- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 January 2017 18:40
- Hits: 1243
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
ดัชนีฯลงต่อ (แย่กว่าคาด) ...ถอยไปตั้งหลักใหม่
เมื่อวานดัชนีฯ เลือกที่จะลงมาสร้างฐาน แนวรับ 1,560 จุด ส่งผลโมเมนตั้มสัปดาห์นี้ผิดคาด ไม่สามารถขึ้นผ่าน 1,575 จุด ได้ และมีแนวโน้มที่ดัชนีฯจะ Consolidated ไปถึงต้นสัปดาห์หน้า ตามตลาดหุ้นโลกที่ผันผวนบวกลบ ไร้ทิศทาง จากความกังวล-แรงขายรับวันสาบานตนขึ้นรับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ ของ “ทรัมป์” วันศุกร์นี้ และเมื่อวาน นลท.ต่างชาติขายหนักกว่า 3 พันล้านบาท
วันนี้คาด ดัชนีฯ ลงสร้างฐานแนวรับ 1,555/1,550 จุด แนวต้าน 1,568 จุด เมื่อวานหุ้นเชื่อมโยงอุตสาหกรรมกลุ่มสื่อสารฯ (โดยเฉพาะ DTAC JAS MONO) ขึ้นดีกว่าตลาด และ หุ้น Local play ตัวเล็กๆ ยังคงเล่นดีกว่าตลาด ตามภาวะดัชนีฯที่แกว่งออกข้างไร้ทิศทาง...กลยุทธ์ ระยะสั้นแนะนำเล่นตามน้ำ หุ้นเชื่อมโยงกลุ่มสื่อสารฯ ตามโมเมนตั้มทางเทคนิค
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด วันนี้ประชุม ECB คาดส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลาย, ส่วนแรงขายทำกำไรจาก นลท.ต่างชาติรอบนี้ คาดจะมีอยู่บ้าง แต่มองไม่ขายหนักต่อเนื่องจนกดดันให้ตลาดหุ้นไทยดิ่งลงแรง อิงสัดส่วนถือครองหุ้นไทยปัจจุบัน 29% ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี ที่ 32%
แนวโน้มระยะสัปดาห์ โมเมนตั้มตลาด เริ่มเปลี่ยนไปในเชิงลบ เป็นผลจากข่าวด้านลบ เรื่องการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) ในประเทศ และการ Sell on fact งบแบงก์ (KBANK กำไรแย่กว่าเราคาด, TMB TCAP ตามคาด) ส่งผลให้ดัชนีฯไม่สามารถกลับขึ้นไปปิดเหนือ 1,575 จุด ได้ จึงมองว่ามีโอกาสที่ดัชนีฯ จะกลับลงมาพักฐานอีกครั้ง และเรายังคงใช้แนวรับ 1,560 +/- 5จุด เป็นจุดเฝ้าระวังเพื่อตัดขาดทุนสำหรับรอบนี้
ระยะเดือน มค. คาดมีโอกาสที่จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 2015 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค. เราแนะนำ เริ่มมองข้ามช็อตไปเดือนหน้าที่คาดว่าตลาดมีแนวโน้มจะหันไปโฟกัสที่หุ้นปันผลสูง เราเชื่อว่า Downside หุ้นเหล่านี้จะมีจำกัด และแนะนำ เริ่มซื้อสะสม
กลยุทธ์ลงทุนระยะเดือน (มค.-กพ.) คาด ช่วงเวลาก่อนเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานปี 2016 ที่จะออกในเดือน กพ. 2017 ตลาดจะมีการคาดการณ์ถึงผลประกอบการปี 2016 หรือ Earning previews ซึ่งหลังจากรู้ตัวเลขงบการเงินเบื้องต้น คาดจะส่งผลให้ตลาดโฟกัส (เลือกลงทุน) ไปที่หุ้นที่ ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง ดังนั้นเราเริ่มแนะนำ สะสมหุ้นที่คาดจะให้ผลตอบแทนเงินปันผลปี 2016 (หักระหว่างกาลแล้ว) สูงกว่า 4% ขึ้นไป (เช่น GLOW IRPC KTB TCAP JASIF ฯลฯ)
หุ้นแนะนำวันนี้ หุ้นเล่นตามโมเมนตั้มทางเทคนิคคอล JAS แนวรับ 8.70 บ. ต้าน 9.10 บ. Stop loss 8.5 MONO แนวรับ 3.60 บ. ต้าน 3.82 บ. Stop loss 3.5 บ.
รายงานวันนี้
(+) BKD ลงนามสัญญารับเหมาตกแต่งภายใน"สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์"มูลค่า 718.75 ลบ. โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 12 (set.or.th) / ความเห็น BLS Research งานดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมี backlog สูงถึง 1,500 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรปี 2017 คาดเติบโตสูง นอกจากนี้ในระยะสั้นคาดหุ้นมีปัจจุยหนุนจาก คาดกำไร 4Q16 มีโอกาสเป็นจุดสูงสุดของปีที่ 70 ล้านบาท และคาดบริษัทจะมีกำไรพิเศษราว 320 ล้านบาท ในช่วง 1H17
(0/-) KBANK เรามองปี 2017 การดำเนินงานของธนาคารจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น โดยใน 1H17 จะเป็นช่วงที่จัดการกับปัญหาสินเชื่อที่มีปัญหา และ 2H17 คาดธนาคารจะกลับสู่โหมดการเติบโต โดยเป้าหมายยอดสินเชื่อจะเติบโตราว 4-6% ในปีนี้ อย่างไรก็ดี ส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) โอกาสขยายตัวยังคงจำกัด ส่งผลให้ประมาณการของเรามี downside เนื่องจากเราคาด สินเชื่อจะเติบโตราว 7% (มากกว่าเป้าหมายธนาคาร) เรามองว่าควรรอให้ผลประกอบการฟื้นตัวก่อนจึงจะถึงเวลาเข้าซื้อ หลังจากงบ 1Q17 ประกาศ ดังนั้นเราคงคำแนะนำ ถือ
(+) TCAP รายงานกำไร 4Q16 ที่ 1.7 พันล้านบาท, เพิ่มขึ้น 25% YoY และ 13% QoQ. กำไรมากกว่าคาด 11% และมากกว่าตลาดคาด 6% คาดกำไร 1Q17 กำไรจะไม่ถูกกดดันจาก การตั้งสำรองที่ เพราะธนาคารมี coverage ratio สูงถึง 151% แล้วในปี 2016 ดังนั้นเราปรับประมาณการการตั้งสำรองลง ส่งผลให้ประมาณการกำไรในปี 2017-18 ปรับเพิ่มขึ้น 8% เป็น 6.4 และ 7.0 พันล้านบาท และปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ ราคาเป้าหมาย 55 บาท
(+) TICON กลุ่ม Frasers ได้ชำระเงินหุ้นเพิ่มทุนเป็นที่เรียบร้อยราว 1.3 หมื่นล้านบาท เราคาดการจ่ายเงินครั้งนี้จะหนุนการเติบโตของธุรกิจเดิมซึ่งคาดจะทำจุดต่ำสุดใน 2016 และเข้าสู่ช่วงขาขึ้นตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นไป จากการหยุดขายสินทรัพย์ เข้ากอง REIT โดยจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งดอกเบี้ยจ่ายจะลดลงอย่างมาก จากการเตรียมเงินไว้จ่ายหนี้ กว่า 8.8 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวขึ้นจาก 28% ในปี 2017 เป็น 46% ในปี 2019 และประเด็นการเข้ามาของกลุ่มเฟเซอร์ นอกจากเงินทุนที่จะเข้ามาช่วยลดหนี้แล้วยังเกิดการสร้างฐานที่แข็งแกร่งในระยะยาว ทั้งการขยาย กลุ่มของลูกค้าและการขยายตัวของบริษัท และเนื่องจากเฟเซอร์เป็นเหมือนมือขวาของกลุ่ม TCC นั่นหมายถึงโอกาสที่จะได้ลูกค้าเพิ่มเติมจากกลุ่ม TCC เข้ามา ซี่งเรายังไม่ได้รวมในประมาณการ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 23 บาท
(+) PLANB รายงานตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาทำจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน ต.ค. และค่อยๆฟื้นตัวกลับมาในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ซึ่งหากพิจารณาเฉพาะกลุ่มสื่อนอกบ้านพบว่า ทำจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน ต.ค. เช่นกัน และยังคงเติบโตได้ดีกว่ากลุ่มใน 4Q16 ที่ 28% YoY เรามองว่ากำไรใน 1Q17 น่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งจากการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณา, การรับรู้รายได้จากโรงการใหม่ทีเร่มใน 3Q16 มากขึ้นและรายได้จากการบริหาร FAT และ TPL เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2017 ขึ้น 2% มาที่ 575 ล้านบาท และปรับกำไรปี 2018-2020 ขึ้นเฉลี่ย 17% สะท้อนสมมติฐานการต่อสัญญากับ Hello Bangkok ราคาเป้าหมายปรับขึ้นมาอยู่ที่ 8.20 บาท (จาก 5.70 บาท) และยังคงคำแนะนำ ซื้อ
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) VIBHA ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน รพ.วิภาราม เป็นเงินรวม 57.08 ล้านบาท และ วิภาราม-ชัยปราการ 163.07 ล้านบาท โดยรับรู้เงินปันผลเข้ามาในงบ (ที่มา ตลท.)
(+) S, DAII สิงห์เอสเตท (S) แจ้งตลาด ได้ซื้อหุ้น DAII โดย 17 มค. ได้มาซึ่งหุ้น DAII แล้วเป็นจำนวน 55.79% ของสิทธิการออกเสียงของกิจการ (ที่มา ตลท.)
(+) BKD ลงนามรับงาน ตกแต่งภายใน สถาบันการแพทย์ จักรีนฤบดินทร์ มูลค่า 718.75 ลบ. (ที่มา ตลท.)
(0) STA ทุ่มเงิน 6.57 พันล้านบาท ซื้อหุ้น SSC หรือสยามเซมเพอร์เมด เป็น 90.2% จาก 40.2% พร้อมขาย บ.ร่วม แลกยุติข้อพิพาท (ที่มา ตลท./Hooninside/ASPEN)
ปัจจัยที่มีผล
(+/-) สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีฯ เชื่อมั่น นลท. 3 เดือน ทรงตัว อยู่ที่ 102.99 ปัจจัยกังวลหลักๆ คือเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหล เข้า-ออก เร็ว ส่งผลให้ตลาดผันผวน (ที่มา FETCO)
(*) กลต.เผย บริษัทฯใน และ นอกตลาด ผิดนัดชำระคืนหุ้นกู้-ตั๋ว B/E ในรอบ 12 เดือน แค่ 0.03% (ที่มา กลต.)
(+) ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค.59 อยู่ที่ระดับ 88.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 87.6 ในเดือนพ.ย. ซึ่งดัชนีเชื่อมั่นฯ ในเดือนธ.ค.นี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และสูงสุดในรอบ 22 เดือน โดยค่าดัชนีฯ ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
(-/0) เมื่อวาน US Consumer prices ธค. +0.3% จาก +0.2% m-m. ตามคาด และ +2.1% y-y เกินเป้า 2% ของเฟด, US Industrial production ธค. +0.8% ดีกว่าคาด +0.7% จาก -0.4% m-m. (ที่มา Bloomberg) / ส่งผลค่าเงินดอลล์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็วเมื่อคืนนี้
(+) พฤหัส US Housing starts คาด +1195k จาก 1090k., ประชุมธนาคารกลางยุโรป คาด deposit rate -0.4% คงที่ ส่วน refi คงที่ 0%. ประชุมธนาคารกลางมาเลเซีย คาดคงดอกเบี้ย 3% ธนาคารกลางอินโดนีเซียคาด คงดอกเบี้ย 4.75% (ที่มา Bloomberg)
(+) ศุกร์ จีน GDP 4Q16 คาด +6.7% คงที่,จีน Industrial production ธค. คาด +6.1% จาก 6.2%, UK Retail sales, ไต้หวัน ส่งออก ธค.คาด 10.7% จาก 7% (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค