- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 26 January 2017 22:42
- Hits: 1096
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index : ปรับฐานระยะสั้น
SET Index : 1596.28 ดัชนีเช้านี้ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1600 จุดโดยมีแรงหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศทั่วโลก หลังดัชนีดาวโจนส์ปิดเหนือ 20,000 จุด คาดว่า SET ยังไม่น่าผ่านระดับ 1600 จุดในระยะสั้น
แนวต้าน : 1600 และ 1620
แนวรับ : 1588 และ 1580
AOT = 404 / 412, PTT = 412.0 / 430.0,CPALL = 59.75 / 61.75, PTTEP = 96.00 / 99.50, ADVANC = 161.50 / 164.0
MC Group (MC TB; THB 16.10) - ซื้อ
แนวต้าน : 16.70 และ 17.70
แนวรับ : 16.00 และ 15.90
ราคาหุ้นรีบาวด์ และสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นที่ 15.90 บาท ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านเดิมบริเวณ 16.70 บาท
MACD แกว่งเหนือค่าเส้นเฉลี่ย
แนะนำซื้อ MC โดยมีแนวรับที่ 16.00 และ 15.90 และมีแนวต้านที่ 16.70 และ 17.70 เป็นจุดขายทำกำไรเบื้องต้น
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 15.70 ลงไป
Vibhavadi Medical Center (VIBHA TB; THB 3.06) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.16 และ 3.26
แนวรับ : 3.04 และ 3.02
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น หลังปรับฐานบริเวณ 3.00 บาท คาดว่าราคามีแนวโน้มปรับขึ้นทดสอบแนวต้านเดิมบริเวณ 3.16 และ 3.26 บาท หากผ่าน 3.10 บาทได้
MACD แกว่งเหนือเส้นค่าเฉลี่ย
แนะนำซื้อ VIBHA โดยมีแนวรับที่ 3.04 และ 3.02 และมีแนวต้านที่ 3.16 และ 3.26 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.00 ลงไป
Analysts : Pornvilai Santusatharom +662 657-9230 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...Dow Jones ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หนุน SET lndex ลุ้นทดสอบ 1600 จุด
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องอีก 5.47 จุดหรือ +0.35% ปิดที่ระดับสูงสุดของปีและรอบเกือบ 2 ปีที่ 1,584.29 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขาย 66,821 ล้านบาท โดยเป็นการสลับกลุ่มเล่นซื้อหุ้นขนาดใหญ่ดันดัชนีหลังจากที่วันก่อนมีการดันราคาหุ้น PTT (ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมเป็นอันด้บ 1 ของตลาดไทยที่ 1.17 ล้านล้านบาท) ปรับตัวขึ้นแรงถึง 19 บาทหรือ +4.88% ปิดที่ 408 บาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี 3 เดือน (นับจากระดับสูงสุดที่ 440 บาทในเดือนต.ค. 2007) เมื่อวานนี้ก็มีการดันหุ้น ADVANC (ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมเป็นอันด้บ 7 ของตลาดไทยที่ 4.8 แสนล้านบาท) ปิด +6.50 บาทหรือ +4.2% ปิดที่ 161.50 บาท โดยกองทุนในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิสูงถึง 2,325 ล้านบาท วันนี้เราคาดว่าตลาดจะยังถูกพยุงด้วยหุ้นขนาดใหญ่ที่ยังปรับขึ้นน้อยหรือยัง laggard ตลาดอย่าง SCC AOT CPALL ที่มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ในลำดับ 2, 4 และ 5 ด้วยมูลค่าตลาด 6.09 แสนล้านบาท, 5.68 แสนล้านบาทและ 5.27 แสนล้านบาท ตามลำดับ
บ่ายวานนี้ SCC ได้ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 ออกมามีกำไรสุทธิ 12,478 ล้านบาทหรือ 10.4 บาท/หุ้น (+9% yoy, -11% qoq) ดีกว่าที่ตลาดคาดมาก 34% แม้จะมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน ROC ไป 40 วัน แต่กำไรของธุรกิจปิโตรเคมียังคงออกมาดีจาก spread margin ที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ธุรกิจซีเมนต์ยังชะลอตัวจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในและราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงเนื่องจากมี supply ใหม่เข้าตลาดทาให้การแข่งขันสูงขึ้น โดย Bloomberg consensus แนะนำ ให้ซื้อ (Buy/Hold/sell : 22/3/3)
โดยมีราคาเป้าหมายที่ 570.84 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2559 ที่คาดว่าจะประกาศออกมาต่อจาก SCC ในสัปดาห์นี้ประกอบด้วย วันที่ 26 ม.ค. คาดว่า PTTEP จะ ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 ออกมามีกำไร 2,633 ล้านบาท (-44% yoy, -52% qoq) จากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 95.93 บาท (Buy/Hold/sell : 8/12/8) ในขณะที่สัปดาห์หน้าจะเริ่มมีการประกาศผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มสื่อสารอย่าง ADVANC DTAC THCOM และ JASIF โดย Bloomberg consensus คาดว่า ADVANC จะประกาศผลกำไรไตรมาส 4/59 (วันที่ 3 ก.พ. 60) ที่ 5,705 ล้านบาท (-47% yoy, -13% qoq) จากการรับรู้ค่าใช้จ่ายใบอนุญาต 900 MHz และ 1800 MHz เข้ามา อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังแนะนำซื้อ (Buy/Hold/sell : 21/6/4) โดยให้ราคาเป้าหมาย 176.79 บาท ส่วน DTAC จะประกาศผลกำไรไตรมาส 4/59 (วันที่ 30 ม.ค. 60) ที่ 396 ล้านบาท (-60% yoy, -40% qoq) โดยตลาดให้ราคาเป้าหมาย 37.25 บาท (Buy/Hold/sell : 7/8/15)
เมื่อวานนี้ทาง CPALL ได้ออกมาปฎิเสธแล้วว่าทาง CPALL ไม่ได้เป็นผู้เข้าร่วมการประมูลซื้อกิจการค้าปลีกในประเทศโปแลนด์แต่อย่างใด หลัง มีข่าวในสื่อต่างประเทศว่าบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ที่สนใจเข้าซื้อกิจการผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกในประเทศโปแลนด์ (Zabka) มูลค่า 1,500 ล้านยูโรหรือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่งผลกระทบให้ราคาหุ้นปรับลดลง 9.6% จากต้นปี (เทียบกับตลาดที่ +2.7% YTD) เพราะกังวลว่าหากมีการซื้อกิจการในราคาดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนจะเกินกว่า 3 เท่า ซึ่งจะสูงเกิน Bond covenants ที่ระดับ 2.5 เท่า จึงมีความเสี่ยงที่อาจต้องเพิ่มทุนหากมีการซื้อกิจการจริง อย่างไรก็ตามหลังบริษัทออกมาปฎิเสธ ทำให้เราคาดว่าราคาหุ้นจะมีการฟื้นตัวได้แรงจากทั้ง 1) ราคาหุ้น laggard กลุ่มค้าปลีก (-2.4% YTD) และตลาด (+2.7% YTD) อยู่มาก 2) นักลงทุนอาจมีการ cover short หลังจากที่มีปริมาณการ short ไปกว่า 14 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 880 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา 3) กำไรคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 20% CAGR ในปี FY15-18 จากการเดินหน้าขยายกิจการเชิงรุกและมาร์จินที่สูงขึ้น และ 4) valuation ที่ถูก ซื้อขายที่ pER ต่ำเพียง 26.7 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 32 เท่าและกลุ่มค้าปลีกที่ 33 เท่าและมี upside 21% จากราคาที่เหมาะสมของเราที่ 71 บาท
เราคาดว่าการฟื้นตัวของ CPALL จะทำให้หุ้นกลุ่มค้าปลีกกลับมาคึกคักตามในวันนี้ โดยหากพิจารณาจากแนวโน้มผลกำไร, ความถูกแพงของราคาหุ้นในแง่ของ PER, PEG, Earning growth และ upside จากราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus เราจะพบว่า มีหุ้นค้าปลีกอีก 2 บริษัทที่น่าสนใจคือ BJC และ ROBINS โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย BJC ที่ 56.32 บาทมี upside 11% และ ROBINS ที่ 67.62 บาทมี upside 15% นอกจากนั้นเราเชื่อว่าราคาหุ้นในกลุ่มที่ยัง laggard ตลาดมากอย่างกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) ที่ก่อนหน้านี้ราคาปรับลดลงเพราะกังวลผลประกอบการที่มีแนวโน้มอ่อนตัวใน 4Q16 เพราะความเชื่อมั่นที่ลดลงของผู้บริโภคในช่วงไว้อาลัย น่าจะเริ่มมีการฟื้นตัวตามตลาดได้จากสถิตินักท่องเที่ยวที่กลับมาแข็งแกร่งในเดือนม.ค.และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น เราแนะนำ ซื้อ MINT และ CENTEL โดยมีราคาเป้าหมาย 43 บาทและ 49 บาทตามลำดับ
วันนี้เราคาดว่า SET จะปรับตัวขึ้นต่อ จากปัจจัยบวกทั้ง 1) Dow Jones ปิดยืนเหนือระดับ 20,000 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับ จากก่อตั้งตลาดมา 130 ปี ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับตัวสูงขึ้นตาม 2) บรรยากาศการลงทุนที่กลับมาเป็น risk on อีกครั้งจากการที่นักลงทุนขายสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำออกและกลับมาลงทุนในหุ้นมากขึ้น 3) การเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 4/59 ที่มีแนวโน้มออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ วันนี้ยังแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่ยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (laggard) อย่าง BJC CPALL CENTEL SCC วันนี้ให้แนวต้านที่ 1590-1600 จุดและแนวรับที่ 1575-1580 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,596.28 จุด เพิ่มขึ้น 11.99 จุด (+0.76%) มูลค่าการซื้อขาย 33,978.76 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้น โดยมีแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ปิดเหนือ 20,000 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย บ้านเราช่วงเช้ามีแรงขายทำกำไรหลังดัชนีแตะบริเวณ 1600 จุด
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย ตลาดยังมีแนวโน้มเชิงบวกต่อเนื่อง แม้จะปรับขึ้นไปทดสอบระดับ 1600 จุด แล้วถูกขายทำกำไรออกมาก็ตาม โดยเราเชื่อว่าการสลับกลุ่มเล่นและดันหุ้นมูลค่าตลาดสูงอย่าง PTT PTTEP ADVANC AOT และ CPALL จะยังช่วยหนุนให้ตลาดในวันนี้ปิดบวกเหนือระดับ 1590 จุดได้ แต่ไม่น่าจะยืนเหนือระดับ 1600 จุดได้ อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับฐานและต้องมีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนเพื่อให้สามารถยืนเหนือระดับ 1600 จุดได้ ในช่วงบ่ายยังคาดว่าหุ้นที่ยัง laggard ตลาดและมีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/59 เติบโตได้ดี รวมถึงยังมี upside จากราคาเป้าหมาย จะสลับกลับมาเล่นเก็งกำไรระยะสั้นได้ โดยหุ้นที่อยู่ในข่ายดังกล่าวประกอบด้วย BJC BEM CENTEL CPF CPN MAJOR ROBINS PLAT ช่วงบ่ายให้แนวรับที่ 1590 จุด ส่วนแนวต้านยังอยู่ที่ 1600 จุด ต้านยังอยู่ที่ 1600 จุด
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
MC Group (MC TB; THB 16.10) - ซื้อ
Vibhavadi Medical Center (VIBHA TB; THB 3.06) - ซื้อ
Cash Balance preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์
หน้า : TPIPL, ALT*, KOOL*, SCN* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts : Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]