- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 January 2017 19:02
- Hits: 8586
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อค่าบวก/ถือเมื่อ SET เหนือ 1565'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : IMPACT จาก Fully Valued เป็นถือ , SC จากซื้อเป็นถือ
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อ 8.03 จุด ปิดที่ 1578.82 โดยมีปัจจัยหนุนจากการซื้อเก็งกำไรผลประกอบการปี 59 และการประกาศจ่ายเงินปันผลของบจ. ซึ่งหุ้นกลุ่มพลังงานคึกคักขึ้นเพราะกำไรปี 59 จะเติบโตก้าวกระโดดมากจากฐานต่ำในปี 58 ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมีก็มี Spread ที่ดีขึ้นหลังราคาน้ำมันปรับขึ้น ต่างชาติขายสุทธิพอๆกับที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ สำหรับปัจจัยสำคัญในช่วงนี้ ได้แก่
ไทยเร่งเจรจา RCEP ให้จบภายในปี 60 ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากกรอบเจรจานี้ ส่วน TPP อาจไม่ล่มถ้าประเทศที่เหลือเดินหน้าเจรจาต่อแม้ไม่มีสหรัฐก็ตาม
ส่งออกเดือนธ.ค.59 ของไทยเติบโต 6.2%YoY และทั้งปี 59 ขยายตัว 0.45% ส่วนปี 60 ก.พาณิชย์คาดขยาย 2.5-3.5%
+ ธุรกิจโรงพยาบาลยังเติบโตได้ดี ล่าสุด BCH ขยายการลงทุนไปเวียงจันทร์ ประเทศลาว....เป็นบวกในระยะยาว
TPIPL ชี้แจงว่า TPIPP กำลังทำ EIA โรงไฟฟ้าขยะ 90 MW โดยได้อนุมัติขยายเวลาเซ็น PPA ออกไป 290 วันบนเงื่อนไขเดิม...การทำ IPO บริษัทย่อย TPIPP เลื่อนออกไป แต่ไม่แย่ถึงกับเป็นไปไม่ได้
/+ จับตาผลประกอบการ 4Q59 และปี 59 รวมถึงการประกาศจ่ายปันผลบริษัทจดทะเบียน
จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancing ต่อเนื่อง ทั้งนี้ตลาดหุ้นปีนี้มีแนวโน้มผันผวน ความเสี่ยง FX มากขึ้น และเริ่มต้นปีบน Index ที่สูง หุ้นพื้นฐานแนะนำเป็น ANAN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นสัญญาณเป็นบวก ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้น 1590-1600 จุด การอ่อนตัวจนหลุด 1565 จุดดูไม่ค่อยดี ควรลดพอร์ตตาม/Stop Loss สำหรับการ Trading
สำหรับหุ้น SCAN ทางเทคนิคที่เข้ามาใหม่เป็น EPG, SCN, ICHI, TRUBB, AMA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ FORTH, JWD, TISCO, PYLON หุ้นแนะนำที่หาจังหวะ Take Profit เป็น TWPC หุ้นที่หลุด List คือ LHBANK, MCS
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
+ สหรัฐ : ภาคการผลิตเดือนม.ค.60 เพิ่มขึ้นแกร่ง & ภาคที่อยู่อาศัยทั้งปี 59 เติบโตดี
# ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.1 จากระดับของเดือนธ.ค.ที่ 54.3
# สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่ายอดขายบ้านมือสองปี 59 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.45 ล้านยูนิต จากระดับ 5.25 ล้านยูนิตในปี 58 แม้ว่ายอดขายในเดือนธ.ค.จะ -2.8%MoM เนื่องจากสต็อกบ้านในตลาดลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 42 ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านมีตัวเลือกที่จำกัด
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดพุ่งขึ้น
ดัชนี DJIA ปิด 19,912.71 จุด พุ่งขึ้น 112.86 จุด หรือ +0.57% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 48.02 จุด หรือ +0.86% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 14.87 จุด หรือ +0.66% หนุนโดยผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาสดใส เช่น ดูปองท์, อาลีบาบา กรุ๊ป, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, ยาฮู อิงค์ เป็นต้น นอกจากนั้นราคาหุ้นรถยนต์สหรัฐ (เจเนอรัล มอเตอร์, ฟอร์ด มอเตอร์ และเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโตโมบิล) ปรับขึ้นด้วยหลังเมื่อวานนี้ทรัมป์จัดประชุมหารือกับผู้ประกอบการเกี่ยวกับการเพิ่มการจ้างงาน, การสร้างโรงงานใหม่ในสหรัฐ และจำหน่ายรถยนต์ในสหรัฐ รวมทั้งตัวเลขภาคการผลิตเดือนม.ค.ออกมาสดใสด้วย
+/ ราคาน้ำมันดิบ : รีบาวน์หลังมีรายงานว่าปริมาณน้ำมันตลาดโลกช่วง 4Q59 ลดลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 53.18 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 55.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้รัฐมนตรีกลุ่มประเทศโอเปกและนอกโอเปกระบุว่า ขณะนี้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันสามารถลดการผลิตน้ำมันจำนวน 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ใกล้เคียงกับระดับ 1.8 ล้านบาร์เรล/วันที่ตกลงกันไว้ และบริษัทเบิร์นสไตน์ เอเนอร์จี ระบุในรายงานว่าปริมาณน้ำมันในตลาดโลกได้ลดลง 24 ล้านบาร์เรลจาก 3Q59 สู่ระดับ 5.7 พันล้านบาร์เรลใน 4Q59 ซึ่งปริมาณดังกล่าวเทียบเท่ากับการบริโภคน้ำมันในตลาดโลกราว 60 วัน แต่ราคาน้ำมันดิบยังปรับขึ้นจำกัดเพราะกังวลการผลิตเพิ่มของสหรัฐหลังแท่นขุดเจาะที่ปิดไปกลับมาเปิดดำเนินการเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
-/ ราคาทองคำ : ปิดอ่อนลง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 4.80 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ระดับ 1,210.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ราคาทองคำขาดปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้น
ปัจจัยในประเทศ :
ไทย : ส่งออกเดือนธ.ค.59 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยส่งออก ธ.ค. +6.2% นำเข้า +10.3% เกินดุลฯ 938 ล้านเหรียญฯ มูลค่าส่งออกต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ +9.4% สำหรับทั้งปี 59 ส่งออกของไทย +0.45% นำเข้า -3.9% เกินดุลการค้า 20,659 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับปี 60 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกว่าจะเติบโต 2.5-3.5% ดีขึ้นจากปีก่อน หนุนโดย 1. ราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่ขยับขึ้น และ 2. ราคาสินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญกระเตื้องขึ้น ด้านสมมติฐานค่าเงินบาทปี 60 ทางกระทรวงฯประเมินไว้ในกรอบ 35.5-37.5 บาท/เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบอยู่ในกรอบ 50-60 เหรียญต่อบาร์เรล
+ BCH (ราคาปิด 15.40 บาท) : ตั้งบริษัทย่อยใหม่ถือหุ้น 76% ในลาว
BCH แจ้งตลาดฯว่าที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวานนี้ (24 ม.ค.60 ) อนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ในนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อทำธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งคาดว่าจะจดทะเบียนจัดตั้งภายในไตรมาส 2/60 ด้วยทุนจดทะเบียนราว 515 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทจะถือหุ้น 76% ซึ่งแหล่งเงินลงทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : นับเป็นข่าวดีกับบริษัทในระยะยาว เราเชื่อว่าบริษัทจะมีการขยายธุรกิจโรงพยาบาลทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านออกไปอย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจด้านการแพทย์และสุขภาพยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากโดยเฉพาะใน CLMV ซึ่งเศรษฐกิจกำลังขยายตัว และกลุ่มผู้มีรายได้สูงของประเทศเหล่านี้ต้องการได้รับบริการด้านการแพทย์และสุขภาพที่ดี
สำหรับงวด 9M59 บริษัทมีรายได้รวม 4.9 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิ 555 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าทั้งปี 58 ที่มีกำไรสุทธิ 527 ล้านบาท ด้านฐานะการเงิน มีสัดส่วน D/E Ratio อยู่ที่ 1.2 เท่าในสิ้นก.ย.59 นักวิเคราะห์ใน IAA Consensus คาดการณ์ว่าแนวโน้มธุรกิจในปี 60 จะยังไปได้ดี โดยประเมินกำไรสุทธิขยายตัว 20% ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยไว้ที่ 15.7 บาท/หุ้น
-/ TPIPL (ราคาปิด 2.44 บาท) : กกพ.อนุมัติขยายเวลาลงนามสัญญา PPA 90 MW ให้ 290 วัน
TPIPL แจ้งว่า TPIPP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอยู่ระหว่างการจัดเตรียมทำรายงาน EIA โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ โดยคาดว่าจะสามารถนำส่งรายงาน EIA ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อพิจารณาได้ภายในเดือนมี.ค.60 และคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ขนาด 90 เมกะวัตต์ (MW) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ภายในระยะเวลา 290 วัน หลังจากเมื่อวันที่ 18 ม.ค.60 ได้รับอนุมัติจากกกพ.ให้ขยายระยะเวลาลงนามสัญญา PPA จำนวน 90 เมกะวัตต์ออกไปอีก 290 วันโดยมีเงื่อนไขการรับซื้อไฟฟ้าเช่นเดิม คือมีส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้า (Adder) 3.50 บาท/หน่วย เป็นเวลา 7 ปี โดยไม่ได้มีถูกยกเลิกอย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : จากประเด็นนี้คาดว่าจะทำให้การนำหุ้น TPIPP เข้าจดทะเบียนในตลาดฯอาจล่าช้าออกไปจากแผนเดิมที่จะเข้าในช่วง 1H60 ทำให้ความน่าสนใจของหุ้น TPIPL ลดลงในระยะสั้น แต่เมื่อ TPIPP มีความคืบหน้าเรื่องการทำ EIA ก็จะกระเตื้องขึ้นได้ ซึ่งต้องรอดูในช่วงเดือนมี.ค.60 ที่บริษัทจะเสนอเรื่อง EIA ให้กกพ.พิจารณา สำหรับ TPIPL ในช่วง 9M59 บริษัทมีรายได้รวม 2.4 หมื่นล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 203 ล้านบาท แต่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก 1.95 พันล้านบาท ทั้งนี้บริษัทมีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายในงวด 9M59 สูงที่ 2.8 พันล้านบาท ณ สิ้นก.ย.59 มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) 1.03 เท่า และมี BVS 2.76 บาท/หุ้น
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]