- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 03 February 2017 15:36
- Hits: 1522
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ยังคงแกว่งในกรอบแคบ 1,575-1,585 จุด THCOM รายงานงบออกมาอย่างผิดหวัง สร้างแรงกดดันต่อกลุ่ม ICT ภายใต้บรรยากาศรอบเอเชียที่ไม่สดใส แรงเก็งกำไรเกิดขึ้นเป็นรายตัวเท่านั้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,572.67 จุด ลบ 3.65 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51,107 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 45 ล้านบาท แต่คง Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 6 อีก 5,548 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 เท่ากับ 5,731 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ติดตามการประกาศงบ ADVANC วันนี้
- ติดตามภาวะการจ้างงานของสหรัฐฯ คืนนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
- ติดตามตัวเลขการส่งออก - นำเข้าของจีน
- ติดตามการประชุม กนง.วันที่ 8 ก.พ.
- การลงนามสัญญาจ้างรถไฟฟ้าสายสีส้มวันที่ 8 ก.พ.
- ติดตามการประกาศงบ LPN / GPSC/ BTS
- ติดตามการประกาศ MSCI รอบไตรมาส เช้าวันที่ 10 ก.พ.
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 6)
ภาวะการลงทุนในวันสุดท้ายของสัปดาห์ เราคาดว่าจะแกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,570-1,580 จุด โดยยังคงให้น้ำหนักกับการเกิด Technical Rebound เล็กน้อย หุ้นหลักยังคงอยู่ในโหมดของการพักฐาน เพราะกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไม่ชัดเจน อีกทั้ง Short สุทธิใน SET50 Index Futures ต่อเนื่อง ย่อมกดดันจิตวิทยาการลงทุนในหุ้น Big Cap แต่ Downside risk ของหุ้นหลักก็เป็นไปอย่างจำกัด จากผลการดำเนินงานและปันผลเป็นตัวแปรหลัก
สำหรับปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับการทยอยประกาศผลการดำเนินงานของบจ.ต่อเนื่อง รวมถึงการประชุมกนง. เราเชื่อว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 1.50% เช่นเดิม แต่ความเห็นของกนง.ต่อเศรษฐกิจภายในประเทศจะเป็นบวกมากขึ้น ภายใต้ความเสี่ยงของปัจจัยต่างประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะนโยบายทางการค้าและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้กนง.ประวิงเวลาในการปรับนโยบายการเงิน
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ "เก็งกำไรหุ้นเป้าหมายเมื่อราคาย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อาย" เน้นประเด็นเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงาน 4Q59 หรือหุ้นปันผลงวดปี 2559 หรือ 2H59 เป็นทางเลือกในช่วงนี้
Daily Pick
1. เก็งกำไร UNIQ : ราคาปิด 19.70 บาท ราคาเหมาะสม 22.50 บาท
a) สัปดาห์หน้า รฟม.จะมีการลงนามเซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้มวันที่ 8 ก.พ. โดย UNIQ ได้งาน 2 สัญญา รวมมูลค่า 1.37 หมื่นล้านบาท เป็นการต่อยอด Backlog จาก ณ สิ้นปี 2559 ที่ 2.0 หมื่นล้านบาท
b) เดือนมี.ค.คาดว่าจะประกาศผลการประมูลงานรถไฟรางคู่ 5 เส้นทาง มูลค่างาน 9.7 หมื่นล้านบาท ซึ่ง UNIQ คาดหวังไว้ 1 เส้นทางเป็นอย่างน้อย
c) ขณะที่กำไรสุทธิ 4Q59 คาดว่าจะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 270 ล้านบาท เติบโต +18% yoy และ +1% qoq จากการรับรู้รายได้รถไฟฟ้าสายสีแดง
d) ทิศทางผลประกอบการปี 2560 คาดเติบโต +18.8% yoy เป็น 970 ล้านบาท และมี Valuation ที่น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ระดับ PER2560 ที่ 21.89x ต่ำกว่า STEC ที่ 27.15x และ CK ที่ 26.39x
2. สะสม LH : ราคาปิด 9.75 บาท ราคาเหมาะสม 11.00 บาท
a) แม้ว่าผลการดำเนินงานใน 4Q59 ของ LH จะไม่เด่น คาดกำไรสุทธิเท่ากับ 1,486 ล้านบาท ลดลง 25% qoq และ 56% yoy ก็ตาม
b) แต่เงินปันผลสำหรับงวด 2H59 คาดจ่าย 0.26 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 2.7% อย่างไรก็ตาม เราประเมินถึงโอกาสที่ LH จะจ่ายปันผลงวดนี้มากกว่าคาดได้ เพราะปกติ LH จะจ่ายปันผลงวด 2H มากกว่า 1H
c) ขณะที่เงินปันผลงวดปี 2560 เราคาด 0.64 บาท หรือคิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 6.56% ยังไม่รวมกำไรพิเศษจากการขาย รร.แกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยท์ ราชดำริ เข้ากองทุน REIT ใน 1H60 ทำให้โอกาสที่ LH จะจ่ายปันผลมากกว่าที่คาดในปีนี้ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ US$63 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$36 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติ Short สุทธิใน SET50 Index Futures ต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 45 ล้านบาท จาก 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 3,326 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4,365 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ short สุทธิเป็นวันที่ 6 อีก 5,548 สัญญา รวม 6 วันทำการ Short สุทธิ 31,177 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง และทำให้ยอดสุทธิ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 28,210 สัญญา เมื่อ S50H17 กลับมาปิดต่ำกว่า SET50 Index อีกครั้ง 2.81 จุด จากวันก่อนหน้าปิด Premium 0.49 จุด
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 เท่ากับ 5,731 ล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิ 21,957 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลง 2.08bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 3.78bps ปิดที่ 2.784%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 521 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 701 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 61 หลักทรัพย์ เท่ากับวันก่อนหน้า
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เน้นสะสมกลุ่มธนาคาร
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 715 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 1,137 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 2,539 ล้านบาท โดย NVDR ยังคงเน้นสะสมกลุ่มธนาคารเด่น 801 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี 112 ล้านบาท แต่ลดน้ำหนักกลุ่ม ICT 252 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร 202 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
นโยบายของประธานาธิบดี Trump
ประธานาธิบดี Trump ขอพิจารณาข้อตกลงกับออสเตรเลียในการรับผู้อพยพมากกว่า 1,000 คน เข้าประเทศ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่อดีตประธานาธิบดีโอบามาทำไว้กับออสเตรเลย ซึ่งผู้อพยพกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลางและเอเชียใต้
วุฒิสภาอนุมัติผ่านข้อเสนอที่สภาล่างเสนอเกี่ยวกับกฎการห้ามปล่อยไอน้ำ (Stream Protection Rule) ซึ่งเป็นหนึ่งในการเดินหน้าของพรรค Republican ที่ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์เดิมจากอดีตประธานาธิบดี โอบามา ที่จำกัดจำนวนบริษัทที่จะปล่อยไอน้ำที่มาจากขอเสียของเหมืองแร่ ซึ่งหลักๆ คือเหมืองถ่านหินที่ถูกห้ามปล่อยไอน้ำในระยะ 6,000 ไมล์ และพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ภายใน 20 ปีข้างหน้า
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
ยอดขอสวัสดิการว่างงานเท่ากับ 2.46 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 2.53 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.60 แสนตำแหน่ง
ยุโรป
ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส
นาง Le Pen ตัวแทนจากพรรคขวาจัด เสนอแผนจัดเก็บภาษีคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานในฝรั่งเศส เพื่อเปิดโอกาสการจ้างงานให้กับคนในชาติเป็นลำดับแรก และภาษีที่จัดเก็บได้จะเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้ไม่มีงานทำ
นาย Fillon ถูกแรงกดดันจากสส.ในฝั่งเดียวกันให้ถอนตัวลงในการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งตอนนี้พรรค Republicans อยู่ระหว่างการหาผู้สมัครแทนนาย Fillon ที่มีประเด็นอื้อฉาวและอาจพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งให้กับ Le Pen
BoE ปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ขึ้น แต่ยังไม่ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย: BoE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% และวงเงิน QE เท่า GBP4.45 แสนล้าน พร้อมปรับประมาณการ GDP ปีนี้ขึ้นเป็น 2.0% จากก่อนหน้าคาด 1.4% แต่คงเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2.7% ปีนี้ และจะลดลงเล็กน้อยเป็น 2.6% และ 2.4% ปี 2561-2562 สำหรับโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น BoE ประเมินจากหลายๆ กรณีด้วยกัน แต่การปรับประมาณการเศรษฐกิจขึ้นไม่ได้หมายความว่า Brexit จะไม่มีผลกระทบที่ตามมา
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ญี่ปุ่นเตรียมซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น: นายกฯ ญี่ปุ่น อยู่ระหว่างการพิจารณานำเข้าพลังงานจากสหรัฐฯ มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง LNG รวมถึงเตรียมเสนอให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นเข้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและโครงการสร้างการจ้างงานในสหรัฐฯ ซึ่งนายกฯ ญี่ปุ่นจะพบประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 10 ก.พ. นี้
อินเดียเตรียมเปิดประมูลเหมืองถ่านหินเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปี: รัฐบาลอินเดียเตรียมเปิดให้เอกชนเข้าประมูลการทำเหมือง รวมถึงเหมืองถ่านหิน โดยจะเปิดให้รัฐวิสาหกิจและเอกชนเข้าประมูลเหมืองถ่านหินเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. และผู้ชนะสามารถขายถ่านหินได้ตามอิสระ จากปัจจุบันผู้ผลิตถ่านหินจะต้องขายให้แก่รัฐวิสาหกิจ
ไทย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวต่อเนื่อง: มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 74.5 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือน ธ.ค.2559 ที่อยู่ในระดับ 73.7 ถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือน ที่ 2 ติดต่อกันจากเดือน ธ.ค.ปีก่อน โดยปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ดัชนี ความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้น เกิดจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ในช่วงปลายปี 2559 ประกอบกับการส่งออก และราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst