- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 30 January 2017 17:39
- Hits: 1805
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? หลังตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงวันหยุด ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ และยุโรป เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง แม้สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลข GDP –4Q/59 ต่ำกว่าคาด และทั้งปี’59 อยู่ในระดับต่ำสุดรอบ 5 ปี แต่คาดมีมุมมองที่เป็นบวกต่อนโยบายของทรัมป์หลังจากนี้ ซึ่งที่ผ่านมามีการส่งสัญญาณที่จะกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนของภาครัฐ รวมถึงการจูงใจให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน ผ่านการปฏิรูปภาษี ทำให้คาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง คาดโดยรวมเป็น Sentiment ที่ดีต่อความต้องการทั้งพลังงานและสินค้าทุนอื่นๆ
อย่างไรก็ตามแนะติดตามนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ หลังออกจาก TPP และเตรียมเจรจาข้อตกลงใหม่กับ NAFTA คาดอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศต่างๆ ที่ไปยังสหรัฐฯ (ขณะที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ สัดส่วนประมาณ 10%ของยอดส่งออกทั้งหมด หรือประมาณ 700,000 ล้านบาท) คาดเป็นปัจจัยกดดันที่อาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
รวมถึงการประชุมเฟด (31/1/60 –1/2/60) หลังถ้อยแถลงของประธานเฟด ล่าสุด มีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เข้าใกล้เป้าหมายของเฟด ทั้งการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ
ทางด้านประเด็นในประเทศ ภาพรวม Fund Flow มีความผันผวน แรงซื้อขายสุทธิของต่างชาติสลับกัน แต่คาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมัน ที่คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากแผนการปรับลดปริมาณผลิตลง เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา คาดยังส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
พร้อมแนะติดตาม (1) ระยะสั้นต่อประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ B/E โดยเฉพาะ บจ. ขนาดเล็ก ที่อาจกระทบความเชื่อมั่น และภาวะการเงินตึงตัว เป็นต้น และ (2) อยู่ในช่วงทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี’59 คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงก.พ.’60 รวมถึงเงินปันผล
อย่างไรก็ตามยังมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี’60 ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น โดย กกร. คาดส่งออกเติบโต 1.0 –3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านล้านบาทเมื่อปี’59
SET SET50 SET100
1,590.80 -0.20 996.10 -2.34 2,247.56 -3.63
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -7.13, NASDAQ +5.61, S&P -1.99, FTSE +23.00, CAC -27.26 และ DAX -34.36 ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจต่ำกว่าคาด (1) GDP - 4Q/59 อยู่ที่ 1.9% ต่ำกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.2% ขณะที่ทั้งปี’59 ขยายตัว 1.6% เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี และ (2) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน – ธ.ค. ลดลง 0.4% ขณะที่จับตาการพบปะของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอังกฤษ และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ รวมถึงการประชุมเฟด (31/1/60 –1/2/60)
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้ปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังยูบีเอส กรุ๊ป ของสวิตเซอร์แลนด์ รายงานผลประกอบการที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. -US$0.61 อยู่ที่US$53.17ต่อบาร์เรล หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐฯ มีจำนวนเพิ่มขึ้น สะท้อนการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามไม่สามารถชดเชยประเด็นบวกความคืบหน้าในการปรับลดกำลังการผลิตของทั้งกลุ่มโอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$1.4 อยู่ที่ US$1,188.4ต่อออนซ์ โดยยังได้รับปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าส่งผลให้ความต้องการถือครองทองคำของนักลงทุนลดน้อยลง ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยอยู่ระหว่างรอการประชุมเฟด (31/1/60 –1/2/60)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
19.24 2.03 2.96
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 41,666.81
สถาบัน 416.91
บัญชีหลักทรัพย์ -73.24
ต่างประเทศ -1,055.00
ในประเทศ 711.33
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีเช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
ส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.03 อยู่ที่ 2.48%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.05 อยู่ที่ 10.58
หุ้นแนะนำ : WORK
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788