- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 January 2017 17:26
- Hits: 1683
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ยังไม่ผ่าน 1,570 จุดอีกครั้ง แม้ว่าบรรยากาศรอบเอเชียเอื้อต่อการเกิด Technical rebound แต่ด้วยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้หุ้นขนาดใหญ่เผชิญแรงขายทำกำไรเป็นระยะๆ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,560.83 จุด ลบ 6.01 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 48,884 ล้านบาท
ต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยมากถึง 3,175 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 433 สัญญา แต่ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 มากถึง 17,156 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ติดตามการประชุม ECB คาดคงนโยบายการเงินเช่นเดิม
- ประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- TCAP รายงานงบ 4Q59 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ 6%
- ติดตามการประกาศงบ 4Q59 ของ BBL วันนี้
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก (วันที่ 12)
SET INDEX ปรับฐานลงทดสอบแนวรับ 1,560 จุดวานนี้ สวนทางกับที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า อีกทั้งต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอย่างหนาแน่น ย่อมกดดันจิตวิทยาการลงทุนตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้นนี้มากขึ้น แต่ปัจจัยที่จำกัด Downside risk ของ SET INDEX ในมุมมองของเราคือ ทิศทางค่าเงินบาทจะแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานใน 4Q59 ของบจ.ไทยจะออกมาใกล้เคียงหรือดีกว่าคาด จากภาพรวมเศรษฐกิจใน 4Q59 ที่แข็งแกร่ง
เพียงแต่นักลงทุนทั่วโลกต่างชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ เพราะรอฟังถ้อยแถลงของประธานเฟดคืนนี้ และว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Trump หลังเข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค. เพื่อประเมินทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และความน่าสนใจต่อการลงทุนในยุโรป และสหรัฐฯ ตามลำดับ
เราประเมิน SET INDEX แกว่งแคบมากขึ้นระหว่าง 1,550-1,570 จุด และยังให้น้ำหนักกับการเกิด Technical Rebound จึงแนะนำให้เข้าสะสมหุ้นเป้าหมายที่ผลการดำเนินงาน 4Q59 เติบโตเด่น
Daily Pick
1. เก็งกำไร SCB : ราคาปิด 156.00 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
a) MBKET คาดว่าจะเห็นแรงเก็งกำไรหุ้นธนาคารทียังไม่รายงานผลประกอบการ 4Q59 หลังธนาคารที่รายงานงบแล้วได้แก่ TISCO, TMB, KBANK, TCAP ออกมาใกล้เคียง / ดีกว่าคาดการณ์ของตลาด ขณะที่คุณภาพของสินทรัพย์เริ่มทรงตัว ส่งผลให้การตั้งสำรองลดลง qoq
b) SCB จะรายงานงบ 4Q59 ในวันศุกร์นี้ โดยคาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q59 เติบโต +9% yoy และ +12% qoq เป็น 12,881 ล้านบาท และเชื่อว่ามีโอกาสที่จะออกมาดีกว่าคาดการณ์ของตลาด จากการตั้งสำรองที่ลดลง จากการจัดชั้นลูกหนี้ SSI ใหม่ จากหนี้เสียขึ้นเป็น Special Mention Loan
c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +26.3% yoy เป็น 5.8 หมื่นล้านบาท เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคาร และ Valuation น่าสนใจ ยังซื้อขายระดับ PER2560 ที่ 9.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ 10.3 เท่า
2. เก็งกำไร HMPRO : ราคาปิด 10.40 บาท ราคาเหมาะสม 12.20 บาท
a) คาดกำไรสุทธิ 4Q59 จะเติบโตทั้ง yoy และ qoq เป็น 1,226 ล้านบาท (+7% yoy และ +29% qoq) ทำระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท จากแรงหนุนของงาน HMPRO Expo และมาตรการช็อปช่วยชาติ#2
b) ได้อานิสงค์จากการซ่อมแซมบ้านจากความเสียหายของน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ โดยคาดว่าจะส่งผลให้ความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้าง และเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐฯให้นำค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์จากผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ไม่เกิน 1 แสนบาทมาลดหย่อนภาษีได้ต้งแต่ 1 ธ.ค.2559 - 31 พ.ค.2560
c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +13.4% yoy เป็น 4,570 ล้านบาท จากการขยายสาขาต่อเนื่องส่งผลให้เกิด Economy of Scale และ Valuation น่าสนใจซื้อขายที่ PER2560 ระดับ 30.5 เท่า ต่ำกว่า GLOBAL ที่ 40.7 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
กลับมาขายสุทธิเล็กน้อย US$9 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง US$62 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ไทยอย่างหนาแน่น
นักลงทุนต่างชาติ กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง และมากถึง 3,175 ล้านบาท กดดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิลดลงเหลือ 4,552 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 ลดลงเหลือ 433 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 2,190 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long ต่อเนื่อง ทำให้ S50H17 ยังคงปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 3 เท่ากับ 1.49 จุด แคบลงจากวันก่อนหน้า Discount 2.62 จุด ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิลดลงเป็น 11,960 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 มากถึง 17,156 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 33,701 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลง 1.22bps จากวันก่อนหน้าลดลง 1.56bps ปิดที่ 2.685%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 456 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 722 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 48 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 47 หลักทรัพย์
NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง เน้นลดน้ำหนักกลุ่มพลังงานและค้าปลีก
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาขายสุทธิ 905 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,183 ล้านบาท NVDR เน้นลดน้ำหนักกลุ่มพลังงานสูงสุด 408 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก 260 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง 179 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิกลุ่มธนาคารหนาแน่นเพียงกลุ่มเดียว 322 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป: ประธานเฟด Janet Yellen ให้ความเห็นต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ใกล้เข้าสู่ภาวะการจ้างงานเต็มที่ อัตราเงินเฟ้อขึ้นไปสู่เป้าหมายของเฟดที่วางไว้ 2.0% จึงสมเหตุสมผลที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป การปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยต่ำยาวนานเกินไปอาจกลายเป็นความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อที่สูงเกินไป และ/หรือ ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพในตลาดการเงิน แต่หากเราขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปก็อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงได้อีกเช่นกัน
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลางถึงบวกเล็กน้อย
- อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% mom เท่ากับ Bloomberg consensus คาด 0.3% mom เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.2% mom เนื่องจากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.5% mom
- ผลผลิตภาคอุตฯ เดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.8% mom ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 0.6% mom และฟื้นตัวเด่นจากเดือนก่อนหน้า -0.7% mom เป็นผลจากภาค Utilities ที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2542
ยุโรป
อัตราเงินเฟ้อในเยอรมันทำระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครั้ง: อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.7% yoy ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือก.ค. 2556 เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงและน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
อียูยืนยันไม่มีการเจรจากับอังกฤษก่อนอนุมัติมาตรา 50: EU Commissioner นาย Valdis Dombrovskis ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจากับอังกฤษ กรณี Brexit จนกว่าอังกฤษจะผ่านมาตรา 50 แห่งกรุงลินบอน
อียูให้มุมมองเป็นบวกต่อแผน Brexit ของนายกฯ: รมว. Brexit ของอังกฤษ นาย Davis กล่าวว่า รัฐบาลได้รับความเห็นเชิงบวกจากทาง Brussels ต่อถ้อยแถลงของนายกฯ อังกฤษคืนวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา
เยอรมันกำหนดวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว: รัฐบาลเยอรมันได้กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปอย่างเป็นทางการวันที่ 24 ก.พ.
จีน
ราคาบ้านเดือนธ.ค.ยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว: ราคาบ้านใน 70 เมืองหลักของจีนเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 12.4% yoy แม้ว่าจะชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 12.6% yoy ก็ตาม แต่เพิ่มขึ้น 0.3% mom ชะลอตัวจากเดือนพ.ย. +0.6% mom โดยราคาบ้านในเซินเจินเพิ่มขึ้น 23.5% yoy, เซี่ยงไฮ้ +26.5% yoy และปักกิ่ง +25.9% yoy
ทางการจีนเข้มงวดกับการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ: State-Owned Assets Supervision and Administration Commission (SASAC) ได้เพิ่มระดับการกำกับดูแลการลงทุนในต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจมากขึ้น พร้อมเตรียมกำหนดรายชื่อโครงการที่จะไม่ได้รับการอนุมัติการลงทุน รัฐวิสาหกิจต้องเข้มงวดในการบริหารความเสี่ยงและต้องให้แน่ใจว่าเงินลงทุนในต่างประเทศมีความปลอดภัย ทั้งนี้ก็เพื่อให้การไหลเข้า - ออกของเงินหยวนลดลง สร้างเสถียรภาพของค่าเงินหยวน
ธนาคารกลางจีนอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินก่อนถึงช่วงตรุษจีน: ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินสู่ตลาดเงินสุทธิ 4.10 แสนล้านหยวนในวันที่ 18 ม.ค. เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2548 หลังอัตราดอกเบี้ย RP7 วันพุ่งขึ้น 32bps เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2557 ที่ 2.73% โดยธนาคารกลางเสนอซื้อ RP7 วัน Repo มูลค่า 2.0 แสนล้านหยวน 28 วัน 2.60 แสนล้านหยวน
เอเชียแปซิฟิก
ฟิลิปปินส์มีแผนที่จะขึ้นภาษีเพื่อลดความเสี่ยงต่อการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ: รมว.คลัง ฟิลิปปินส์ ให้ความเห็นว่า ภายในไตรมาสนี้น่าจะสรุปแผนการขึ้นภาษีกับทางสส. เพื่อลดแรงกดดันต่อโอกาสที่จะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ หลังประธานาธิบดี Duterte ไม่ลังเลที่จะสนับสนุนแผนปฎิรูปภาษี เพื่อระดมเงินมาสนับสนุนแผนการลงทุน คาดว่ารัฐบาลจะเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น 1.63 แสนล้านเปโซ หรือ US$3.3 พันล้าน/ปี
ธนาคารกลางอินเดียอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินมากถึง 9.2 ล้านล้านรูปี: ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดียได้ให้ข้อมูลถึงการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงิน 9.2 ล้านล้านรูปี เพื่อทดแทนธนบัตรที่ถูกยกเลิกไปในเดือนพ.ย. 2559 โดยธนบัตร 500 และ 1,000 รูปี หมุนเวียนในระบบการเงินของอินเดีย 15.4 ล้านล้านรูปี ถูกดูดออกจากระบบไปตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.
ไทย
ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนธ.ค.ทำระดับสูงสุดในรอบ 22 เดือน: สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รายงาน ค่าดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 อยู่ที่ระดับ 88.5 จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 87.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 เดือน เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อ ยอดขายและการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี จากมาตรการลดหย่อนภาษีของภาครัฐเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า แฟชั่น อาหาร รวมถึงยานยนต์ และชิ้นส่วนจากงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2016
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst