- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 23 January 2017 17:31
- Hits: 4033
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับขึ้น? ตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ หลังภาพรวมการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นไปด้วยดี แม้
ถ้อยแถลงของทรัมป์ ยังไม่มีรายละเอียดมากนักเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายทางการค้า แต่เน้นผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เป็นหลัก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลต่อการกีดกันทางการค้าตามมา ขณะที่เน้นเพิ่มการจ้างงาน การลงทุนของภาครัฐ ซึ่งอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดีกว่าความคาดหมายก่อนหน้า
อย่างไรก็ตามแนะติดตามการประชุมเฟด (31/1/60 – 1/2/60) หลังถ้อยแถลงของประธานเฟด ล่าสุด มีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เข้าใกล้เป้าหมายของเฟด ทั้งการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ
ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังได้รับ Sentiment บวก จาก Fund Flow หลังต่างชาติหลับมาซื้อสุทธิ ล่าสุดกว่า 3,700 ล้านบาท และเช้านี้เงินบาทยังแข็งค่า 35.32 – 35.34 บาท จากวานนี้ที่ 35.39 บาท นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
พร้อมแนะติดตาม (1) ระยะสั้นต่อประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ B/E โดยเฉพาะ บจ. ขนาดเล็ก ที่อาจกระทบความเชื่อมั่น และภาวะการเงินตึงตัว เป็นต้น และ (2) อยู่ในช่วงทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี’59 คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงก.พ.’60 รวมถึงเงินปันผล
อย่างไรก็ตามยังมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี’60 ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ล่าสุด กกร. ปรับเพิ่มเป้าหมายส่งออกจากเดิม 0 – 2.0% เป็น 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านล้านบาท เมื่อปี’59 เป็น 1.8 ล้านล้านบาท
SET SET50 SET100
1,562.99 +8.11 972.72 +3.53 2,201.72 +10.88
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +94.85, NASDAQ +15.25, S&P +7.62, FTSE +22.66, CAC +28.59 และ DAX +33.24
หลัง DJIA ปรับลงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นายทรัมป์ฯ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ ซึ่งถ้อยแถลง หลังพิธีสาบานตนของปธน.ทรัมป์ ยังคงไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจนมากนักในเรื่องแนวทางการดำเนินนโยบาย ทำให้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์ และทำให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ลดช่วงบวกลงหลังการกล่าวสุนทรพจน์
อย่างไรก็ตาม ปธน.คนใหม่ของสหรัฐยังได้ประกาศกระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงานครั้งใหญ่ ด้วยการก่อสร้างสาธารณูปโภคทั่วสหรัฐฯ โดยสร้างถนนใหม่ ทางหลวง สะพาน สนามบิน อุโมงค์ และทางรถไฟทั่วประเทศ
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$1.05 อยู่ที่US$52.42ต่อบาร์เรล อยู่ระหว่างติดตามการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะมีขึ้นที่กรุงเวียนนา ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบระดับการปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตของประเทศสมาชิก อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด หลังมีการเปิดเผยล่าสุดว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.89 2 2.98
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 56,408.80
สถาบัน 176.6
บัญชีหลักทรัพย์ -359.54
ต่างประเทศ 3,737.50
ในประเทศ -3,554.56
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้นส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 2.47% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.24 อยู่ที่ 11.54
หุ้นแนะนำ : SCC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788