- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 January 2017 17:39
- Hits: 1639
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวรับสำคัญ 1550-1552 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายต่อเนื่อง
SET Index: 1554.67 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลุดแนวรับที่ 1560 จุดลงไป แต่มูลค่าการซื้อขายไม่สูงมาก จึงทำให้การปรับตัวลดลงในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิคที่บริเวณแนวรับสำคัญที่ 1550 จุดกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1580 จุด แต่ถ้าปรับตัวลดลงหลุดระดับ 1550 จุดลงไป จะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1530 และ 1500 จุด
แนวต้าน : 1558 และ 1560
แนวรับ : 1552 และ 1550**
CPALL = 58.50 / 60.00, IVL = 34.00 / 35.00, DTAC = 42.50 / 44.00, IRPC = 5.15 / 5.25, GUNKUL = 6.20 / 6.40
Arrow Syndicate (ARROW TB; THB 17.70) -ซื้อ
แนวต้าน : 18.50 และ 19.00
แนวรับ : 17.70 และ 17.50 ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างแข็แกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐาน ล่าสุด ราคาหุ้นสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ ARROW โดยมีแนวรับที่ 17.70 และ 17.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 18.50 และ 19.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 17.10 ลงไป
Business Alignment (BIZ TB; THB 5.55) -ซื้อ
แนวต้าน : 5.80 และ 6.00 / แนวต้านสำคัญ 6.10
แนวรับ : 5.55 และ 5.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในระยะสั้นต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ BIZ โดยมีแนวรับที่ 5.55 และ 5.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.80 และ 6.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.25 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...หุ้นกลุ่มพลังงานมีช่องให้ขึ้นน้อยลง
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานที่เป็นโรงกลั่นและผลิตสำรวจปิโตรเลียม ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบหลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังแกว่งในกรอบ 55+/- ดอลลาร์ต่อบารเรล์ เพราะนักลงทุนยังรอดูงบ Q4/16 ที่คาดว่าส่วนใหญ่จะออกมาดีทั้ง YoY และ QoQ% เรามองว่าหากราคาน้ำมันขยับตัวขึ้นไปยืนเหนือ 60 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ หรือผลการดำเนินงาน Q4/16 ออกมาดี ก็ไม่น่าจะที่ดึงให้ดัชนีกลุ่มพลังงานทั้ง 9 บริษัท (PTT PTTEP TOP IRPC PTG SPRC BCP ESSO GPSC) ขึ้นไปได้มาก ยกเว้นอาจจะมีบางตัวที่โยงโดยตรงกับน้ำมันที่อาจขึ้นได้ อย่าง PTTEP หรือหุ้นที่ผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าคาดมากๆ
รูปด้านซ้าย เราแสดงความสัมพันธ์ของราคาน้ำมันเบรนท์ เทียบกับดัชนีกลุ่มพลังงาน 9 บริษัท โดยใช้ความถี่รายวันนับตั้งต่ปี 2010 ถึงปัจจุบัน โดยมีค่า Fitted line และค่า +/-1 SD เพื่อดูว่าดัชนีกลุ่มพลังงาน เทียบกับราคาน้ำมัน แพงไปหรือไม่ เราพบว่าปัจจุบันหุ้นพลังงานทั้ง 9 บริษัทได้ขึ้นไปเล่นรับข่าวน้ำมันที่ประมาณ 60+/- ดอลลาร์/บาร์เรลไปแล้ว เพราะตอนนี้ดัชนีกลุ่มพลังงานขึ้นไปเล่นที่ค่าสูงกว่า +1SD หรืออาจขึ้นไปที่ +2SD ปัจจุบันดัชนีกลุ่มพลังงานขึ้นไปเล่นที่ 240 จุด ซึ่งเทียบราคาน้ำมันเบรนท์ที่ประมาณ 100 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ซึ่งดูได้จากรูปด้านขวา ดัชนีกลุ่มพลังงานทั้ง 9 บริษัทขึ้นไปเล่นเกือบจุดสูงสุดในปี 2012 และ 2013 ที่ตอนนั้นราคาน้ำมันทรงตัวเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบารเรล์
แม้ดัชนีกลุ่มพลังงาน จะเริ่มแพงและรับข่าวผลการดำเนินงาน Q4/16 ไปบางส่วน แต่ก็ใช่ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลงทันที เนื่องจากนักลงทุนยังมั่นใจว่าราคาน้ำมันและปิโตรเคมีในปีนี้หรือปีหน้า จะเปลี่ยนเทรนจาก Super Bear เป็น Super Bull ซึ่งจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปีนี้ค่อยๆโตขึ้นนอกนั้นจะเป็นผลจากการฟื้นตัวของกลุ่มพลังงานในต่างประเทศหลังหลายบริษัทออกมาแถลงว่าจะเริ่มมีการลงทุนในการผลิตและสำรวจแหล่งพลังงานเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วง 1 เดือนข้างหน้าหากราคาน้ำมันยังทรงๆ ตัวในระดับ 55+/- ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แรงขายหุ้นพลังงานเพื่อทำกำไรน่าจะเกิดขึ้น เหตุไม่ได้มาจากพื้นฐานของพลังงาน แต่มาจากตลาดหุ้นทั่วโลกโดยรวมน่าจะมีการปรับฐานเกิดขึ้น
หากมีการปรับฐานเกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยซึ่งคาดว่าจะไม่แรง มาจากเหตุผล 1. ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงหลังรับข่าวการรับตำแหน่งประธานาธิบดี 2. การแถลงนโยบายทางการค้าของนาย Donald trump ที่สุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้ง 3. การขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นแรงซื้อของต่างชาติ ตลาดเริ่มแพง และความกังวลปัญหาน้ำท่วมที่อาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ กลุ่มที่เสี่ยงกับแรงขาย ยังคงเป็น พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก โยงท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์
วันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ตลาดรอดูการรับตำแหน่งของนาย Donald trump หากยังไม่มีการแถลงนโยบายเศรษฐกิจ ทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกอาจดีดตัวขึ้นรับข่าวหรือปรับตัวลง ขึ้นอยู่กับว่าตลาดจะมองอย่างไร โดยรวมแล้วผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบกับตลาดหุ้นไทยจะเกิดในสัปดาห์หน้า วันนี้จึงมองว่าตลาดจะนิ่งๆ และแกว่งกรอบแคบต่อไป โดยมีตัวแปรที่ราคาน้ำมันและทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเป็นหลัก วันนี้มองแนวต้านที่ 1564-1568 จุดและแนวรับที่ 1555-1550 จุด วันนี้แนะนำ เก็งกำไร TCAP และ LH
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,554.67 จุด ลดลง 6.16 จุด (-0.39%) มูลค่าการซื้อขาย 25,791.75 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับลง โดยมีแรงกดดันจากกลุ่มธนาคาร และค้าปลีก รวมทั้งแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิกว่า 3 พันล้านบาท ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งทั้งบวก-ลบ ขณะที่นักลงทุนยังรอดูการแถลงนโยบาย "โดนัลด์ ทรัมปั"ที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ (20 ม.ค.)
Afternoon Perspective…...
แนวโน้มตลาดบ่าย ผันผวนในกรอบ 1550-1560 จุด หาก SET ยังยืนเหนือ 1550 จุด แต่ถ้าหลุด 1550 มีแนวโน้มลงมาที่ 1530 จุด ขณะที่ตลาดยังรอดูการแถลงนโยบายของ " โดนัลด์ ทรัมปั" (ศุกร์นี้) ติดตามทิศทางของค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Arrow Syndicate (ARROW TB; THB 17.70) - ซื้อ
Business Alignment (BIZ TB; THB 5.55) - ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : DAII, COMAN*,PIMO* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]