- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 27 January 2017 17:27
- Hits: 8305
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ขยับขึ้นเร็ว จน upside จากเป้าหมายที่คาดมีจำกัด ควรรอซื้อลบ
ตลาดหุ้นวานนี้ : แม้ SET จะขยับบวกแรงต่อเป็นวันที่ 5 แต่เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนมากนัก ขณะที่ตลาดก็ไต่ระดับขึ้นมาเร็วและแรงพอควร จึงทำให้มีแรงขายช่วงบวกกดดันให้ดัชนีอ่อนตัวจากช่วงเปิดเช้า อย่างไรก็ตามยังเป็นการแกว่งตัวด้านบวกอยู่ เนื่องจากตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังปิดเป็นบวกได้ดี หลังจากช่วงที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์อ่อนแอลง ทำให้ค่าเงินภูมิภาคหลายแห่งยังแข็งค่าอยู่ได้
แนวโน้มตลาดวันนี้ : คาดว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนมากขึ้น และมีโอกาสที่จะเริ่มเห็นจังหวะอ่อนตัวลงไปแกว่งด้านลบได้ เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้เริ่มมีกรอบบวกแคบลง และหลายแห่งมีจังหวะอ่อนตัว หลังยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน ขณะเดียวกันค่าเงินบาทเริ่มอ่อนตัวลงอีกครั้ง จากช่วงก่อนหน้าที่แข็งค่ามาเร็ว ประกอบกับ SET แกว่งไต่ระดับขึ้นมามากแล้ว ทำให้ upside ที่ FSS คาดไว้เริ่มมีจำกัด จนยังไม่น่าสนใจเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนเพิ่ม นอกจากนี้ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่หนุน ทำให้ต้องระวังแรงขายทำกำไรกดดันให้ SET อ่อนตัวลงก่อนในเร็วๆ นี้ไว้ด้วย
กลยุทธ์ : FSS ยังประเมินระดับดัชนีตามพื้นฐานของปีนี้ไว้ที่ 1650 จุด ทำให้ตอนนี้ upside ของตลาดมีค่อนข้างจำกัด ขณะที่คาดว่า SET มีโอกาสปรับพักตัวลงในช่วงถัดไป ดังนั้นเราจึงแนะนำให้รอเลือกหุ้นซื้อช่วงตลาดปรับลงดีกว่า
แนวรับ 1588-1584 , 1580-1575 จุด
แนวต้าน 1594-1596 , 1600-1604 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : CPN, TSR, COM7(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$457ล้าน นำโดยไต้หวัน US$355ล้าน และไทย US$91ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$6ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคระยะสั้นแต่อาจจะชะลอตัวลงเนื่องจากวันหยุดในเทศกาลตรุษจีน
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) รมว.คลังคาด GDP ไทยปี 2017 โต 3.2-3.3% (ใกล้เคียง Consensus) จากแรงขับเคลื่อนของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ 2.3 แสนล้านบาท ขณะที่ความเสี่ยงในต่างประเทศยังมีมาก ผู้ว่าธปท.มองว่าเงินทุนเคลื่อนย้ายอาจผันผวนรุนแรงในบางช่วงเวลา สำหรับ GDP 4Q16 จะประกาศวันที่ 20 ก.พ. เราคาดโตใกล้เคียงกับ 3Q16 ที่ระดับ 3.2% Y-Y
(0) MINT ธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศโดยเฉพาะ Tivoli ลดผลกระทบธุรกิจโรงแรมและอาหารที่ชะลอใน 4Q16 ทำให้เราคาดกำไรปกติ +70% Q-Q, -7% Y-Y และกำไรทั้งปี +4.3% Y-Y ต่ำกว่าที่เคยคาดเดิม ส่วนปี 2017 เราปรับกำไรลง 12% เหลือโต 15% Y-Y ลดจากเดิมที่คาดโต 20% Y-Y แต่ก็โตในอัตราเร่งกว่าปีก่อน ปรับราคาพื้นฐานลงเป็น 43 บาทจากเดิม 48 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลงตลอด 4Q16 สะท้อนกำไรที่โตต่ำกว่าคาดไปแล้ว แต่ 1Q17 จะฟื้นแข็งแกร่ง แนะนำซื้อ แต่ชอบ ERW (ราคาพื้นฐาน 6 บาท) ที่สุดในกลุ่ม
(+) CPALL แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q16 ไม่ตื่นเต้น คาดทรงตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y ที่ 4 พันล้านบาท แม้เป็น High season และมี Stamp Promotion แต่ผลตอบรับแผ่วลงจากบรรยากาศโดยรวมที่ไม่สดใส และถูกกระทบจากการหยุดขายบัตรเติมเงิน AIS ทำให้กำไรปี 2016 น่าจะ +20% Y-Y สำหรับปี 2017 เราคงประมาณการเดิม ขณะที่บริษัทปฏิเสธการซื้อกิจการในโปแลนด์แล้ว เราแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 74 บาท
(+) EA การเลื่อน COD ของโรงไฟฟ้าพลังงานลม 126MW จากปลายปี 2016 มาเข้าปีนี้ ทำให้คาดกำไรสุทธิปี 2016 +21.1% Y-Y ต่ำกว่าที่คาดเดิมเล็กน้อย แต่จะกลับมาโตในอัตราเร่งในปี 2017 เราคาดกำไร +36% Y-Y และโตเต็มที่ในปี 2019 หลังโรงไฟฟ้าพลังงานลม 126MW เข้ามาต้นปี 2017 และอีก 260MW เข้าปี 2018 ทำให้ PE ปัจจุบันที่ 24 เท่า ลดเหลือเพียง 12 เท่าในปี 2019 แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 33 บาท
(+) AOT ประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ มีประเด็นแตกพาร์จาก 10 บาทเป็น 1 บาท คาดมีผล ก.พ. ช่วยให้สภาพคล่องในการซื้อขายดีขึ้น แต่ไม่กระทบพื้นฐานบริษัท สำหรับกำไรงวด 1Q17 (ต.ค.-ธ.ค. 2016) คาดโตต่อเนื่อง +13% Q-Q, +6% Y-Y การยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่าทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มฟื้นในเดือน ธ.ค. แนวโน้มกำไรปีนี้ที่เราคาด +% Y-Y ดีกว่าปีก่อนที่ +6.8% Y-Y ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 460 บาท
(-) PSH เราปรับกำไรปี 2016 ลง 11% และปี 2017 ลง 6% โดยใน 4Q16 มีคอนโดโอนเพียงโครงการเดียว ทำให้คาดกำไร -28% Y-Y ส่วนปี 2017 มียอดโอนน้อยและการปรับกลยุทธ์เน้นสินค้า Premium ต้องใช้เวลาในการสร้างแบรนด์จากปัจจุบันที่ทำตลาดระดับกลาง-ล่างมาโดยตลอด ปรับราคาพื้นฐานลงเป็น 24 บาทจากเดิม 25 บาท ราคาหุ้นเต็มมูลค่า ลดคำแนะนำเป็นขาย switch เข้า SPALI (เป้า 31 บาท) แทน