- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 03 February 2017 16:22
- Hits: 34002
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Sideways
เมื่อวานดัชนีฯ ไม่สามารถฟื้นกลับไปปิดเขียวได้ ยังคงปิดลบ บางๆ แต่เริ่มยกจุดต่ำสุดสูงขึ้น (คงคาด
ไม่หลุดแนวรับ 1,563 จุด) วันนี้คาด Sideways ในกรอบ 1,565-1,580 จุด วันนี้รอดูงบ ADVANC ส่วน
วันจันทร์ INTUCH (กำไรที่ ดี/แย่ กว่าคาด จะมีผลต่อดัชนีฯ) ส่วนปัจจัยต่างประเทศ เมื่อวานหุ้นดอยช์
แบงก์ลงแรง หลังรายงานผลขาดทุน 4Q16 2 พันล้านยูโร จากรายจ่ายค่าปรับให้กับก.ยุติธรรมสหรัฐฯ
เพื่อยุติคดี MBS. จิตวิทยาลบตลาดหุ้นโลก แต่เชื่อกระทบจำกัดเพราะเป็นรายการพิเศษ
สัปดาห์นี้ ผันผวนเชิงลบแย่กว่าคาด หลุด 1,580 จุด ลงมา คาดสัปดาห์หน้ายังคงต้องลุ้น แนวรับหลัก
ของรอบ 1,563 จุด ถ้ายังรับไม่อยู่แนะกระชับพอร์ต รอสร้างฐานใหม่ค่อยเข้าเล่นรอบ (ให้น้ำหนัก65% เชื่อว่าไม่หลุด)
ระยะเดือน เดือน กพ. คาด (+/-) หุ้นรายตัว ผันผวนตามผลประกอบการและปันผล บจ.ไทย ที่ทยอย
ประกาศ (0/-) แถลงการณ์นโยบายของ ปธน.สหรัฐฯ ในเดือน กพ. (+) กรอบระยะเวลาการจัดตั้ง
Super Holding ของรัฐวิสาหกิจไทย คาดมีกระแสข่าวความคืบหน้าช่วงครึ่งหลังของเดือน กพ. (หุ้นใน
กลุ่ม PTT และ AOT, THAI, KTB, MCOT อาจได้จิตวิทยาบวกระยะสั้นจากข่าวนี้) กรอบ 1,550-1,620
จุด แนะเลือกลงทุน ไปที่หุ้นที่ ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง จากเงินปันผลปี 2016 (หักระหว่างกาล
แล้ว) สูงกว่า 4% ขึ้นไป เช่น GLOW IRPC KTB TCAP JASIF SC SIRI LPN (ดูรายงานกลยุทธ์หุ้นปันผลวันที่ 30 มค.17)
หุ้นแนะนำวันนี้ AMATA แนวรับ 15.1 บ. ต้าน 15.9/16 บ. Stop loss 15 บ. และหุ้นแนะตาม
ปัจจัยทางเทคนิค DIMET รูปแบบทะลุผ่านแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ครั้งแรก แนวรับ 3.56 บ.
ต้าน 3.84/4 บ. Stop loss 3.2 บ. SITHAI รูปแบบพักฐานหลังเบรก Down trend ลูกใหญ่ โดย
indicator สอดคล้องกัน รูปแบบ Convergence แนวรับ 2.08 บ. ต้าน 2.2/2.3 บ. Stop loss 2 บ.
รายงานวันนี้
(+) COM7 คาดกำไร 4Q16 ที่ 137 ล้าบบาท เพิ่มขึ้น 26% YoY และ 51%QoQ สร้างสถิติสูงสุดใหม่
อีกครั้ง ซึ่งเป็นไตรมาสที่จะรับรู้ยอดขาย iPhone7 เพียงบางส่วน และคาดแนวโน้มกำไร 1Q17 ยังมี
โอกาสเติบโตสูงกว่าคาด y-y จาก 1) รับรู้ยอดขาย MacBook ใหม่และ iPhone7 เต็มไตรมาส 2) มาร์จิ้
นจากการขาย iPhone ใหม่-ช่วงแรกๆจะให้มาร์จิ้นดีกว่าช่วงเวลาปกติ เราคาดกำไรปี 2017 เติบโต
40% ภายใต้สมมุติฐานยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ที่เติบโตราว 10-15% (ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม
ค้าปลีกที่ 2-3%) โดยบริษัทฯมีเป้าหมายขยายสาขาเชิงรุกอีก 50 สาขา ในปีนี้ และ Synergy ที่เกิด
จาก M&A และการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่ม TRUE คาดจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตอย่าง
ต่อเนื่อง เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 14.50 บาท (อิง PEG 1 เท่า จากอัตรา
กำไรเติบโตเฉลี่ย 29%/ปี ในช่วง 2016-18 CAGR)
(+) MAJOR / SF เรามีมุมมองเชิงบวกหลังจากการทำเสนอซื้อหลักทรัพย์เสร็จสิ้น โดย MAJOR
สามารถซื้อหุ้น SF และทำให้มีสัดส่วนการถือราว 25.19% ในปัจจุบัน คาดทั่ง 2 บริษัทจะมีการเติบโต
ไปด้วยกันอย่างต่อเนื่องในอนาคต และคาดมี Synergies อีกหลายประการที่ยังไม่สามารถประเมินเป็น
ตัวเงินได้ในปัจจุบัน สำหรับ MAJOR แม้ระยะสั้นราคาหุ้นอาจถูกกดดันจากกำไร 4Q16 ที่ชะลอตัว แต่
เรามองว่าในระยะยาวกำไรยังคงมี Upside หากเข้าไปซื้อหุ้นใน SF เพิ่ม (ได้ถึง 49% ตามที่ได้ทำคำ
เสนอซื้อไว้) และสำหรับ SF เรายังคงชอบจุดแข็งบริษัทคือกำไรแข็งแกร่งทุกไตรมาส กระแสเงินสด
มั่นคง และมี Potential Upside จากการพัฒนา Mega City Bangna ประกอบกับ Valuation ที่ไม่แพง
เทรดอยู่เพียง P/E 12 เท่า เราแนะนำ ซื้อ SF ที่ราคาเป้าหมาย 8 บาท และ MAJOR ที่ราคาเป้าหมาย 35 บาท
(+) TCAP เรายังคงมีมุมมองเชิงบวก โดยคาดประมาณการกำไรปี 2017 ที่เราประเมินที่ 6.5 พันล้าน
บาท มีโอกาสปรับขึ้นได้จาก การตั้งสำรองฯที่มีแนวโน้มน้อยกว่าคาด เพราะคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น
ซึ่งธนาคารมี coverage ratio สูงถึง 146% สูงกว่าเป้าหมายที่ 130% เราจึงมองว่าการตั้งสำรองในปีนี้
มีโอกาสลดลงได้ เราชอบธนาคารในมุมที่ปันผลสูง โดยคาด 4.4% และ 4.7% ในปี 2017-18 และ
กำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 55 บาท
(0) WORK เราประเมินขาดทุนสุทธิ 4Q16 ที่ 109 ล้านบาทพลิกเป็นขาดทุน YoY และ QoQ จาก
ผลกระทบของช่วงไว้อาลัย และการจ่ายเงินปันผลปกติในไตรมาส 4 อย่างไรก็ตามจากเม็ดเงินโฆษณา
และเรตติ้งในเดือน ธ.ค. ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาดีกว่าที่เราคาด เรามีการปรับประมาณการรายได้ดิจิตอลทีวี
ของ WORK ขึ้น 6% และปรับกำไรขึ้น 19% มาอยู่ที่ 400 ล้านบาท สะท้อนการฟื้นตัวของเม็ดเงิน
โฆษณาและเรตติ้งที่ปรับตัวได้ดี เรามีการปรับราคาเป้าหมายขึ้นมาที่ 50.50 บาท (จาก 44 บาท) แต่
อย่างไรก็ตามราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นมากว่า 20% เรามองว่าได้สะท้อนปัจจัยบวก
ดังกล่าวข้างต้นไปแล้ว เรายังคงคำแนะนำ ถือ
(+) AOT เราคาดกำไรสุทธิ 1Q17 (ต.ค.-ธ.ค. 2016) ที่ 4.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY และ 17%
QoQ ซึ่งหลักๆมาจากการรับรู้รายการค่าใช้จ่ายพิเศษ (เช่น FX loss) แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ
ดังกล่าว คาดกำไรหลักที่ 4.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY และ 9% QoQ หนุนโดย 1) จำนวน
ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น, 2) อัตราการสัญจรของเครื่องบินมากขึ้น, 3) รายได้จากส่วนอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น ค่าเช่า
, ค่าบริการ) และ 4) ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่กลับมาอยู่ในระดับปกติ (ก่อนหน้านี้มีค่าซ่อมบำรุง
ปรับปรุง) เราคาดกำไรจะเติบโตได้ดีต่อเนื่อง QoQ ในช่วงการดำเนินงานงวด ม.ค.-มี.ค. หนุนโดยการ
ฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยหนุนการ
เพิ่มสภาพคล่องจากการแตกพาร์ที่คาดจะกิดในช่วง กลาง ก.พ. คาดจะช่วยหนุน sentiment ราคาหุ้น
ได้ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 490 บาท
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(-) SCB KBANK เบรกเงินกู้พลังงานทดแทน หลังศาลสั่งเทพสถิตเลิกสัญญาเช่าที่ สปก.ด้าน กกพ.
ขอหารือ สปก. ด้าน สปก.ตรวจเพิ่ม 19 บริษัทฯเอกชน คาดรู้ผลสัปดาห์หน้า (ที่มา มติชน ข่าวหุ้น)
(-) EA ชี้แจง ถือหุ้นเทพสถิต แต่ยังไม่ได้เริ่มโครงการ (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
(+) SME Development bank อัดฉีดเพิ่มอีก 7 พันล้านบาท หลังกระแสตอบรับดี สินเชื่อ แฟคเต
อริ่ง สำหรับผู้ประกอบการ ผลตอบรับดี เพียง 4 เดือน ยอดใช้บริการรวม 1,591 ล้านบาท (ที่มา
โลกวันนี้) / คาดข่าวนี้เป็นบวกหุ้นที่มีสินเชื่อหมุนเวียน แฟคเตอริ่ง ระยะสั้น คาดจะเข้ามามีบทบาท
เพิ่มทดแทนตลาดตั๋ว BE ที่ชะลอลง (+กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ACAP SGF ฯลฯ)
(+) XD 7 กพ. [email protected] บ. 2 มีค. [email protected] บ. / 3 มีค. [email protected] [email protected]
[email protected] และ Stock dividend 2.7:1 และแจกวอร์แรนต์ 3:1 @ 0 บ. ขึ้น WX วันที่ 16
มีค. / 4 เมย. [email protected] บ. (ที่มา ตลท.)
(-) AAV รับต้นทุนน้ำมันเพิ่ม หลัง ครม.เพิ่มเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เครื่องบินในประเทศจาก 1%
เป็น 23% ทำให้สายการบิน AAV ต้องมีภาระต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นมา 1.5 พันล้านบาท / ความเห็น
สายการบินได้เพิ่มภาษีน้ำมันเข้าไปในค่าตั๋วโดยสาย 150 บาท/คน/เที่ยว ซึ่ง AAV กังวลจะมีผลต่อ
จำนวนผู้โดยสาร แต่ในข้อมูลอดีตบ่งชี้ว่า การปรับขึ้นค่าโดยสารเพื่อสะท้อนต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
ไม่ได้กระทบต่อจำนวนผู้โดยสารอย่างมีนัยสำคัญ (ที่มา ASPEN อินโฟเควส/ BLS research)
ปัจจัยที่มีผล
(0) ผลเฟด 30 มค. - 1 กพ. คงดอกเบี้ย ตามคาด 0.5-0.75% และย้ำชัดเจนว่าเงินเฟ้อจะขึ้นจากเดิม
ส่งสัญญาณแค่มีแนวโน้มขึ้น แต่ที่น่าสังเกตรอบนี้ไม่มีเป้าหมายนโยบายการเงินระยะยาว “Statement
on Longer-Run Goals and Monetary Policy Strategy” เหมือนทุกต้นปีที่เคยออก การประชุมรอบนี้
จึงไม่มีนัยยะ บวก/ลบ ต่อตลาด และต้องรอดู เป้าหมายนโยบายระยะยาว อีกครั้งใน Congressional
testimony 14-15 กพ. และ FOMC Minute ในวันที่ 22 กพ. นี้
(+) US ISM มค. +56 ดีเกินคาด ที่ 55
(+) ธนาคารกลางอังกฤษ คาด คงดอกเบี้ย 0.25%/ QE 4.35 แสนล้านปอนด์ และส่งสัญญาณไม่
เร่งขึ้นดอกเบี้ย (ที่มา Bloomberg)
(0) ศุกร์ US การจ้างงานนอกภาคเกษตร มค. คาด 1.68 แสนรายจาก 1.56 แสนราย, US อัตรา
ว่างงาน มค.คาด +4.7% คงที่, สเปน และอิตาลี PMI ส่วน EU PMI composite คาด 54.3, BOJ
minutes, (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค