WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : ทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Remain Uncertainty
     ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังไม่ผ่าน 1,530 จุด ปิดที่ 1,528.98 จุด บวกเป็นวันที่ 2 อีก 9.60 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,262 ล้านบาท
      ทั้งนี้เงินทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 843 ล้านบาท และคงการขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 4,890 ล้านบาท มีเพียง SET50 Index Futures ที่คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 4,223 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้าเท่านั้น กระแสเงินทุนต่างชาติโดยรวมยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน
     SET INDEX วานนี้ยังไม่สามารถปิดยืนเหนือ 1,530 จุด ตามเงื่อนไขทางเทคนิคที่กำหนดไว้ ดังนั้นภาวะการปรับฐานของ SET INDEX จะยังคงอยู่ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ MBKET เชื่อว่า SET INDEX มีโอกาสย่อตัวลงในปลายสัปดาห์นี้ จากการขึ้นเครื่องหมาย XD ของ SCC ในวันพรุ่งนี้ 5.50 บาท และการเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจนถึงต้นสัปดาห์หน้า อาจทำให้นักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนเพื่อปิดความเสี่ยงในช่วงวันหยุดได้เช่นกัน
     ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ จะกลับมาสนใจตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยยะอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ นายกรัฐมนตรี และ ครม. โดยเฉพาะ รมต.ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของเดือนส.ค.นี้น่าจะได้เห็นภาพ บวกกับเม็ดเงินใหม่ของกองทุน Trigger funds ราว 5.0 พันล้านบาทที่น่าจะเริ่มทยอยลงทุนตลาดหุ้นไทยหลังวันหยุดยาวในกลางสัปดาห์หน้า
       ด้านการประชุม กนง. วันนี้ MBKET คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.0% เช่นเดิม และมีแนวโน้มที่จะทรงตัวถึงสิ้นปีนี้
    กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “Swing Trade คือ ขึ้นแรงขาย ลงแรงซื้อ” โดยเฉพาะบริเวณ 1,520-1,530 จุด ที่ควรพิจารณาขายทำกำไร เว้นเสียจาก SET INDEX ทะลุแนว 1,530 จุด
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” SAMART

Portfolio
Top Pick in 3Q14: AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Accumulative Buy: SAMART

Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,530 จุด

SET INDEX ยังอยู่ในช่วงของการพักฐาน หลัง SET INDEX ยังปิดไม่ผ่าน 1,530 จุดวานนี้
อาจเกิดแรงขายปิดความเสี่ยงในช่วงปลายสัปดาห์นี้ บวกกับการขึ้นเครื่องหมาย XD ของ SCC วันพรุ่งนี้
แต่ Downside risk ของตลาดหุ้นไทยเริ่มจำกัดมากขึ้น จากเงินทุนใหม่ของ Trigger Funds

ดังนั้นกลยุทธ์ช่วงสั้น “Swing Trade” ขึ้นขาย ลงแรงซื้อ
ตลาดหุ้นเอเชียวาน ปรับฐานลงเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดลบ 2.02% dod ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเปิดบวกต่อเนื่องจากวานนี้
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดทะลุแนว 1,520 จุด ขึ้นไปแกว่งทดสอบในกรอบแนวต้าน 1,525-1,530 จุด นำโดยหุ้น SCC ซึ่งจะขึ้น XD วันที่ 7 ส.ค. 5.50 บาท รวมถึง ADVANC / INTUCH จากประเด็นเงินปันผลงวด 1H57 ของ ADVANC ที่มากกว่าคาด อย่างไรก็ตาม SET INDEX ยังไม่สามารถผ่าน 1,530 จุดได้ ย่อตัวลงมาปิดที่ 1,528.98 จุด บวกเป็นวันที่ 2 อีก 9.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47,262 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดฟื้นตัวแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่ม Professional +2.46%, กลุ่ม ICT +2.26% และกลุ่มโรงพยาบาล +2.17% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร -0.42%, กลุ่มพลังงาน +0.50% และ กลุ่มอสังหาฯ +1.20%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.36 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดลบเช่นเดียวกับวานนี้ และเป็นไปในทิศทางเดียวกับ DJIA คืนวานนี้เช่นกัน
MBKET คงมุมมองเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 4 โดย SET INDEX วานนี้ยังไม่ปิดผ่าน 1,530 จุดตามเงื่อนไขของทิศทางการลงทุนที่ MBKET ให้ไว้ ภาวะการปรับฐานของ SET INDEX จะยังคงดำเนินต่อไป MBKET เชื่อว่า SET INDEX มีโอกาสย่อตัวลงในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เนื่องจาก
•การขึ้นเครื่องหมาย XD ของ SCC ที่ 5.50 บาท ในวันที่ 7 ส.ค. มีผลกระทบต่อ SET INDEX ราว 0.73 จุด และเป็นที่น่าสังเกตราคาหุ้น SCC ขยับขึ้นมารอรับ XD แล้วเช่นกัน อาจเห็นแรงขายทำกำไรมากกว่าผลกระทบของ XD ในวันพรุ่งนี้
•มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวานนี้ ค่อนไปทางเบาบาง 4.7 หมื่นล้านบาท เทียบกับช่วงก่อนหน้าที่เฉลี่ยซื้อขาย 5.0-5.5 หมื่นล้านบาท/วัน
•ช่วงปลายสัปดาห์นี้จะเข้าสู่วันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการขายเพื่อปิดความเสี่ยงในช่วงกลางสัปดาห์ต่อเนื่อง
แต่ Downside risk ของตลาดหุ้นไทยก็จำกัดเช่นกัน หลังจากการปรับฐานในสัปดาห์ก่อน ระดับ 1,480 จุด น่าจะทำงานได้อย่างแข็งแกร่งในครั้งเช่นกัน อีกทั้งการคาดหวังต่อเม็ดเงินใหม่ที่ทยอยเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่สัปดาห์นี้ ต่อเนื่องถึงสัปดาห์หน้า ผ่านกองทุน Trigger Funds ได้แก่
•UOBAM: ปิดขายวันที่ 29 ก.ค. วงเงิน 2.0 พันล้านบาท น่าจะทยอยเข้าสะสมหุ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์
•KTAM / LH BANK AM/ MFC/ SCBAM / THANACHART Fund ปิดการขายกองทุนราววันที่ 6-7 ส.ค. ประเมินเงินลงทุนใหม่ในส่วนนี้ไม่น่าต่ำกว่า 5.0 พันล้านบาท ที่จะทยอยเข้าลงทุนในสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
สำหรับมุมมองของนักลงทุนต่างชาติ ต่อตลาดหุ้นไทย จากนี้ไป MBKET ประเมินว่า นักลงทุนกลุ่มนี้รอความชัดเจน “นายกรัฐมนตรี และ ครม.” โดยเฉพาะ รัฐมนตรีในตำแหน่งสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงอุตฯ และกระทรวงไอซีที MBKET คาดว่าจะเริ่มเห็นรายชื่อในช่วงครึ่งหลังของเดือนส.ค. หลัง สนช.ประชุมนัดแรก วันที่ 8 ส.ค. เพื่อเลือกประธาน และรองประธานสภาฯ
ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ ตลอดเดือนส.ค. MBKET ให้น้ำหนักค่อนข้างมากต่อประเด็นนี้ ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ได้แก่
•การประกาศรายชื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช) 200 คน พร้อมเปิดประชุมสภาฯ นัดแรกวันที่ 8 ส.ค. เพื่อพิจารณาและคัดเลือกประธาน และรองประธานสภาฯ ต่อจากนั้นจะเป็นการพิจารณานายกฯ และ ครม.คาดว่าจะเป็นกลางเดือนส.ค.นี้
•กำหนดให้เตรียมคำแถลงนโยบายรัฐบาล และงบประมาณต่อ สนช.ให้เสร็จภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเริ่มเข้าสู่ Roadmap ระยะที่ 2 ของคสช.แบบเต็มตัว คาดว่า นายกฯ จะแถลงต่อสนช.ได้ภายในปลายเดือนส.ค.หรือ ต้นเดือนก.ย.เป็นอย่างช้า
•รายละเอียด Roadmap ในด้านต่างๆ ที่คณะทำงานได้รับมอบนโยบายจากทาง คสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเห็นกรอบการทำงานภายในเดือนส.ค. พร้อมสรุปผลงานทุกๆ ไตรมาส
•แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท คสช.อนุมัติในหลักการวานนี้ ลำดับถัดไป สนข ต้องเร่งจัดทำรายละเอียดของแผนการลงทุนทั้ง 5 ส่วนที่นำเสนอ
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “Swing Trade โดยขึ้นขาย ลงแรงซื้อ โดยแนวรับต่ำกว่า 1,500 จุดในระลอกนี้ เป็นจุดตัดสินใจสะสมหุ้นหลักในอัตราเร่ง” เพราะเชื่อว่าเม็ดเงินใหม่จากกองทุน Trigger Funds จะเป็นตัวแปรสำคัญในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ภายใต้ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.การประชุมกนง.วันนี้ คาดคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วัน: หลังอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.ของไทย เท่ากับ 2.16% yoy ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 2.40% yoy ทำให้แรงกดดันต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายคลายตัวลง MBKET เชื่อว่า การประชุม กนง.วันนี้ จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 2.00% และมีความเป็นไปได้สูงที่ กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปจนถึงสิ้นปีนี้
2.เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียทุกตลาดวานนี้: โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดไต้หวันที่ปรับตัวลง 2.00% dod วานนี้ หลัง Morgan Stanley ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไต้หวันจากเดิม Overweight เป็น Equal-weight อีกทั้งผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไต้หวันออกมาต่ำกว่าคาด
ภาพรวมตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชีย ณ ปัจจุบัน ซื้อขายที่ PER14-15 โซนแพง เป็นส่วนใหญ่ สะท้อนความคาดหวังเชิงบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วง 2H57 ไปค่อนข้างมากแล้ว อีกทั้ง ผลตอบแทนจากการลงทุน YTD เทียบกับ MSCI AP exc Japan เป็น Premium แทบทุกตลาด ยกเว้น Kopsi (-5.20%), Taiex (-1.59% หลังปรับฐานลงแรงวานนี้) ดังนั้นการเคลื่อนไหวของกระแสเงินทุนต่างชาติต่อตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ ยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน
3.อีกทั้งนักลงทุนกังวลต่อการลงทุนในสหรัฐฯ มากขึ้น: ดังจะเห็นได้จากดัชนี Fear and Greed ของดัชนี S&P500 ณ ระดับปิดวานนี้ อยู่ในระดับ “Extreme Fear” เทียบกับ 1 เดือนก่อนหน้าที่อยู่ในเกณฑ์ “Extreme Greed” จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ DJIA ในช่วงนี้จะปรับฐานลง จากความกังวลของนักลงทุน

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.28 13.31 15.21 13.20
PSE 19.63 17.02 19.69 17.07
JSE 16.51 14.08 16.54 14.10
KOSPI 10.52 9.15 10.54 9.18
TAIEX 14.86 13.58 15.15 13.86
Straits Time 14.64 13.46 14.63 13.43
SHCOMP 8.82 7.80 8.84 7.82
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.SAMART : ราคาปิด 23.60 บาท ราคาเหมาะสม 26.00 บาท
a)MBKET ประเมินว่า SAMART ได้อานิสงค์เชิงบวกทางจิตวิทยา และเป็นทางเลือกที่ดูเด่นในกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากทางเลือกการลงทุนในกลุ่ม ณ ปัจจุบันค่อนข้างจำกัด เนื่องจาก
1.หุ้นสื่อสารขนาดใหญ่ ได้แก่ ADVANC, DTAC มี Overhang จากการเลื่อนประมูล 4G
2.และ JAS มีประเด็นลบหลังถูก TT&T ยื่นฟ้องอคิวเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อบังคับให้ดำเนินการขายหุ้น Triple T Broadband คืนให้กับ TT&T
b)SAMART มีความโดดเด่นที่การขยายตัวของกำไร โดยจะรายงานกำไรสุทธิ 2Q57 ในวันศุกร์นี้ และคาดว่าจะเติบโต +13.4% yoy และ +3.1% qoq เป็น 405 ล้านบาท ทำระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท
c)ทิศทางผลประกอบการ 3Q57 คาดกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้จำหน่ายกล่อง Set Top box ของทีวีดิจิตอลที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และผลประกอบการของ SIM จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ SAMTEL จะมีการรับรู้รายได้งานโครงการเป็นจำนวนมากใน 2H57
d)คาดกำไรปกติปี 2558 เติบโต +29.4% yoy เป็น 1,860 ล้านบาท และเติบโต +11.6% yoy เป็น 2,076 ล้านบาท ในปี 2558 และคาดการณ์เงินปันผล 1H57 หุ้นละ 0.45 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.9%
e)มูลค่าเงินลงทุนที่ SAMART ถืออยู่ในบริษัทลูก ได้แก่ SIM, SAMTEL และ OTO คิดเป็น NAV สุทธิต่อหุ้นสูงถึง 19.00 บาท หรือเทียบเท่าว่าตลาดให้มูลค่าของธุรกิจที่เหลือ ได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่าย Set top box และเสาอากาศ, ธุรกิจควบคุมการจราจรทางอากาศในกัมพูชา, ธุรกิจโรงไฟฟ้า ฯลฯ เพียง 4.60 บาท
f)แผนการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ และการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนเพิ่มเติมใน ตลท. เป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมในราคาเหมาะสมของเรา

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ดุลการค้า

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติขายสุทธิ US$645 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิอีก US$114 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -604.3 45.3 10,891.4 9,188.0
KOSPI n.a n.a 7,190.6 4,875.1
JSE -11.1 76.2 5,020.9 -1,806.4
PSE -0.9 -42.3 963.7 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -2.7 1.5 277.1 263.2
SET INDEX -26.2 33.0 -828.2 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเร่งปิดสถานะ Short ใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -843 +1,060
SET50 Index Futures (สัญญา) +4,223 +5,021
SSF (สัญญา) +1,987 +170
Metal Futures (สัญญา) -113 +1,230
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -4,890 -5,438

นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 843 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิขยับขึ้นเป็น 27,520 ล้านบาท
แต่ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 4,223 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 9,244 สัญญา เทียบกับตลอด 4 วันทำการก่อนหน้า short สุทธิ 9,172 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเร่งปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 10.01 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 8.65 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 113 สัญญา เทียบกับตลอด 6 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิเท่ากับ 1,757 สัญญา น่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Long เมื่อราคาทองคำในตลาดโลกไม่สามารถกลับมายืนเหนือ US$1,300 ได้ อีกทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างโดดเด่นระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 4,890 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 10,580 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงอีก 1.05bps ปิดที่ 3.627%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 1,118 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 934 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 171.81 14.16% 326.63
KBANK 83.14 9.30% 214.88
ADVANC 81.95 3.98% 215.90
TRUE 61.00 1.90% 9.98
SCB 48.53 7.15% 182.92

NVDR กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง เน้นกลุ่มธนาคาร และ ICT
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาขายสุทธิมากถึง 1,436 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 888 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 713 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 798 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 393 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 590 ล้านบาท กลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 225 ล้านบาท และกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 185 ล้านบาท
2.กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 233 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 201 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซื้อสุทธิ 14 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
LH 79.48 14.89 INTUCH -195.78 10.84
SPALI 70.65 25.35 BBL -183.76 33.28
GOLD 47.28 19.15 PTTGC -178.64 20.89
HEMRAJ 40.98 31.65 KBANK -168.28 35.52
JAS 40.02 1.83 PTT -167.84 10.04

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!