- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 30 January 2017 17:36
- Hits: 1603
บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) : Market Comment
จับตาการประชุมธนาคารกลางหลาย ๆ แห่งทั่วโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ หลัง GDP ไตรมาส 4/2559 ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดพอสมควร ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด -0.04%, 0.10%, -0.09%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ มีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารหลายแห่ง หลังประกาศผลประกอบการต่ำกว่าที่คาด ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด -0.29%, 0.32%, -0.56%, -0.57%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 0.61 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 0.72 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.52 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีก 15 แท่น
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นลงในกรอบแคบๆ สอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นในภูมิภาคที่เริ่มมีแรงขายทำกำไร ในส่วนของตลาดหุ้นไทยมีแรงขายออกมาหนาแน่นในช่วงต้นตลาดสำหรับกลุ่มสายการบิน แต่ราคาก็ได้มีการฟื้นตัวขึ้นมาในระหว่างวัน จากกระแสข่าวที่ภาครัฐมีการปรับขึ้นภาษีน้ำมันเครื่องบินและภาษีน้ำมันหล่อลื่น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา ทำให้น้ำมันเครื่องบินจะถูกจัดเก็บภาษีในอัตรา 4 บาทต่อลิตร จากเดิมเก็บที่ 20 สตางค์ต่อลิตร และภาษีน้ำมันหล่อลื่นที่จะถูกจัดเก็บ 5 บาทต่อลิตรรวมกับภาษีเทศบาลอีก .50 บาท รวมเป็น 5.50 บาทต่อลิตร โดยในประเด็นนี้เรามองว่าบริษัทน้ำมันหรือผู้ค้าน้ำมันที่ขายน้ำมันเครื่องบินจะเป็นผู้เสียภาษีในเบื้องต้น แต่จะผลักภาระไปยังสายการบินภายในประเทศได้หรือไม่ จะขึ้นอยู่กับการต่อรองระหว่างสายการบินและบริษัทน้ำมัน เราคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ผู้ค้าน้ำมันอาจจะผลักภาระส่วนใหญ่ไปยังที่สายการบินที่ซื้อน้ำมัน ซึ่งสายการบินในประเทศก็มีสิทธิที่จะผลักภาระไปยังผู้บริโภคผ่านค่าธรรมเนียมน้ำมันได้เช่นกัน ซึ่งในกรณีนี้สายการบินที่บินในประเทศที่ขายตั๋วล่วงหน้าไปแล้วอาจจะได้รับผลบ้างจากการจัดเก็บภาษีน้ำมันเครื่องบิน แต่ในส่วนสายการบินที่มีไฟท์บินต่างประเทศจะไม่ต้องเสียภาษีน้ำมันอยู่แล้ว
ในกรณีนี้เราคาดว่า AAV, THAI จะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากมีไฟท์บินต่างประเทศ 50% และ 15% ตามลำดับ แต่ในส่วนที่เป็นสายการบินที่มีไฟท์บินในประเทศในสัดส่วนที่มาก อาจจะได้รับผลกระทบจากราคาตั๋วที่แพงขึ้น เนื่องจากต้องบวกค่าธรรมเนียมน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่วนปัจจัยต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 4/2559 ชะลอลงอยู่ที่ระดับ 1.9% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 2.2% โดยชะลอลงจากไตรมาส 3/2559 ที่ขยายตัว 3.5% สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 31 ม.ค.- 1 ก.พ. เพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในครั้งต่อไปว่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีนี้ และปลายปีหรือไม่ ซึ่งเราคาดว่าแนวโน้มน่าจะมีการปรับขึ้นไม่เกิน 2 ครั้งในปีนี้ แม้ว่าเฟดจะคาดว่าปีนี้อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ยังต้องติดตามการประท้วงของคนสหรัฐฯ ในหลาย ๆ เมืองที่สนามบิน เนื่องจากผู้ลี้ภัยจำนวนหนึ่งถูกกักตัวที่สนามบิน หลังทรัมป์ลงนามคำสั่งพิเศษระงับการผ่านเข้าสหรัฐฯ ของพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ได้แก่ ซีเรีย เยเมน ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน และลิเบียเป็นเวลา 90 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยจากทุกประเทศเข้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 120 วัน นอกจากนี้ทรัมป์ยังได้สั่งให้กองทัพเสนอแผนปราบ IS ภายใน 30 วัน ซึ่งอาจจะเกิดความเสี่ยงในแง่ความปลอดภัยมากขึ้น ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่า น่าจะซึมลงจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์การลงทุน
Trading : ไม่ต่ำกว่าแนวรับแถว ๆ 1,565 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไรได้
Saravut Tachochavalit, Analyst TEL : +66 (2) 862-9754 Ext. 9754 EMAIL : [email protected]