- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 18 January 2017 18:26
- Hits: 2626
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ยังมีความผันผวน? แต่คาดยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยที่ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ แต่แนะติดตามประเด็นต่างประเทศที่คาดมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ไป (1) ความคาดหวังต่อการประกาศนโยบายอย่างเป็นทางการของนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20/1/60 คาดเป็นไปตามที่ทรัมป์หาเสียงไว้ ซึ่งเน้นนโยบายการคลัง ทั้งการผ่อนคลายกฎระเบียบภาคอุตสาหกรรม การปฏิรูปภาษี รวมถึงการใช้งบประมาณ 1.0 ล้านล้านUSD ในการสร้างสะพาน ถนน และโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ
และ (2) ผลกระทบจากประเด็น Brexit ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในช่วงมี.ค. นี้เป็นต้นไป คาดใช้เวลาประมาณ 2 ปี
ทางด้านประเด็นในประเทศ แนะติดตาม Fund Flow โดยเฉพาะการกลับเข้ามาซื้อสุทธิของต่างชาติ หลังเงินบาทแข็งค่าขึ้น ขณะที่สถาบันในประเทศ ล่าสุดขายสุทธิ กว่า 900 ล้านบาท พร้อมแนะติดตาม (1) ระยะสั้นต่อประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ B/E โดยเฉพาะ บจ. ขนาดเล็ก ที่อาจกระทบความเชื่อมั่น และภาวะการเงินตึงตัว เป็นต้น และ (2) อยู่ในช่วงทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี’59 คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงก.พ.’60 รวมถึงเงินปันผล
อย่างไรก็ตามยังมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี’60 ภายใต้ (1) การลงทุนของภาครัฐ ที่ได้แรงขับจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (2) รายได้เกษตรกรที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และสถานการณ์ภัยแล้งที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง และ (3) การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ล่าสุด กกร. ปรับเพิ่มเป้าหมายส่งออกจากเดิม 0 – 2.0% เป็น 1.0 – 3.0% รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และ (4) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวไทย ซึ่ง ททท. คาดว่าทั้งปี’ 60 อยู่ที่ 34 - 35 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 32.59 ล้านคน เมื่อปี’59 พร้อมคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% จาก 1.64 ล้านล้านบาท เมื่อปี’59 เป็น 1.8 ล้านล้านบาท
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC
SET SET50 SET100
1,566.84 -4.96 976.82 -2.92 2,208.43 -6.98
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -58.96, NASDAQ -35.39, S&P -6.75, FTSE -106.79, CAC -22.49 และ DAX -14.71
หลังนายกฯ อังกฤษ ระบุแผนการของอังกฤษในการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และจะหาทางทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (EU) รวมทั้งระบุว่าจะทำให้อังกฤษกลับมามีอำนาจใช้กฎหมายของประเทศ โดยการถอนตัวออกจากศาลยุติธรรมยุโรป (ECJ) และจะทำให้อังกฤษสามารถควบคุมการเข้าประเทศของชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากยุโรป ซึ่งจะเริ่มกระบวนการเจรจาข้อตกลง Brexit กับEU ช่วงสิ้นเดือนมี.ค. และจะใช้เวลา 2 ปี อย่างไรก็ตามข้อตกลง Brexit ขั้นสุดท้ายจะต้องผ่านการลงมติในรัฐสภา
และยังได้รับปัจจัยลบ หลังนายทรัมป์ ระบุว่าเงินสหรัฐฯ แข็งค่าเกินไป จากการที่จีนพยายามทำให้เงินหยวนอ่อนค่าลง ซึ่งทำให้บริษัทของสหรัฐฯ ไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทของจีนได้
ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) – ม.ค. อยู่ที่ 6.5 ขยายตัวเป็นเดือนที่ 3 จากคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. +US$0.11 อยู่ที่US$52.48ต่อบาร์เรล หลังเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด ภายใต้ความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานส่วนเกิน รวมถึงความไม่มั่นใจว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันอาจไม่ดำเนินการปรับลดการผลิตตามที่ได้มีการตกลงกันไว้
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
18.92 2 2.97
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 50,193.03
สถาบัน -924.13
บัญชีหลักทรัพย์ 20.54
ต่างประเทศ 1.49
ในประเทศ -902.1
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI ในขณะที่ CPN จะได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้นส่วน BANPU ได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูง
(6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(7) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจสนามบิน เช่น AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.05 อยู่ที่ 2.33% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.64 อยู่ที่ 11.87
หุ้นแนะนำ : WORK
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788