ์ ไฟแนนซ์เป็นต้น สถาบันในประเทศและต่างชาติกลับมาผนึกกันซื้อสุทธิ ส่วนรายย่อยนำขายสุทธิ สำหรับปัจจัยสำคัญในช่วงนี้ ได้แก่
- กังวลนโยบายทรัมป์กดดันตลาดหุ้นสหรัฐ การกีดกัน 7 ชาติมุสลิมและผู้ลี้ภัยเข้าสหรัฐทำให้มีความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหาร vs ฝ่ายตุลาการสหรัฐ รวมทั้งบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เกือบ 100 แห่งออกมาคัดค้านสหรัฐในเรื่องนี้
+ สภาธุรกิจตลาดทุนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือนก.พ.60 (มองไปข้างหน้า 3 เดือน) สูงสุดในรอบ 5 เดือน
• คาดกนง.คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ในการประชุมพุธที่ 8 ก.พ.นี้…เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นจากฝั่งต้นทุนแต่กำลังซื้อยังฟื้นตัวช้า
+ AOT เริ่มซื้อขายพาร์ 1 บาทตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.60 ...แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 45.50 บาท (ราคาพาร์ 1 บาท)
-/• BDMS ยกเลิกบัตรสมาชิก “Premium” เนื่องจากไม่มีไลเซนส์ธุรกิจประกัน ต้องบันทึกด้อยค่า 545 ล้านบาท หักผ่านงบดุลด้านEquity ทำให้ BVS ลดจาก 3.65 เป็น 3.61 บาท/หุ้น ส่วนกำไร 4Q59F คาด -10%QoQ แต่ +2%YoY ยังคงแนะนำซื้อ (TP : 27.5 บาท)
•/+ บจ.ทยอยรายงานผลประกอบการ 4Q59 และปี 59 รวมถึงการประกาศจ่ายปันผล ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดเดือนก.พ.
• จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancingต่อเนื่อง ทั้งนี้ตลาดหุ้นปีนี้มีแนวโน้มผันผวน ความเสี่ยง FX มากขึ้น และเริ่มต้นปีบน Index ที่สูง หุ้นกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น GLการวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นภาพเป็นบวก ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก สำหรับการเทรดดิ้ง ให้ SET อยู่เหนือระดับ 1580 จุดไว้ก่อน ต่ำกว่าระดับดังกล่าวควรลดพอร์ตตาม เพราะมีโอกาสพักฐานแบบมีนัยยะ แนวต้านระยะสั้น 1600, 1610 จุด

สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ KBANK, EPG, RS, EPCO, TLUXE, NETBAY ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ KKP, JMART, AMA, WICE สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit คือ SAWAD, SF, PTTGC,KSL
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]

Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
- หลายฝ่ายคัดค้านทรัมป์เรื่องกีดกันพลเมือง 7 ชาติมุสลิม กระทั่งประชาชนและบริษัทในสหรัฐเองทางศาลอุทธรณ์สหรัฐได้ปฏิเสธคำร้องขอของรัฐบาลที่ต้องการให้ศาลยกเลิกคำสั่งให้ระงับมาตรการห้ามผู้ลี้ภัยและประชาชนจาก 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ

ด้านนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้ข้อกฎหมายในทุกๆด้าน เพื่อพลิกคำตัดสินของศาลที่ได้ระงับคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ในการห้ามประชาชนจาก 7 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งได้แก่อิรัก ซีเรีย อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน

ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เกือบ 100 แห่งทั่วสหรัฐ ซึ่งรวมถึงแอปเปิล อัลฟาเบท เฟซบุ๊ก และไมโครซอฟท์ได้รวมตัวกันเพื่อใช้ข้อกฎหมายคัดค้านคำสั่งดังกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยระบุว่าเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐ

•/- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ขายทำกำไร & กังวลนโยบายทรัมป์ที่ท้าทายต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ดัชนี DJIA ปิดที่ 20,052.42 จุด ลดลง 19.04 จุด หรือ -0.09% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,663.55 จุด ลดลง 3.22จุด หรือ -0.06% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,292.56 จุด ลดลง 4.86 จุด หรือ -0.21% ทั้งนี้ตลาดวิตกว่านโยบายกีดกันพลเมืองมุสลิม 7 ชาติและผู้ลี้ภัยซึ่งกำลังขัดแย้งระหว่างคณะบริหารของปธน.ทรัมป์กับฝ่ายตุลาการจะบานปลาย

- สัญญาน้ำมันดิบ : ร่วงลงหลังสหรัฐผลิตเพิ่ม
เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐสัปดาห์ก่อนเพิ่มอีก 17 แท่นเป็น 583แท่น และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ก่อน (+6.5 ล้านบาร์เรล) เมื่อคืนนี้สัญญาน้ำมันดิบ WTIส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 82 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 53.01 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 55.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

• ตลาดน้ำมัน : จับตาความเคลื่อนไหวของอิหร่าน
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ในอิหร่านอย่างใกล้ชิด หลังจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรชาวอิหร่านจำนวน 13 คนและบริษัท 12 แห่ง เพื่อลงโทษต่อการที่อิหร่านทำการทดสอบขีปนาวุธ ซึ่งสหรัฐระบุว่าบุคคลและองค์กรที่ถูกคว่ำบาตรเกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งบางแห่งตั้งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เลบานอน และจีน

+ สัญญาทองคำ : ปรับขึ้นแรง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 11.3 ดอลลาร์ หรือ 0.93% ปิดที่ระดับ 1,232.10 ดอลลาร์/ออนซ์

ปัจจัยในประเทศ :
+ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือนก.พ.แข็งแกร่ง
สภาธุรกิจตลาดทุนเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือนก.พ.60 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มเป็น 120.59 จุด สูงสุดในรอบ 5 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายบุคคลอยู่ที่ 117.05 (+21.01%) สถาบันอยู่ที่ 130 จุด (+9.03%) ต่างชาติ 120 จุด (+2.85%) ปัจจุบันหนุน คือ การเติบโตของผลประกอบการบจ., นโยบายกระตุ้นจากภาครัฐ และนักลงทุนรายบุคคลมองว่ากระแสเงินทุนไหลเข้าช่วยหนุนด้วยสำหรับปัจจัยเสี่ยง คือ ความผันผวนของตลาดหุ้นและตลาดเงินโลก ความขัดแย้งทางการเมืองในหลายประเทศการเพิ่มขึ้นของราคาโภคภัณฑ์กระทบต้นทุนผู้ประกอบการ

• กนง.ประชุมพุธที่ 8 ก.พ.นี้…คาดคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ก่อน
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประชุมนัดแรกของปี 2560 วันที่ 8 ก.พ.นี้ เราคาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ก่อน เพื่อรอดูทิศทางเศรษฐกิจและผลกระทบจากภายนอก ทั้งนี้แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นในปีนี้ แต่อุปสงค์ในประเทศยังเติบโตน้อยเพราะภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง และการฟื้นตัวในช่วงเดือนธ.ค.-ต้นปี 60 มาจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งเมื่อหมดมาตรการก็จะชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มดีขึ้นจากตัวเลขส่งออกที่ฟื้นตัวและมีโอกาสเติบโตได้ 2-3% ในปีนี้ (จาก +0.45% ในปี59)

+ AOT (ราคาปิด 414 บาท) : ซื้อขายพาร์ 1 บาทตั้งแต่ 9 ก.พ.60 ... คาดสภาพคล่องซื้อขายคึกคักขึ้น
บริษัท AOT จะซื้อขายที่ราคาพาร์ใหม่ คือ 1 บาทตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.60 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าการซื้อขายหุ้นจะคึกคักขึ้นเมื่อราคาต่อหน่วยลดลง อย่างไรก็ตาม การลดพาร์จาก 10 บาทเป็น 1 บาทไม่ได้กระทบปัจจัยพื้นฐานและไม่กระทบ Wealth ของผู้ถือหุ้น สำหรับมุมมองของ DBSV ต่อ AOT ยังคงเป็นบวก โดยคาดการณ์ว่าผลประกอบการปี 60 (สิ้นสุดก.ย.60) จะเติบโตได้ 14.5% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เพิ่ม 4.5% เพราะปริมาณผู้โดยสารที่เติบโต 7-8% จากกำลังการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ภาคท่องเที่ยวยังเติบโตดี ทางททท.คาดว่ารายได้ภาคท่องเที่ยวปี 60 จะเติบโตได้ 10% เป็น 2.77 ล้านล้านบาท และบริษัทมีพื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นหลังขยายสนามบินดอนเมืองและภูเก็ตแล้วเสร็จ ส่วนในระยะยาวก็เติบโตจากโครงการลงทุนสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2แนะนำซื้อ AOT ราคาพื้นฐาน 45.50 บาท (พาร์ 1 บาท) หรือ 455 บาท (พาร์ 10 บาท)

• BA & SPF : ยืนยันสนามบินสมุยเปิดดำเนินการได้ตามปกติและมีกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ถูกต้องบมจ.การบินกรุงเทพ (BA) แจ้งว่าบริษัทในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์สนามบินสมุยยืนยันว่ามีกรรมสิทธิ์ในพื้นที่สร้างสนามบินสมุยถูกต้องตามกฎหมาย และขณะนี้สนามบินสมุยยังคงเปิดให้บริการแก่ผู้โดยสารตามปกติ และพร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการในการตรวจสอบและพร้อมปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ

ทั้งนี้ในปี 2542 บริษัทได้เช่าที่ดินราชพัสดุ จากกรมธนารักษ์ เพื่อใช้เป็นพื้นที่เขตความปลอดภัยตามพ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ.2497 เพิ่มเติมจากเขตความปลอดภัยเดิมที่มีอยู่ โดยที่ดินราชพัสดุที่เช่าไม่ได้อยู่หรือเกี่ยวข้องกับบริเวณที่ตั้งรันเวย์และเขตขอบทางวิ่ง รวมทั้งไม่มีแนวเขตติดกับที่ดินของบริษัท และมีลำคลองกั้นอยู่ โดยที่ตั้งห่างจากปลายรันเวย์ไปอีกกว่า 100 เมตร และไม่มีทางวิ่งหรือสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการบินส่วนกรณีที่ป.ป.ช. ชี้มูลว่ามีการออกโฉนดที่ดินบริเวณพรุบางรักษ์คลาดเคลื่อนนั้น บริษัทขอชี้แจงว่าบริษัทได้นำเอกสารสิทธิ น.ส.3 และน.ส.3 ก.ที่ซื้อมาจากเจ้าของที่ดินเดิม ไปขอออกเป็นโฉนดที่ดิน ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบราชการ

-/• EA (ราคาปิด 23.20 บาท) : เร่งหาพื้นที่ทำไฟฟ้าพลังงานลมใหม่หล้งที่ส.ป.ก.มีปัญหา
เนื่องจาก EA มีการทำสัญญาเช่าที่ดินส.ป.ก.เพื่อเตรียมพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในพื้นที่จ.ชัยภูมิ ขนาด 260MW (โครงการหนุมาน) แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความไม่แน่นอนว่าจะสามารถใช้ดำเนินโครงการได้หรือไม่ ทาง EA จึงต้องปรับแผนธุรกิจใหม่ โดยเร่งหากพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยที่สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมได้มากกว่า 260 MW ซึ่งแม้ว่าโครงการจะล่าช้ากว่าเดิมที่คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าได้ในราวกลางปี 61 และอาจต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม แต่บริษัทก็จะพยายามเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป สำหรับผลกระทบกรณีที่แย่ที่สุดถ้าไม่มีโครงการนี้ EBITDA (กำไรที่เป็นเงินสด) คาดว่าจะหายไปประมาณ 2.4-2.6พันล้านบาท/ปี (โดย EBITDA ปี 59 อยู่ที่ประมาณ 5.5 พันล้านบาท-ยังไม่รวมโครงการลม)

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!