- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 23 January 2017 17:01
- Hits: 1621
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET เริ่มฟื้น แต่ต้องระวังผันผวนและอ่อนลงอีก ทยอยซื้อลบดีกว่า
ตลาดหุ้นวานนี้ : หลังจาก SET เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนตั้งแต่วันก่อนหน้า ขณะที่ในวันศุกร์บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศไม่เลวร้ายนัก โดยเริ่มมีแรงซื้อเก็งกำไรการเข้ารับตำแหน่งของ ปธน.สหรัฐคนใหม่ช่วยหนุน ทำให้ SET ขยับบวกได้ดีตั้งแต่ช่วงครึ่งวันแรก ก่อนจะทรงตัวผันผวนในด้านบวกจนปิดตลาด ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : แม้ว่าการกล่าวสุนทรพจน์ หลังทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ ปธน.สหรัฐคนใหม่ จะยังยืนยันชัดเกี่ยวกับนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ซึ่งหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกได้เกือบ 100 จุด แต่ก็ถือว่ากดดันต่อตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ไม่มากนัก เพราะถือว่ายังไม่ได้มีรายละเอียดชัดเจน ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าเล็กน้อยอยู่ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังฟื้นตัวได้ เพื่อลุ้นผลตรวจสอบระดับการปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตของประเทศสมาชิก ซึ่งจะมีขึ้นที่กรุงเวียนนาในวันนี้ อย่างไรก็ตามแม้ว่า SET มีโอกาสบวกตามตลาดหุ้นภูมิภาคได้อีก แต่ FSS คาดว่ากรอบบวกยังค่อนข้างจำกัด และยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งผันผวน รวมทั้งอ่อนตัวลงอีกได้ เพื่อรอความชัดเจนจากประเด็นต่างๆ อีกครั้ง
กลยุทธ์ : เราจึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ปรับลงดีกว่าเช่นเดิม
แนวรับ 1560-1557 , 1555-1552 จุด
แนวต้าน 1564-1566 , 1568-1570 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : ATP30, BWG, TKN(short)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$81ล้าน นำโดยไทย US$105ล้าน และไต้หวัน US$54ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$61ล้าน และอินโดนีเซีย US$29ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้กล่าวในวันพิธีสาบานตนซึ่งทำให้ทั่วโลกกังวลต่อนโยบายทางการค้าที่จะเอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐเป็นหลักเพื่อดึงความมั่งคั่งกลับประเทศ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ดอลลาร์อ่อนค่าเพราะนักลงทุนไม่มั่นใจในนโยบายทรัมป์ ในวันเข้ารับตำแหน่ง 20 ม.ค. ทรัมป์ยังแสดงจุดยืน “America first” เศรษฐกิจและการค้าต้องเอื้อชาวอเมริกันก่อน (Protectionism) ตรงข้ามกับปธน.สีจิ้นผิงของจีนที่กล่าวในงาน World Economic Forum ก่อนหน้านั้น ตำหนินโยบายปกป้องการค้าในประเทศ แต่ควร Globalization ความแตกต่างทางนโยบายอย่างสุดขั้วของ 2 ประเทศใหญ่จะทำให้ค่าเงินและตลาดหุ้นผันผวนในระยะถัดไป แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะไม่ได้ตอบสนองในเชิงบวกต่อสุนทรพจน์ของทรัมป์มากนักโดบบวกเพียง 95 จุด และค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ซึ่งเป็นอานิสงส์ระยะสั้นต่อตลาดหุ้นเอเชีย แต่เชื่อว่า Fund flow จะยังไม่กลับมาในเอเชียอย่างจริงจังจนกว่าจะผิดหวังกับนโยบายของทรัมป์อีก 100 วันตามสัญญา
(+) ผลการประชุมโอเปกที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ โดยปัจจุบันสามารถลดการผลิตลงแล้ว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากข้อตกลงที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ รัสเซียสามารถลดการผลิตลงได้เร็วกว่าคาด ทำให้ราคาน้ำมันดิบ +2% เก็งกำไรก่อนการประชุม แม้ทิศทางจะขยับขึ้นต่อแต่เชื่อว่า upside มีจำกัดจากปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอีก 29 แท่นเป็น 551 แท่น
(+) KKP กำไรดีกว่าคาด -14% Q-Q, +48% Y-Y เป็น 1.45 พันล้านบาทใน 4Q16 จากการตั้งสำรองที่ลดลงอย่างมาก สำหรับกำไรก่อนสำรอง (PPOP) เป็นไปตามคาด -42% Q-Q, -9% Y-Y ตามการลดลงของรายได้ ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2016 +67% Y-Y เพราะมีการขายเงินลงทุนในธุรกิจหลักทรัพย์และรายได้ดอกเบี้ยจากการปรับโครงสร้างหนี้ กำไรที่ทำไว้สูงปีก่อนทำให้ปี 2017 น่าจะลดลง 3% Y-Y แต่ยังแนะนำซื้อรับปันผล คาด Dividend yield 3.5-4.5% สำหรับงวด 2H16 หรือ 7% ต่อปี ราคาพื้นฐาน 71 บาท
(0) BAY กำไรใกล้เคียงคาด -11.6% Q-Q, +1% Y-Y ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2016 +15% Y-Y BAY เป็นธนาคารเดียวที่ NPL เพิ่มขึ้นผิดคาดโดย +7.6% Q-Q ซึ่งน่าจะเกิดจากการด้อยคุณภาพของลูกค้าในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่รายหนึ่ง ทำให้ NPL ratio ปรับขึ้นเป็น 2.2% จาก 2.1% ใน 3Q16 แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำ เราจึงยังไม่กังวลนัก แต่เราก็ลดคำแนะนำลงเป็นถือ จากเดิมซื้อ เพราะราคาหุ้นที่เหลือ upside เพียง 6% จากราคาพื้นฐาน 42 บาท ทั้งนี้เราคาด Dividend yield 1.3% สำหรับงวด 2H16
(-) CIMBT เพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 9 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 1 บาท เพื่อรักษาระดับเงินกองทุนให้เหมาะสม ทั้งนี้ CIMBT มีผลขาดทุน 630 ล้านบาทในปี 2016 ทำให้ Book value ปรับลงเหลือ 1.08 บาท/หุ้น ราคาหุ้นยังมี Downside ในเชิงพื้นฐานเพราะ Book value จะยิ่งลดลงหลังเพิ่มทุน และผลการดำเนินงานยังฟื้นตัวไม่ชัดเจนเพราะ NPL ยังอยู่ในระดับสูงกว่า 6% แนะนำขายทำกำไร / Switch ไป TISCO, KBANK หรือ TMB
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
24 ม.ค. - ยูโรโซน:Markit Eurozone Manufacturing PMI (ม.ค.)
25 ม.ค. - เกาหลีใต้:4Q16 GDP
- ไต้หวัน: 4Q16 GDP
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ธ.ค.)
26 ม.ค. - ฟิลิปปินส์:4Q16 GDP
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค.)
27 ม.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ธ.ค.)
- สหรัฐ: 4Q16 GDP, คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ธ.ค.)
30 ม.ค. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Pending home sales (ธ.ค.)
31 ม.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ธ.ค.
- BOJประชุม
- ยูโรโซน: 4Q16 GDP
2 ก.พ. - ไทย:อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
- จีน: Manufacturing and Non-Manufacturing PMI (ม.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดบวกได้ครั้งแรกหลังลบมา 5 วันติดต่อกัน หลังจากที่ทรัมป์ได้เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ปิดผสมในกรอบแคบๆโดยตลาดจับตาดูการเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯยกเว้น ญี่ปุ่นซึ่งถูกกดดันจากค่าเงินเยนที่แข็งค่า
(+) ค่าเงินบาทแกว่งตัวค่อนมาในทางแข็งค่า โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.21-35.34 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. พุ่งขึ้น 1.05 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 52.42 ดอลลาร์/บาร์เรล และยังขยับขึ้นต่อเช้านี้โดยตอบรับกับคำแถลงของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่ว่าการปรับลดำลังการผลิตถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 3.4 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,204.9 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า รวมถึงแรงซื้อที่เข้ามาใน Safe Haven หลังยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายและผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch