- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 31 January 2017 18:07
- Hits: 1698
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : รอผลประชุม FOMC
Stock of the town : SUSCO CM
หุ้นแนะนำพิเศษ : WICE
หุ้นมีข่าว : SCN DTAC LPN
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบด้วย Volume ซื้อ/ขายไม่มากนักเนื่องจากนลท.ชะลอการเข้าซื้อเพื่อรอผลการประชุม FOMC ในวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ.ว่าจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,590.56 จุด (-0.24 จุด) Vol. 4.1 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +11 ลบ. , TFEX Net -1,667 สัญญา
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
- ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวลงแรงหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งระงับการเข้าสหรัฐของพลเมือง 7 ชาติมุสลิม ซึ่งกดดันต่อหุ้นกลุ่มสายการบินรวมถึงอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
- ราคาน้ำมันปรับตัวลงล่าสุด 52.6 US/Barrel จากความกังวลอุปทานน้ำมันในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
+/- 31 ม.ค. – 1 ก.พ. การประชุม FOMC (คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.75%) แต่ต้องติดตามว่าจะกล่าวถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
+/- ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติชะลอตัว. แต่แนวโน้มค่าเงินบาทยังทรงตัวที่ราว 35.2 BATH/USD.
+ สศค.เผยเศรษฐกิจ ธ.ค.59 รับผลดีส่งออกโตพุ่ง, ประเมิน GDP ทั้งปีโต 3.2% ใช้จ่ายรัฐหนุน บริโภคเอกชนฟื้น
+สนพ.ยืนยันว่ากลุ่มสหกรณ์การเกษตรสามารถเข้าประมูลโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ ระยะที่ 2 จำนวน 119 Mw ได้โดยไม่ผิดเงื่อนไขการจัดตั้งสหกรณ์
** ตลาดหุ้นฮ่องกง จีน ไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ (31 ม.ค.) เทศกาลตรุษจีน
** DTAC ปี 59 กำไร 2.09 พันลบ. เทียบกับปี 58 กำไร 5.89 พันลบ.
Sentiment เชิงลบจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้น DJ , ราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง รวมถึง Fund Flow ที่ชะลอตัวเพื่อรอผลการประชุม FOMC ในวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ. เป็นแรงกดดันภาวะตลาด อย่างไรก็ตามคาดว่าแรงซื้อดักงบและเงินปันผลปี 2559 จะช่วยพยุงดัชนีในช่วงอ่อนตัวได้ ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,580 - 1,600 จุด
กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- STA TRUBB ราคายางพาราพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีล่าสุด 350 Yen/Kg
- IVL ราคาฝ้ายพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ล่าสุด 74.2 US/Tons
- กลุ่มพลังงาน อานิสงส์ราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูงและคาดว่างบ Q4/59 รวมถึงงบปี 59 จะมีกำไรเติบโตขึ้น
- กลุ่มที่คาดว่ากำไรปี 2559 เติบโต PTT IRPC PTTGC TOP BANPU WICE SYNEX ANAN ORI FSMART BCH BIG SMT KCE BEAUTY BJC
หุ้นแนะนำพิเศษ
WICE ราคาปิด 3.80 ราคาพื้นฐาน 4.45 บาท
คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 2559 ของ WICE จะอยู่ที่ 87.4 ลบ. (+44.2% YoY) เนื่องจากการควบรวม SEL (Sun Express Logistics) สิงคโปร์ เข้ามาตั้งแต่ Q3/59 และการเข้าบริหารคลังสินค้าให้ผู้ส่งออกกระจกรายใหญ่ 8,000 ตารางเมตรตั้งแต่พ.ค. 59
ปี 2560 คาดกำไรสุทธิจะก้าวกระโดดขึ้นเป็น 145 ลบ. (+66% YoY) ขับเคลื่อนจากการรับรู้รายได้และกำไรของ SEL เต็มปี รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจ Transportation ขยายฟีดรถหัวลาก-หางพ่วง และ Warehouse เนื้อที่ 1.3 หมื่นตรม. ที่แหลมฉบัง
ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการ (M&A) และร่วมลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาอยู่ 2-3 รายในภูมิภาคเอเชียแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
หุ้นมีข่าว
ประเด็นบวก SCN (ราคาปิด 9.65 ราคาเหมาะสม 9.90) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ที่มีศักยภาพการเติบโตอีกมาก โดยปัจจุบันมีสถานีบริการ 10 แห่ง แบ่งเป็นที่เปิดให้บริการแล้ว 7 แห่ง และที่อยู่ระหว่างรอสัญญาในการซื้อขายก๊าซ NGV จาก ปตท. อีก 3 แห่ง ได้แก่ ที่จังหวัดปราจีนบุรี ขอนแก่นและชลบุรี ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ทั้งหมด
DTAC (ราคาปิด 41.50 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 36.00) และบ.ย่อยปี 59 กำไร 2.09 พันลบ. หดตัวลง 65%YoY พร้อมงดจ่ายเงินปันผลงวด H2/59 อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้ารายได้-EBITDA ในปี 60 ระดับเดียวกับปีก่อน
LPN (ราคาปิด 12.70 ขาย ราคาเหมาะสม 9.50 บาท) แถลงประมาณการยอดขายปี 59 ราว 8,500 ล้านบาท และประมาณการรายได้ 1.3 หมื่นลบ. ปี 60 ประมาณการยอดขาย presale 2 หมื่นลบ. และประมาณการรายได้ 1 หมื่นลบ. ประมาณรายได้ที่ลดลงในปี 60 ถือเป็นแนวโน้มรายได้ที่ลดลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันตั้งแต่ปี 58 ทั้งนี้ ปี 60 มีแผนเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการมูลค่ารวม 2 หมื่นลบ. โดยขยายฐานลูกค้ามาที่กลุ่มระดับกลาง-บนมากขึ้นจากการเปิดโครงการใหม่รองรับกลุ่มดังกล่าว 7 โครงการ มูลค่า 1.6 หมื่นลบ. นอกจากนี้ยังมีการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทย่อยในการมีพันธมิตรและรับงานภายนอกบริษัทมากขึ้นเพื่อช่วยสร้างรายได้อีกทาง
ความเห็น : ประมาณการรายได้ของผู้บริหารต่ำกว่าประมาณการรายได้ของฝ่ายวิจัยที่ราว 1.5 หมื่นลบ.สำหรับปี 59 และราว 1.3 หมื่นลบ.สำหรับปี 60 ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปี 59 ราว 2,350 ลบ. -3% คาดกำไรปี 60 ราว 1,351 ลบ. - 43% ซึ่งฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการรายได้จากการโอนโครงการให้ใกล้เคียงกับประมาณการของผู้บริหารโดยมีความเห็นในส่วนของรายได้จากการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทย่อยว่ามาช่วยเสริมรายได้ส่วนหนึ่งไม่ให้รายได้หดตัวมากแต่ไม่น่าจะมากพอจนสามารถพลิกกลับให้ผลประกอบการปีนี้เติบโตได้
ประเด็นลบกลุ่มธนาคาร - ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ทั้ง BBL KBANK และ KTB ต่างมีเอ็นพีแอลเพิ่มในสิ้นปี 59 เผย BBL เพิ่ม 22.4% ส่วน KBANK 31.5% และ KTB 19.3% ดันทั้งกลุ่มพุ่ง 9.8% หรือกว่า 3.67 แสนล้านบาท หวั่นปีนี้อาจต้องตั้งสำรองหนี้สูญฯ เพิ่ม หากหนี้เสียยังไม่หยุดวิ่ง ขณะที่แบงก์ขนาดกลางทั้ง TMB-TCAP–TISCO และ KKP มีหนี้เสียปรับลดลง (ที่มา ข่าวหุ้น)
ความเห็น : NPL ที่ยังอยู่ในระดับสูงจากลูกค้ากลุ่ม SME และรายย่อยทำให้คชจ.สำรองหนี้สูญในปีนี้ยังอยู่ในระดับสูงสำหรับ BBL KBANK และ KTB เพือรักษาระดับ Coverage Ratio ให้ใกล้เคียงกับกลุ่ม สำหรับ TMB มีการขาย NPL และ write off ส่วน TCAP TISCO และ KKP มีลูกค้าหลักอยู่ในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อซึ่งสถานการณ์ NPL ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วจึงมี NPL ลดลง เราให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคารเป็น Neutral เลือก SCB เป็น Top pick
BPP (ราคาปิด 24.60 Bloomberg Consensus 27.50) เข้าลงทุนโรงไฟฟ้าโซลาร์ญี่ปุ่นอีก 2 โครงการรวม 28.9 MW คาด COD ในปี 61
ITD (ราคาปิด 5.05 Bloomberg Consensus 5.74) ได้งานตกแต่งภายในสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ มูลค่า 1.2 พันลบ.
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : -122.65 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,971.13 จุด ร่วงลง 122.65 จุด หรือ -0.61% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,613.71 จุด ลดลง 47.07 จุด หรือ -0.83% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,280.90 จุด ลดลง 13.79 จุด หรือ -0.60% โดยหุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงหนักสุด หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อระงับการเข้าสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ตลาดน้ำมัน NYMEX : -0.54 USD/Barrel
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 54 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 52.63 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐ และอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในประเทศอื่นๆในการลดการผลิตเพื่อกระตุ้นราคาให้ดีดตัวขึ้น