- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 03 February 2017 16:07
- Hits: 31851
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? คาดการเคลื่อนไหวยังมีความผันผวน ภายใต้น้ำหนักจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะความกังวลต่อนโยบายของปธน.สหรัฐฯ ที่แข็งกร้าว ที่อาจส่งผลกระทบต่อต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้เกิดการชะลอลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ทั้ง (1) การสกัดกั้นผู้ลี้ภัย และห้ามพลเมือง 7 ประเทศมุสลิม เข้าสหรัฐฯ (2) นโยบายการกีดกันทางการค้า และ (3) การส่งสัญญาณว่าเงินสกุลหลักๆ เช่น เยน ยูโร และหยวน ที่อ่อนค่าลงเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า อย่างไรก็ตามในประเด็นนี้แนะติดตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง จากเงินสกุลดังกล่าวข้างต้นแข็งค่าขึ้น
ขณะที่ยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อนโยบายของ ปธน.สหรัฐฯ โดยเฉพาะเน้นการเติบโตในประเทศ แม้ยังไม่มีรายละเอียดออกมาชัดเจน แต่จากการส่งสัญญาณก่อนหน้า ที่จะกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนของภาครัฐ รวมถึงการจูงใจให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน ผ่านการปฏิรูปภาษี ทำให้คาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งคาดสอดคล้องกับมุมมองของเฟด
ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังได้รับ Sentiment ที่เป็นลบ จากความผันผวนของ Fund Flow อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมัน ภายใต้แผนการปรับลดปริมาณผลิตลง เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา ขณะที่ราคาน้ำมันล่าสุดยังสูงกว่าระดับเฉลี่ย 41 – 42USD เมื่อปี’59 คาดภาพรวมยังส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
พร้อมแนะติดตาม (1) ระยะสั้นต่อประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ B/E โดยเฉพาะ บจ. ขนาดเล็ก ที่อาจกระทบความเชื่อมั่น และภาวะการเงินตึงตัว เป็นต้น (2) อยู่ในช่วงทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี’59 คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงก.พ.’60 รวมถึงเงินปันผล และ (3) ประชุม กนง. ในวันที่ 8/2/60
อย่างไรก็ตามยังมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี’60 ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า
SET SET50 SET100
1,572.67 -3.65 982.41 -2.30 2,218.27 -6.79
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -6.03, NASDAQ -6.45, S&P +1.30, FTSE +33.10, CAC -0.29 และ DAX -31.55
ภายใต้ความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างปธน.สหรัฐฯ และผู้นำคนอื่นๆ ของโลก รวมถึง (1) สหรัฐฯ ขู่ว่าจะส่งทหารเข้าไปปราบปรามอาชญากรในเม็กซิโก (2) สหรัฐฯ อาจจะเปิดฉากการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ หลังเตือนอิหร่านเกี่ยวกับการทดสอบขีปนาวุธ และ (3) สหรัฐฯ ระบุว่า ญี่ปุ่นจงใจทำให้เยนอ่อนค่าลงเพื่อกระตุ้นการส่งออกของประเทศ เป็นต้น
แม้สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ล่าสุด ลดลง 14,000 ราย อยู่ที่ 246,000 ราย ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 250,000 ราย ขณะที่อยู่ระหว่างรอเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร - ม.ค. (ในวันนี้) โดยคาดเพิ่มขึ้น 165,000 - 170,000 ตำแหน่ง และคาดอัตราว่างงาน อยู่ในระดับต่ำกว่า 5%
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป (-) หลังดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนี เปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิ – 4Q/59 กว่า 2 พันล้านUSD จากการปิดคดีความทางกฎหมาย ขณะที่ (+) เงินปอนด์อ่อนค่าลง หลัง BOE มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและวงเงินซื้อพันธบัตร ในการประชุมวานนี้
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. -US$0.34 อยู่ที่US$53.54ต่อบาร์เรล ภายใต้ปัจจัยเดิม หลัง EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุดเพิ่มขึ้น 6.5 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยบวกจากการปรับลดการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ล่าสุดรัสเซียได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 100,000 บาร์เรล/วัน และกลุ่มโอเปก ได้ลดลงกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนที่ผ่านมา
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
19.09 2.01 2.95
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 51,107.03
สถาบัน -1,626.40
บัญชีหลักทรัพย์ 391.97
ต่างประเทศ 45.16
ในประเทศ 1,189.27
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$11.1 อยู่ที่ US$1,219.4ต่อออนซ์ ภายใต้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างปธน.สหรัฐฯ และผู้นำคนอื่นๆ ของโลก ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
(0) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +45 ล้านบาท สะสม YTD +4,365 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 3 ก.พ. 2560
3/2/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.
ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนธ.ค.
ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนม.ค.
และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านบาทเมื่อปี’59
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 2.47% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.12 อยู่ที่ 11.93
หุ้นแนะนำ : UNIQ
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788