WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRINIบล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 

 

Today Selection   >>   BIG, STA, THCOM

 

Stock          S              R             Comment

BIG           5.05           5.45           คาดผลประกอบการ สุด Peak

STA          27.00          30.00           ราคายางโลก New High

THCOM        20.70          21.30           ดึง CAT ร่วมลงทุนดาวเทียม หวังช่วยแก้ปัญหาสัญญาสัมปทาน

 

Here comes the time for dividend stocks

          Dividend play : วันนี้เราออกบทวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ประเมินว่าเดือนกุมภาพันธ์จะเป็นช่วงเวลาที่ดีของหุ้นปันผล อ้างอิงจากสถิติที่เกิดขึ้นในอดีต โดยได้ทำการคัดเลือกหุ้นในดัชนี SETHD จำนวนทั้งสิ้น 30 บริษัท ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกต่างๆ อาทิ เป็นหุ้นที่ยังมี Upside ในเชิงพื้นฐาน และเป็นหุ้นที่มักให้ผลตอบแทนที่ดีในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ด้วยความมั่นใจในระดับสูง

          จากผลการศึกษาพบว่ามี 2 บริษัทที่น่าสนใจและผ่านเกณฑ์การคัดเลือกทุกเกณฑ์ได้แก่ AP และ TISCO ซึ่งราคาหุ้นทั้ง 2 บริษัทยังคงมี Upside จากราคาเป้าหมายของเราที่ 9.20 และ 70 บาทตามลำดับ แนะนำเป็นหุ้น Top pick ประจำเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ สำหรับหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ส่วนใหญ่และมีความน่าสนใจรองลงมา ได้แก่ AMATA, HANA, KTB, QH, SCC, SIRI, TCAP ทั้งนี้ หุ้นที่ไม่ได้อยู่ในดัชนี SETHD แต่มีความน่าสนใจในการเข้าลงทุนด้วยก็คือ SC และสำหรับผู้ที่ต้องการหุ้นปันผลสำหรับการลงทุนในเดือนมีนาคมถัดไป มองว่า ADVANC และ INTUCH ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด

          อย่างไรก็ดีประเมินว่าการปรับตัว Outperform ของหุ้นปันผลนี้จะเป็นเพียงปรากฏการณ์ระยะสั้น เนื่องจากยังคงคาดการณ์ว่าในปีนี้หุ้นเติบโต (Growth) จะเป็นกลุ่มที่ปรับตัว Outperform หุ้นปันผล (Yield) จากแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ความน่าสนใจของหุ้นปันผลลดลงโดยเปรียบเทียบนั่นเอง

          STA : เราเริ่มต้นดูแลด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 33.30 บาท มอง STA เป็นผู้ประกอบการยางธรรมชาติที่ครบวงจรเนื่องจากครอบคลุมธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ทางด้านสถานการณ์ราคายางในตลาดโลกยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยคาดว่าภาวะขาดดุลของยางจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึงปี 2561 และมีปัจจัยหนุนช่วงสั้นจากอุปทานที่เข้าสู่ตลาดลดลงจากสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ นอกจากนี้บริษัทยังได้รับประโยชน์จากแนวโน้มเงินบาทที่อ่อนค่าด้วยเช่นกัน 

          กลยุทธ์การลงทุน : คาดตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวผันผวนสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ เนื่องจากจะมีการประชุมของ BoJ cละ Fed ตามด้วยการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญต่างๆ ยังคงมองว่าด้วย Valuation ของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันที่ไม่อยู่ในระดับที่ถูกแล้ว การชะลอการลงทุนในภาพรวมยังคงเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุด โดยหากจะเลือกลงทุน มองกลุ่มหุ้นปันผล (AP, TISCO) เป็นกลุ่มที่น่าสนใจที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์นี้

          แนวรับ  1,580 แนวต้าน 1,607

บทวิเคราะห์วันนี้

Investment Strategy: Here comes the time for dividend stocks

STA (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 33.30 บาท) ผู้ประกอบการยางธรรมชาติแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลก

Today's Event

PICO  XD 0.15 บาท

PICO-P1  XD 0.15 บาท

นักวิเคราะห์ : 

          ดุลเดช บิค, CFA, FRM, CAIA (ID: 29932)          E-mail: [email protected]

          ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)          E-mail: [email protected]

บล.ทรีนีตี้ : Investment Strategy 

 

Here comes the time for dividend stocks

          ในสภาวะที่ Valuation ของตลาดหุ้นไทยเริ่มอยู่ในระดับที่สูงแล้ว ทำให้เราประเมินว่าการเลือกหุ้นที่มีธีมการลงทุนสนับสนุนในแต่ละช่วงเวลาจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น โดยภาพการลงทุนหลักในปีนี้เรายังคงประเมินว่า หุ้นเติบโต (Growth) จะสามารถปรับตัว Outperform หุ้นปันผล (Yield) เนื่องจากการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกจะทำให้ความน่าสนใจของหุ้นปันผลปรับตัวลดลงโดยเปรียบเทียบ หากบริษัทต่างๆไม่มีการปรับเพิ่มระดับการจ่ายปันผลขึ้น โดยหากนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หุ้นเติบโตให้ผลตอบแทนชนะหุ้นปันผลอย่างชัดเจน (Figure 1)

อย่างไรก็ดีเราค้นพบว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี มักเป็นช่วงเวลาที่ดีของหุ้นปันผล สาเหตุหลักมาจากการที่นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นกลุ่มดังกล่าวเพื่อรอรับเงินปันผลประจำปี เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จะประกาศจ่ายเงินปันผลและขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้านี้ การปรับตัวที่ดีนี้สามารถสะท้อนได้จากดัชนี SETHD (SET High Dividend 30 Index) ที่ในช่วง 5 ปีหลังสุดให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 3.2% ซึ่งถือเป็นเดือนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดและสูงกว่าเดือนที่ปรับตัวรองลงมาอย่างเดือนมกราคม ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 1.9% เท่านั้น (Figure 2)

          ดังนั้น หากจะมีช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งที่หุ้นปันผล (Yield) จะปรับตัว Outperform หุ้นเติบโต (Growth) เรามองว่าก็คงจะเป็นช่วงเวลา 1 เดือนข้างหน้านี้เป็นสำคัญ ในบทวิเคราะห์ฉบับนี้เราจึงมีจุดประสงค์ที่จะคัดเลือกหุ้นปันผลที่มีความน่าสนใจในการเข้าลงทุน โดยใช้เกณฑ์ในการคัดเลือกต่างๆดังต่อไปนี้

          1) เป็นหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETHD

          2) เป็นหุ้นที่ยังมี Upside จากราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus

          3) เป็นหุ้นที่ในเชิงสถิติมักให้ผลตอบแทนที่ดีและเป็นบวกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี

          4) เป็นหุ้นที่ในเชิงสถิติให้ค่า Sharpe Ratio สำหรับเดือนกุมภาพันธ์อยู่ในเกณฑ์ดี

          สำหรับรายชื่อสมาชิกของดัชนี SETHD ล่าสุดทั้ง 30 บริษัทแบ่งตามรายอุตสาหกรรมมีดังต่อไปนี้

          กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค: EGCO, GLOW, PTTGC

          กลุ่มธนาคารพาณิชย์: BBL, KKP, KTB, SCB, TCAP, TISCO, TMB

          กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร: SAMART, THCOM

          กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม: CPF, TU, TVO

          กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์: AMATA, AP, LPN, PSH, QH, SIRI, SPALI

          กลุ่มวัสดุก่อสร้าง: SCC, TASCO

          กลุ่มเงินทุนหลักทรัพย์: KTC, THANI

          กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์: DELTA, HANA

          กลุ่มบริการรับเหมาก่อสร้าง: STPI, TTCL

 

ขั้นตอนการคัดเลือกหุ้นแนะนำ

          ขั้นตอนที่ 1: เลือก Universe

          เราเลือกดัชนี SET High Dividend 30 Index (SETHD) เป็น Universe ของกลุ่มหุ้นที่จะคัดเลือก (Figure 3) เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าเป็นดัชนีที่เป็นตัวแทนของกลุ่มหุ้นปันผลได้ดีที่สุด สะท้อนจากระดับ Dividend yield คาดการณ์ล่าสุดประจำปี 2017 ที่ 4.2% สูงกว่า SET Index ที่ 3.1% โดยหุ้นในกลุ่มนี้มีคุณลักษณะจำเป็นคือ จะต้องเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี และมีอัตราการจ่ายปันผลต่อกำไรสุทธิไม่เกินร้อยละ 85 ในแต่ละปีดังกล่าว หลังจากได้ Universe แล้ว หุ้นที่น่าสนใจในสายตาของเราก็คือหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลคาดหวังในระดับสูงกว่าดัชนี SETHD นั่นเอง (Figure 4)

 

ขั้นตอนที่ 2: เลือกหุ้นที่ยังคงมี Upside เชิงพื้นฐาน

          ขั้นตอนถัดมา เราคัดเลือกเฉพาะหุ้นที่ราคาปัจจุบันยังคงต่ำกว่าราคาทางพื้นฐานที่อ้างอิงจาก Bloomberg consensus โดยต้องมี Upside อย่างน้อย 5% ขึ้นไป แสดงถึงจุดเด่นว่าหุ้นดังกล่าวเป็นทั้งหุ้นที่ให้เงินปันผลสูง และยังเป็นหุ้น Undervalued ที่มีโอกาสให้กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นด้วย

          โดยจากการตรวจสอบของเราล่าสุดพบว่ามีหุ้นในดัชนี SETHD ทั้งสิ้น 17 บริษัทที่ยังคงมี Upside มากกว่า 5% จากราคาปัจจุบัน (Figure 5)

 

ขั้นตอนที่ 3: เลือกหุ้นที่มักให้ผลตอบแทนที่ดีในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี

          ผลตอบแทนที่ดีในที่นี้เราพิจารณาทั้งในส่วนของอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย และความน่าจะเป็นที่หุ้นตัวนั้นจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกในเดือนกุมภาพันธ์ โดยเหตุผลที่เราเลือกพิจารณาเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์นั้นเป็นเพราะว่า จากสถิติในอดีตนักลงทุนมักให้ความสนใจกับหุ้นปันผลสูงในเดือนนี้เป็นพิเศษ สะท้อนจากผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของดัชนี SETHD ที่ 3.2% ถือเป็นเดือนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดอย่างชัดเจน (Figure 2)

          สำหรับหุ้นที่น่าสนใจในมิตินี้ เรามองว่าจะต้องเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนี SETHD ที่ 3.2% (Figure 6) นอกจากนั้นจะต้องเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกในเดือนนี้ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจำนวนครั้งที่เกิดขึ้นกับดัชนี SETHD ด้วยเช่นกัน (Figure 7)

 

ขั้นตอนที่ 4: เลือกหุ้นที่มีค่า Sharpe ratio ในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ในระดับสูง

          ในแบบจำลองการศึกษานี้ เราสมมติให้อัตราผลตอบแทน Risk free rate อยู่ที่ 0% ดังนั้นความหมายของ Sharpe ratio ณ ที่นี้จะคล้ายๆกับอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย (Average return) ของหุ้นตัวนั้นที่ขจัดด้วยหนึ่งหน่วยความเสี่ยง (Standard deviation) ยิ่งค่านี้มีค่าสูงมากเท่าไหร่ ก็หมายความว่าหุ้นตัวนั้นมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ในเกณฑ์ดี แถมยังมีความผันผวนของอัตราผลตอบแทนในอดีตที่ค่อนข้างต่ำอีกด้วย โดยจากการคำนวณของเราพบว่า ค่า Sharpe ratio ของดัชนี SETHD ในเดือนกุมภาพันธ์ช่วง 5 ปีหลังสุดอยู่ที่ 1.46 ดังนั้นหุ้นที่น่าสนใจในสายตาของเราก็คือหุ้นที่มีค่า Ratio ดังกล่าวสูงกว่า 1.46 นั่นเอง (Figure 8)

 

ผลการศึกษา

          จากผลการศึกษาข้างต้น เราพบหุ้นที่น่าสนใจอยู่ทั้งสิ้น 2 บริษัท ได้แก่ (เรียงตามลำดับตัวอักษร)

          AP: ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 9.2% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 7 ปีหลังสุด นอกจากนั้นระดับ Sharpe Ratio ที่ 2.39 ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 3 จากทั้งหมด 30 บริษัท ทั้งนี้ราคาหุ้นปัจจุบันยังคงมี Upside จากราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus ถึง 15%

          TISCO: ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 6.5% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 8 ปีหลังสุด นอกจากนั้นระดับ Sharpe Ratio ที่ 1.54 ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 5 จากทั้งหมด 30 บริษัท ทั้งนี้ราคาหุ้นปัจจุบันยังคงมี Upside ประมาณ 9% จากราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus

          

สำหรับหุ้นตัวอื่นที่มีความน่าสนใจรองลงมามีดังนี้ (เรียงตามลำดับตัวอักษร)

          AMATA: ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์สูงมากถึง 12.5% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 7 ปีหลังสุด นอกจากนั้นระดับ Sharpe Ratio ที่ 1.66 ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 4 จากทั้งหมด 30 บริษัท อย่างไรก็ดี สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นตัวนี้ไม่อยู่ในการคัดเลือกของเราก็คือ ระดับผลตอบแทนเงินปันผลคาดหวังที่อยู่ต่ำกว่าดัชนี SETHD และ Upside ที่ไม่เหลือแล้วจากราคาปัจจุบัน เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus

          HANA: ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 8.4% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 8 ปีหลังสุด อย่างไรก็ดี สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นตัวนี้ไม่อยู่ในการคัดเลือกของเราก็คือระดับ Sharpe Ratio ที่อยู่ต่ำกว่าดัชนี SETHD และ Upside ที่ไม่เหลือแล้วจากราคาปัจจุบัน เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus

          KTB: ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 6.9% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 9 ปีหลังสุด นอกจากนั้นราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside ประมาณ 6% จากราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus อย่างไรก็ดี สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นตัวนี้ไม่อยู่ในการคัดเลือกของเราก็คือระดับ Sharpe ratio ที่อยู่ต่ำกว่าดัชนี SETHD นั่นเอง

          QH: ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์สูงมากถึง 12.8% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 6 ปีหลังสุด นอกจากนั้นราคาหุ้นปัจจุบันยังคงมี Upside จากราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus ถึง 12% อย่างไรก็ดี สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นตัวนี้ไม่อยู่ในการคัดเลือกของเราก็คือระดับ Sharpe Ratio ที่อยู่ต่ำกว่าดัชนี SETHD นั่นเอง

          SCC: ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 4.3% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 5 ปีหลังสุด นอกจากนั้นระดับ Sharpe Ratio ที่ 2.77 ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 2 จากทั้งหมด 30 บริษัท และราคาหุ้นปัจจุบันยังคงมี Upside จากราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus ถึง 11% อย่างไรก็ดี สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นตัวนี้ไม่อยู่ในการคัดเลือกของเราก็คือระดับผลตอบแทนเงินปันผลคาดหวังที่อยู่ต่ำกว่าดัชนี SETHD นั่นเอง

          SIRI: ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์สูงมากถึง 12.8% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 15 ปีหลังสุด นอกจากนั้นระดับ Sharpe Ratio ที่ 2.86 ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 1 จากทั้งหมด 30 บริษัท อย่างไรก็ดี สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นตัวนี้ไม่อยู่ในการคัดเลือกของเราก็คือ Upside ที่ไม่เหลือแล้วจากราคาปัจจุบัน เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus นั่นเอง

          TCAP: ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 7.0% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 5 ปีหลังสุด อย่างไรก็ดี สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นตัวนี้ไม่อยู่ในการคัดเลือกของเราก็คือระดับ Sharpe Ratio ที่อยู่ต่ำกว่าดัชนี SETHD และ Upside ที่ไม่เหลือแล้วจากราคาปัจจุบัน เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus

 

ผลการค้นพบอื่นของเราที่น่าสนใจ ได้แก่

          1) หากแบ่งแยกเป็นรายอุตสาหกรรมจะพบว่า กลุ่มที่ปรับตัว Outperform ได้ดีที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้แก่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (Figure 10) ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด เนื่องจากกลุ่มนี้มักเป็นกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอในระดับที่ใช้ได้ นอกจากนั้นหนึ่งในหุ้น Top pick ของเราประจำบทวิเคราะห์นี้ก็มาจากกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน

          2) ด้วยเหตุนี้เราจึงตรวจสอบดูหุ้นตัวอื่นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นแต่ไม่ได้อยู่ในดัชนี SETHD เผื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือก พบว่าหุ้นที่มีความน่าสนใจได้แก่ SC เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีระดับผลตอบแทนเงินปันผลคาดหวังที่ 5.1% และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 7.1% โดยผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 10 ปีหลังสุด นอกจากนั้นระดับ Sharpe Ratio ที่ 2.06 ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 4 หากหุ้นดังกล่าวถูกจัดอยู่ในดัชนี SETHD รวมถึงราคาหุ้นปัจจุบันยังคงมี Upside ประมาณ 6% จากราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus

          3) หากยืดระยะเวลาการศึกษาออกไปให้ครอบคลุมเดือนมีนาคมด้วยแล้ว จะพบว่ากลุ่มที่ปรับตัว Outperform ได้ดีที่สุดในเดือนดังกล่าวได้แก่กลุ่มสื่อสาร (Figure 11) ซึ่งหากเจาะลึกไปอีกจะพบว่าหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ ADVANC และ INTUCH ที่มีระดับผลตอบแทนเงินปันผลคาดหวังที่ 5.2% และ 6.2% ตามลำดับ และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในเดือนมีนาคมสูงมากถึง 11.1% และ 8.3% โดยผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 6 ปีหลังสุด นอกจากนั้นระดับ Sharpe Ratio ยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 2.39 และ 1.52 ตามลำดับ ทั้งนี้ราคาหุ้นปัจจุบันของทั้ง 2 บริษัทยังคงมี Upside จากราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus ถึง 10% อีกด้วย

 

กลยุทธ์การลงทุนโดยสรุป

     จากผลการศึกษาข้างต้นเราพบว่าเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีมักเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของหุ้นปันผล ซึ่งจากการคัดเลือก พบว่าหุ้นในดัชนี SETHD ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกของเราทุกเกณฑ์และมีความน่าสนใจในการเข้าลงทุนประจำเดือนกุมภาพันธ์มากที่สุดได้แก่ AP และ TISCO ซึ่งเป็นหุ้นที่เราแนะนำ "ซื้อ" ตามปัจจัยเชิงพื้นฐานด้วย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมส่วนท้ายบทวิเคราะห์ฉบับนี้) สำหรับหุ้นที่มีความน่าสนใจรองลงมาได้แก่ AMATA, HANA, KTB, QH, SCC, SIRI, TCAP ทั้งนี้ หุ้นที่ไม่ได้อยู่ในดัชนี SETHD แต่มีความน่าสนใจในการเข้าลงทุนด้วยก็คือ SC และสำหรับผู้ที่ต้องการหุ้นปันผลสำหรับการลงทุนในเดือนมีนาคมถัดไป มองว่า ADVANC และ INTUCH ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด

    ประเมินว่าการปรับตัว Outperform ของหุ้นปันผลนี้จะเป็นเพียงปรากฏการณ์ระยะสั้น เนื่องจากยังคงคาดการณ์ว่าในปีนี้หุ้นเติบโต (Growth) จะเป็นกลุ่มที่ปรับตัว Outperform หุ้นปันผล (Yield) จากแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ความน่าสนใจของหุ้นปันผลลดลงโดยเปรียบเทียบนั่นเอง

          

นักวิเคราะห์ : 

          ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM          เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 31379          [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!