WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน



แม้ SET ยังบวกดี แต่ทำให้ upside จำกัด ดังนั้นน่ารอซื้อเพิ่มช่วงลบ

 ตลาดหุ้นวานนี้ : SET รีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน แม้ว่าสหรัฐจะเริ่มดำเนินการมาตรการกีดกันทางการค้าที่ชัดเจนขึ้น แต่ยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไทย ขณะที่ค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อ แม้จะชะลอลงบ้าง แต่ก็สร้างความมั่นใจให้ SET อยู่ รวมทั้งคาดว่ามีแรงซื้อจากการเก็งกำไรผลประกอบการและการจ่ายปันผลของ บจ.ต่างๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างทยอยประกาศด้วย 

 แนวโน้มตลาดวันนี้ : เช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศสดใสมากขึ้น หลังตลาดหุ้นสหรัฐพลิกกลับมาปิดบวกกว่า 100 จุด ขานรับผลประกอบการที่สดใสของเอกชนรายใหญ่ในสหรัฐ นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง ส่วนเรื่อง Brexit ของอังกฤษต้องรอขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน หลังศาลฎีกาอังกฤษระบุในคำวินิจฉัยวานนี้ ทำให้นักลงทุนผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบลงบ้าง เพราะยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก อย่างไรก็ตาม SET บวกขึ้นมาเร็วพอควร ขณะที่เงินบาทเริ่มชะลอการแข็งค่า และอาจอ่อนตัวลงเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันโลกที่ขยับขึ้นเพื่อรับข่าวการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ก็เริ่มไร้ทิศทาง คาดว่านักลงทุนยังรอดูรายงานสต็อกน้ำมันของสหรัฐจาก EIA ในวันนี้อีกครั้ง ทำให้ FSS ยังแนะนำให้ระวังการผันผวนและอ่อนตัวของ SET อยู่

 กลยุทธ์ : ดังนั้นเรายังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ปรับลงดีกว่า
  แนวรับ  1576-1573 , 1570-1566 จุด  
  แนวต้าน  1580-1583 , 1586-1590 จุด
  หุ้นเด่นทางเทคนิค : AAV, NDR, BEAUTY(buy back)
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$348ล้าน โดยเป็นการไหลเข้าไต้หวันประเทศเดียว US$387ล้าน

ขณะที่ไหลออกจากไทย US$24ล้าน และฟิลิปปินส์ US$17ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าระยะสั้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากประเทศทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกเปิดเผยว่าได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงแล้ว

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) นายกอังกฤษต้องรอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน จึงจะเริ่มกระบวนการ Brexit ได้ ลำพังรัฐบาลไม่มีอำนาจในการเริ่มต้นกระบวนการนี้ การเจรจาขอออกจากยูโรอาจล่าช้า (เป็นผลดีต่อเงินปอนด์เพราะลดแรงกดดันจาก Hard Brexit) แต่ไม่กระทบตลาดหุ้น เรายังให้น้ำหนักที่นโยบายของทรัมป์มากสุดในระยะนี้ แม้จะมีโอกาสสูงที่ทรัมป์สร้างความผิดหวัง (ทำไม่ได้ตามที่พูด) แต่เชื่อว่ากระแสเงินทุนต่างชาติยังไม่รีบร้อนเข้ามาในช่วงนี้ การปรับขึ้นของตลาดน่าจะจำกัด
(0) SCB เรารู้สึกเป็นกลางต่อกลยุทธ์ของธนาคารในปี 2017 แม้จะเป็นแผนเชิงรุกกว่าปีก่อนโดยจะเน้นธุรกิจ Wealth management รูปแบบใหม่ แต่เรายังไม่เห็นรูปธรรมที่จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในเวลาอันรวดเร็ว แต่ค่าใช้จ่ายจากการปรับเปลี่ยนองค์กรเกิดขึ้นทันที อย่างไรก็ตาม เราปรับกำไรปีนี้ขึ้น 3% เป็น +3.2% Y-Y โดยปรับลดต้นทุนทางการเงิน แต่ไม่ได้ทำให้ Book value เปลี่ยนนัก คงราคาพื้นฐาน 174 บาท แนะนำเป็นซื้อ แต่ชอบ KBANK (ราคาพื้นฐาน 208 บาท) มากกว่า  
(+) FSMART ราคาหุ้นวานนี้ปรับลงแรงเพราะกังวลข่าว TRUE มีแผนติดตั้งตู้เติมเงินที่ร้าน 7-11 ให้เติมได้เฉพาะระบบ Truemove เราคิดว่าการจะติดตั้งให้ได้ 8,000 ตู้เท่า FSMART ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เร็วและต้องใช้ทรัพยากรในการบริหารจัดการระบบ เรายังคงคาดกำไร 4Q16 ของ FSMART ทำ new high ทั้งปี 2016 +50% คาดปี 2017 +39% คงราคาพื้นฐาน 22 บาท การอ่อนตัวเป็นโอกาสซื้อ แนะนำซื้อต่ำกว่า 20 บาท 
(+) TPCH น้ำท่วมภาคใต้กระทบจำกัดมากเพราะโรงไฟฟ้า 2 แห่งที่จ.นครศรีธรรมราช อยู่ห่างจากพื้นที่น้ำท่วม ส่วนโรงไฟฟ้าที่กำลังสร้างอาจ COD ล่าช้าเล็กน้อย เรายังคงคาดกำไรปี 2017 +88% Y-Y จากโรงไฟฟ้าที่เข้ามาเพิ่ม 2 โรง จากปี 2016 ที่มีอยู่ 4 โรงซึ่งคาดกำไรทั้งปี +295% Y-Y สำหรับกำไรใน 4Q16 คาด +21% Q-Q, +73% Y-Y ทำ new high ต่อเนื่องและสูงสุดในรอบ 5 ปีตั้งแต่เริ่มกิจการ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 23 บาท  
(-) CENTEL เราปรับกำไรปี 2017 ลง 9% เหลือ +5% Y-Y การลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่ต่ำและไม่ต่อเนื่องเป็นสิ่งจำกัดการเติบโตของกำไรของ CENTEL โดยปีนี้จะมีการเปิดโรงแรม COSI ที่สมุยเพียงแห่งเดียวใน 4Q17 ส่วนกำไร 4Q16 คาดทำได้เพียงทรงตัว Y-Y ทำให้กำไรทั้งปี 2016 โตเพียง 3.4% Y-Y เป็นโรงแรมที่มีกำไรโตต่ำสุด 2 ปีติดต่อกัน ปรับราคาพื้นฐานลงจาก 46 บาทเป็น 42 บาท ลดคำแนะนำเป็นถือ จากซื้อ
(-) TPIPL โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะของ TPIPP (บ.ย่อย) อยู่ระหว่างจัดทำ EIA คาดว่าจะส่งให้กกพ.พิจารณาได้ มี.ค. และลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 90MW ได้ภายใน 290 วันหรือภายใน 3Q17 ความล่าช้าของการเปิดดำเนินงานอาจทำให้การ IPO ของ TPIPP ล่าช้าและมีผลให้ TPIPL ต้องแบกภาระค่าเสื่อมราคาที่บันทึกอยู่ต่อไป โอกาสจะพลิกเป็นกำไรยากขึ้น เป้าหมายของ Consensus ที่ 2.8-3.3 บาทน่าจะมีการปรับลง เรายังไม่แนะนำให้รีบร้อนเข้าซื้อ

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
25 ม.ค. - เกาหลีใต้:4Q16 GDP
- ไต้หวัน: 4Q16 GDP
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ธ.ค.)
26 ม.ค. - ฟิลิปปินส์:4Q16 GDP
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค.)
27-31 ม.ค. - ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ปิดทำการเนื่องในวันตรุษจีน
27 ม.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ธ.ค.)
- สหรัฐ: 4Q16 GDP, คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ธ.ค.) 
30 ม.ค. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Pending home sales (ธ.ค.)
31 ม.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ธ.ค.
- BOJประชุม
- ยูโรโซน: 4Q16 GDP
2 ก.พ. - ไทย:อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
- จีน: Manufacturing and Non-Manufacturing PMI (ม.ค.)

(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้ค่อนข้างดีหลังทรัมป์สั่งให้เดินหน้าเรื่องท่อส่งน้ำมัน 2 โครงการคือ Keystone XL และ Dakota Access นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่และตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดค่อนมาในแดนบวกได้เช่นกันรับตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ค่อนข้างดี
(+) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้ค่อนข้างดีเช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนข้างสดใส
(0) ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวได้หลังจากแข็งค่าในช่วง 2-3 วันก่อนหน้า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.16-35.28 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 0.43 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 53.18 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการที่ OPEC ปรับลดกำลังการผลิต ขณะที่ตลาดจับตาดูตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบจาก EIA ในคืนนี้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 4.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,210.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มพลิกกลับมาแข็งค่าได้บ้าง ขณะที่นักลงทุนเริ่มเข้าซื้อหุ้นที่เข้าข่ายได้ประโยชน์จากนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์

Contact person : Somchai Anektaweepon 
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!