- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 20 January 2017 18:33
- Hits: 2087
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ "กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย"
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องอีกวัน โดยระหว่างวันปรับตัวลดลงไปกว่า 10 จุด จากแรงกดดันเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯหลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี รวมกับแรงขายของนักลงทุนสถาบันที่มียอดขายสุทธิกว่า 3,000 ล้านบาท โดยกลุ่มที่ปรับตัวลดลงแรงได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (-1.1%) ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก (-1.0%) ปิดตลาดดัชนีลดลง 5.95 จุด (-0.4%) มาที่ 1,554.88 จุด ด้วย Vol. 53,162 ล.บ.
ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
(+/-) ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ย refinance rate ที่ 0%, อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก -0.4%, อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% อีกทั้งคงวงเงิน QE (ม.ค.-มี.ค 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ก่อนที่เดือน เม.ย.-ธ.ค.60 จะเหลือ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน)
(-) EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 2.347 ล้านบาร์เรล (มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มเพียง 0.342 ล้าน) หากแต่ราคาน้ำมันดิบ WTI วานนี้กลับปิด +0.44%Day มาอยู่ที่ 52.12 US/Barrel จากการคาดการณ์ตลาดน้ำมันโลกจะเกิดภาวะการตึงตัว
(-) ราคาถ่านหินร่วงลงวานนี้ 0.95%Day มาอยู่ที่ 83.05 US/Tons แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยราคาถ่านหินในปี 59 ซึ่งอยู่ที 65.84 US/Tons อีก 26%
(-) อ.คณะเศรษฐศาสตร์ มธ.ประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นจะกระทบต่อ 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ อิเล็กฯ, โลจิสติกส์, เคมีชีวภาพ, ยานยนต์, ก่อสร้าง
(-) นางเยลเลน (ปธ. FED) คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2% ในอีก 2 ปีข้างหน้า และคาดว่าตลาดแรงงานจะไม่เข้าสู่ภาวะร้อนแรงเกินไป พร้อมกับกล่าวว่า FED จำเป็นต้องเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้รวดเร็วขึ้น ชี้เป็นความเสี่ยงหากตรึงดบ.ต่ำนานเกินไป
(+) ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านสหรัฐประจำเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 1.226 ล้าน (+11.3%MoM) ถือว่าดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5%MoM
(+) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐประจำสัปดาห์อยู่ที่ 2.34 แสนราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 2.49 แสนราย
(+) TASCO ผู้บริหารฯ คาดปี 60 เป็นปีที่ดี ผลจากการที่รัฐบาลมีงบลงทุนซ่อม/สร้างถนนเพิ่ม รวมทั้งการซ่อมถนนภาคใต้หลังน้ำท่วม อีกทั้งราคายางมะตอยในตลาดโลกล่าสุดปรับเพิ่มขึ้น 30% เทียบสิ้นปี 59
(+/-) ค่าเงิน USD ยังคงแข็งค่าอยู่ สะท้อนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาแข็งแกร่ง ล่าสุด Dollar Index อยู่ที่ 101.2 (+0.02%Day) หากแต่ Trump ต้องการเห็นค่าเงิน USD ที่อ่อนค่าลง จึงต้องติดตามนโยบายของทรัมป์
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
Trump จะเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐ ในวันนี้ 20 ม.ค.
เริ่มเข้าสู่ช่วงการประกาศผลประกอบการ 4Q59 เริ่มด้วยกลุ่ม BANK
ตัวเลขสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ GDP4Q59 จีน (20 ม.ค.), ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆของจีนทั้งยอดค้าปลีก, ดัชนีภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินค้าคงทน (20 ม.ค.)
กลยุทธ์การลงทุน "เลือกรายตัว"
ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มแกว่งกรอบแคบ แม้ว่าจะได้โมเมนตัมบวกจากงบกลุ่มธนาคารที่ประกาศออกมาดีกว่าคาดการณ์ ประกอบกับความกังวลต่อนโยบายต่อ Trump ทำให้คาดว่าจะตลาดจะยังซึมๆ เรายังคงแนะนำเก็งกำไรสั้น โดยมองภาพรวมปันผลอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ตลาดซื้อขายบน PER Trailing ในระดับสูง ทำให้ยังคงมุมมองว่ายังไม่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะกลาง คงให้เก็งกำไรสั้นรายตัว เรายังมอง risk-reward ไม่น่าสนใจ
หุ้นเด่นประเด็นร้อน
TKN เก็งกำไร
ตั้งเป้าขยายสัดส่วนยอดขายต่างประเทศในปี 67 มาที่ 70%
ตลาดคาดช่วง 4Q59 จะรายงานกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ช่วงไตรมาส 1Q60 เปิดใช้โรงงานแห่งใหม่โรจนะกำลังผลิตรวม 6 พันตัน (เริ่มเปิด 2 พันตัน)
AAV เก็งกำไร
เข้าสู่ช่วง High Season ในไตรมาส 1 จากช่วงเทศกาลตรุษจีน
Hedge ราคาน้ำมันไปราว 70% ลดความเสี่ยงจากตลาดน้ำมันขาขึ้น CGS
ประเมินกำไรปี 59-60 ขยายตัว 100% และ 14%
ทีมวิเคราะห์