- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 17 January 2017 18:39
- Hits: 7704
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
เริ่มฤดูกาลตามล่าหาหุ้นปันผลสูง (ดักปันผลปี 2016)
วันนี้คาดดัชนีฯ Sideways กรอบ 1,566-1,579 จุด ตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่บวกลบคละกัน และปริมาณการซื้อขายชะลอลง เป็นผลจากตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการเมื่อวาน และ วันนี้รอดูแผนรับมือตลาดการเงินจากธนาคารกลางอังกฤษ หลังอังกฤษเริ่มขั้นตอน การออกจากสมาชิกภาพยุโรป
แนวโน้มระยะสัปดาห์ โมเมนตั้มตลาด เริ่มเปลี่ยนเป็นผลจากข่าวด้านลบ เรื่องการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) ในประเทศ ซึ่งรองนายกฯ สมคิดแสดงความกังวลเร่งหารือ รมว.คลัง และ กลต.คาดกระทบบรรยากาศการลงทุนช่วงสั้น คาดถ้าภายใน วันอังคาร-พุธ นี้ ดัชนีฯไม่สามารถกลับขึ้นไปปิดเหนือ 1,575 จุด ได้ คาดมีโอกาสกลับลงมาพักฐานแถว แนวรับ 1,565/1,560 จุด อีกครั้ง (และเรายังคงใช้แนวรับ 1,560 +/- 5จุด เป็นจุดเฝ้าระวังเพื่อตัดขาดทุนสำหรับรอบนี้) ส่วนแนวต้านระยะสัปดาห์คงไว้ที่เดิม 1,583/1,595 จุด
ปัจจัยหนุนตลาดระยะสัปดาห์ (1) คาด ECB ส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายในการประชุมพฤหัสนี้ (2) คาดต่างชาติยังคงพักเงินในตลาดหุ้นเอเชีย (รวมหุ้นไทย) จากการประชุม WEF 17 มค.นี้ คาด ปธน.จีนส่งสัญญาณบวกต่อภาวะเศรษฐกิจจีน สนับสนุนต่อการแข็งค่าของค่าเงินหยวน ซึ่งผกผันตรงข้ามกับเงินดอลล์สหรัฐฯที่คาดอ่อนค่า จากวิตกการชุมนุมประท้วงการขึ้นรับตำแหน่งของ ปธน.สหรัฐฯ 20 มค.อาจไม่ราบรื่น (ดอลล์สหรัฐฯ อ่อนค่าคาดเป็นบวกต่อ ราคากลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่เชื่อมโยง) อนึ่งเราไม่คาดว่าแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากวิตกการขึ้นรับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ จะส่งผลให้หุ้นไทยปรับลงแรงตาม
ระยะเดือน มค. คาดมีโอกาสที่จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 2015 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค. เราแนะนำ เริ่มมองข้ามช็อตไปเดือนหน้าที่คาดว่าตลาดมีแนวโน้มจะหันไปโฟกัสที่หุ้นปันผลสูง เราเชื่อว่า Downside หุ้นเหล่านี้จะมีจำกัด และแนะนำ เริ่มซื้อสะสมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
กลยุทธ์ลงทุนระยะเดือน คาด ช่วงเวลาก่อนเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานปี 2016 ที่จะออกในเดือน กพ. 2017 ตลาดจะมีการคาดการณ์ถึงผลประกอบการปี 2016 หรือ Earning previews ซึ่งหลังจากรู้ตัวเลขงบการเงินเบื้องต้น คาดจะส่งผลให้ตลาดโฟกัส (เลือกลงทุน) ไปที่หุ้นที่ ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง ดังนั้นเราเริ่มแนะนำ สะสมหุ้นที่คาดจะให้ผลตอบแทนเงินปันผลปี 2016 (หักระหว่างกาลแล้ว) สูงกว่า 4% ขึ้นไป
หุ้นแนะนำวันนี้ GLOW แนะนำเริ่มสะสมรับปันผล (แนวรับ 79.25 บ. ต้าน 81 บ. Stop loss 78.75 บ.) คาดเงินปันผล 4.292 บ./หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผลที่จะจ่ายรอบนี้ 5.4% สูงที่สุดใน BLS Coverage / BWG TFG BANPU (ดูรายงานวันนี้)
รายงานวันนี้
(+) Tactical Strategy Portfolio ช่วงเวลาก่อนเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานปี 2016 ที่จะออกในเดือน กพ. 2017 ตลาดจะมีการคาดการณ์ผลประกอบการปี 2016 หรือ Earning previews ซึ่งหลังจากรู้ตัวเลขงบการเงินเบื้องต้น คาดจะส่งผลให้ตลาดโฟกัส (เลือกลงทุน) ไปที่หุ้นที่ ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง
ดังนั้นเราจึงมีการปรับพอร์ตเล็กน้อย โดยเพิ่มหลักทรัพย์ ที่คาดจะให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง จากผลการดำเนินงานปี 2016 หลังหักปันผลระหว่างกาลแล้ว เราแนะนำเพิ่ม หลักทรัพย์ที่ให้ Dividend yield สูงสุด 3 อันดับแรก พิจารณาจากหุ้นที่ BLS Coverage อยู่ทั้งหมด แนะนำ GLOW IRPC KTB เข้ามาแทนหุ้น TACC COM7 BCPG
(+) BWG คาดราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นสะท้อนมูลค่าโรงไฟฟ้าที่กำลังจะขายไฟฟ้าฯ (COD) ใน 1Q17 นี้ คาดมูลค่าโรงไฟฟ้าราว 0.25 บาท/หุ้น จากฐานราคาหุ้นปัจจุบันที่สะท้อนเพียงมูลค่าธุรกิจกำจัดกากฯเท่านั้น นอกจากนี้คาดโรงไฟฟ้าของบริษัทจะสามารถทำกำไรได้ราว 80-90 ล้านบาท/ปี คาดส่งผลให้กำไรปี 2017 จะเติบโตขึ้นทันที 27% เป็น 425 ล้านบาท สำหรับระยะสั้นคาดกำไร 4Q16 ที่ 84 ล้านบาท (เติบโตต่อเนื่อง 14%YoY) จะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนการแรลลี่ของราคาหุ้น เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท (อิงส่วนรวมมูลค่ากิจการ SOTP มูลค่าธุรกิจกำจัดกากฯ 2.25 บาท และโรงไฟฟ้า 1 โรง 0.25 บาท และมีโอกาสปรับขึ้นอีก 0.20 บาท/หุ้น จาก PPA ที่ได้เข้ามารอบล่าสุดอีก 8.5 MW)
เริ่มฤดูกาลตามล่าหาหุ้นปันผลสูง (ดักปันผลปี 2016)
วันนี้คาดดัชนีฯ Sideways กรอบ 1,566-1,579 จุด ตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่บวกลบคละกัน และปริมาณการซื้อขายชะลอลง เป็นผลจากตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการเมื่อวาน และ วันนี้รอดูแผนรับมือตลาดการเงินจากธนาคารกลางอังกฤษ หลังอังกฤษเริ่มขั้นตอน การออกจากสมาชิกภาพยุโรป
แนวโน้มระยะสัปดาห์ โมเมนตั้มตลาด เริ่มเปลี่ยนเป็นผลจากข่าวด้านลบ เรื่องการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) ในประเทศ ซึ่งรองนายกฯ สมคิดแสดงความกังวลเร่งหารือ รมว.คลัง และ กลต.คาดกระทบบรรยากาศการลงทุนช่วงสั้น คาดถ้าภายใน วันอังคาร-พุธ นี้ ดัชนีฯไม่สามารถกลับขึ้นไปปิดเหนือ 1,575 จุด ได้ คาดมีโอกาสกลับลงมาพักฐานแถว แนวรับ 1,565/1,560 จุด อีกครั้ง (และเรายังคงใช้แนวรับ 1,560 +/- 5จุด เป็นจุดเฝ้าระวังเพื่อตัดขาดทุนสำหรับรอบนี้) ส่วนแนวต้านระยะสัปดาห์คงไว้ที่เดิม 1,583/1,595 จุด
ปัจจัยหนุนตลาดระยะสัปดาห์ (1) คาด ECB ส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายในการประชุมพฤหัสนี้ (2) คาดต่างชาติยังคงพักเงินในตลาดหุ้นเอเชีย (รวมหุ้นไทย) จากการประชุม WEF 17 มค.นี้ คาด ปธน.จีนส่งสัญญาณบวกต่อภาวะเศรษฐกิจจีน สนับสนุนต่อการแข็งค่าของค่าเงินหยวน ซึ่งผกผันตรงข้ามกับเงินดอลล์สหรัฐฯที่คาดอ่อนค่า จากวิตกการชุมนุมประท้วงการขึ้นรับตำแหน่งของ ปธน.สหรัฐฯ 20 มค.อาจไม่ราบรื่น (ดอลล์สหรัฐฯ อ่อนค่าคาดเป็นบวกต่อ ราคากลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่เชื่อมโยง) อนึ่งเราไม่คาดว่าแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากวิตกการขึ้นรับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ จะส่งผลให้หุ้นไทยปรับลงแรงตาม
ระยะเดือน มค. คาดมีโอกาสที่จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 2015 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค. เราแนะนำ เริ่มมองข้ามช็อตไปเดือนหน้าที่คาดว่าตลาดมีแนวโน้มจะหันไปโฟกัสที่หุ้นปันผลสูง เราเชื่อว่า Downside หุ้นเหล่านี้จะมีจำกัด และแนะนำ เริ่มซื้อสะสมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
กลยุทธ์ลงทุนระยะเดือน คาด ช่วงเวลาก่อนเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานปี 2016 ที่จะออกในเดือน กพ. 2017 ตลาดจะมีการคาดการณ์ถึงผลประกอบการปี 2016 หรือ Earning previews ซึ่งหลังจากรู้ตัวเลขงบการเงินเบื้องต้น คาดจะส่งผลให้ตลาดโฟกัส (เลือกลงทุน) ไปที่หุ้นที่ ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง ดังนั้นเราเริ่มแนะนำ สะสมหุ้นที่คาดจะให้ผลตอบแทนเงินปันผลปี 2016 (หักระหว่างกาลแล้ว) สูงกว่า 4% ขึ้นไป
หุ้นแนะนำวันนี้ GLOW แนะนำเริ่มสะสมรับปันผล (แนวรับ 79.25 บ. ต้าน 81 บ. Stop loss 78.75 บ.) คาดเงินปันผล 4.292 บ./หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผลที่จะจ่ายรอบนี้ 5.4% สูงที่สุดใน BLS Coverage / BWG TFG BANPU (ดูรายงานวันนี้)
รายงานวันนี้
(+) Tactical Strategy Portfolio ช่วงเวลาก่อนเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานปี 2016 ที่จะออกในเดือน กพ. 2017 ตลาดจะมีการคาดการณ์ผลประกอบการปี 2016 หรือ Earning previews ซึ่งหลังจากรู้ตัวเลขงบการเงินเบื้องต้น คาดจะส่งผลให้ตลาดโฟกัส (เลือกลงทุน) ไปที่หุ้นที่ ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง
ดังนั้นเราจึงมีการปรับพอร์ตเล็กน้อย โดยเพิ่มหลักทรัพย์ ที่คาดจะให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง จากผลการดำเนินงานปี 2016 หลังหักปันผลระหว่างกาลแล้ว เราแนะนำเพิ่ม หลักทรัพย์ที่ให้ Dividend yield สูงสุด 3 อันดับแรก พิจารณาจากหุ้นที่ BLS Coverage อยู่ทั้งหมด แนะนำ GLOW IRPC KTB เข้ามาแทนหุ้น TACC COM7 BCPG
(+) BWG คาดราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นสะท้อนมูลค่าโรงไฟฟ้าที่กำลังจะขายไฟฟ้าฯ (COD) ใน 1Q17 นี้ คาดมูลค่าโรงไฟฟ้าราว 0.25 บาท/หุ้น จากฐานราคาหุ้นปัจจุบันที่สะท้อนเพียงมูลค่าธุรกิจกำจัดกากฯเท่านั้น นอกจากนี้คาดโรงไฟฟ้าของบริษัทจะสามารถทำกำไรได้ราว 80-90 ล้านบาท/ปี คาดส่งผลให้กำไรปี 2017 จะเติบโตขึ้นทันที 27% เป็น 425 ล้านบาท สำหรับระยะสั้นคาดกำไร 4Q16 ที่ 84 ล้านบาท (เติบโตต่อเนื่อง 14%YoY) จะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนการแรลลี่ของราคาหุ้น เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท (อิงส่วนรวมมูลค่ากิจการ SOTP มูลค่าธุรกิจกำจัดกากฯ 2.25 บาท และโรงไฟฟ้า 1 โรง 0.25 บาท และมีโอกาสปรับขึ้นอีก 0.20 บาท/หุ้น จาก PPA ที่ได้เข้ามารอบล่าสุดอีก 8.5 MW)
(+) TFG จากมมุมองต้นทุนอาหารสัตว์ในปี 2017 ที่คาดจะทรงตัว-ลดลงเล็กน้อยจากปี 2016 ในส่วนของราคาข้าวโพด และในส่วนของวัตถุดิบนำเข้าทั้งกากถั่วเหลืองและข้าวสาลีคาดบริษัททำสัญญาระยะยาวจนถึงเดือน ก.ค. ทำให้ความเสี่ยงด้านนี้จำกัด อีกทั้งก่อนหน้านี้ประมาณการของเราค่อนข้างอยู่ในเชิงอนุรักษ์นิยมโดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2017 ไว้เพียง 13.8% ในขณะที่ 2Q16 และ 3Q16 ทำได้สูงถึง 15.8% และ 17.6% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่เริ่มเห็นผล เรามีการปรับประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นมาที่ 15.5% เพื่อสะท้อนมุมมองต้นทุนและอัตรากำไรขั้นต้นที่ยืนได้ในระดับสูงใน 2Q16-3Q16 เราปรับกำไรหลักปี 2017 ขึ้น 20% มาอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท ราคาเป้าหมายปรับขึ้นมาที่ 7.85 บาท (จาก 6.50 บาท) และยังคงคำแนะนำ ซื้อ
(+) SPALI คาดกำไรของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดโต 15% ในปี 2017 นี้ และโตอีก 12% ในปี 2018 ซึ่งมากกว่ากลุ่มฯที่คาดเติบโตแบบเลขหลักเดียว ซึ่งได้ปัจจัยหนุนผลประกอบการจาก backlog ที่มีกว่า 36,000 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2017 นี้ คาดมีคอนโดสร้างเสร็จพร้อมโอนกว่า 16,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 52%YoY) ซึ่งมียอดจองซื้อแล้วสูงเฉลี่ย 70% และคาดจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้อีกกว่า 37,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54%YoY สำหรับการเติบโตในอนาคต คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาท
(+) BANPU ประกาศเข้าทํารายการซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 10.24 ในแหล่งก๊าซธรรมชาติแห่งหนึ่งในบริเวณแหล่งก๊าซธรรมชาติ Marcellus shale ในมลรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีมูลค่าการลงทุนจํานวน 63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเทียบเท่าประมาณ 2,230 ล้านบาท เรามองว่าดีลนี้เป็นดีลที่น่าสนใจเนื่องจากการลงทุนถูกกว่าดีลที่แล้วถึงประมาณ 33% ขณะที่การดำเนินงานคาดว่าจะเริ่มได้เลยตั้งแต่วันแรก แม้ว่าผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทจะค่อนข้างจำกัดในระยะสั้น แต่เรามองว่าระยะยาวน่าจะทำให้ภาพโดยรวมน่าสนใจ ในด้านของเงินทุนเราเชื่อว่าจะไม่เกดิปัญหาเนื่องจากมีเงินจากการออก IPO BPP รองรับ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 23 บาท
ปัจจัยที่มีผล
(*) กลต.เผย บริษัทฯใน และ นอกตลาด ผิดนัดชำระคืนหุ้นกู้-ตั๋ว B/E ในรอบ 12 เดือน แค่ 0.03% (ที่มา กลต.)
(+) ปธน.จีน ร่วมประชุม World Economic Forum (WEF) เริ่ม 16 มค. / คาดสุนทรพจน์สร้างแรงหนุนต่อค่าเงินหยวน แข็งค่า ขณะ ที่ ค่าเงินดอลล์สหรัฐฯมีโอกาสอ่อนค่าระยะสั้น หลังการขึ้นรับตำแหน่ง ปธน.ทรัมป์ (วันศุกร์นี้) ที่มา ASEPEN
(0) อังคาร เยอรมนี ZEW index expectation คาด 16 จาก 13.8, UK CPI (ที่มา Bloomberg)
(+) พุธ US Consumer prices ธค. คาด +0.3% จาก +0.2% m-m. US Core CPI ธค. คาด +0.2% คงที่, US Industrial production ธค. คาด +0.7% จาก -0.4% m-m. เยอรมนี HICP inflation ธค. คาด 1.1% คงที่ ส่วน Core HICP คาด +0.9%, มาเลเซีย CPI คาด +1.7% จาก +1.8% y-y. (ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส US Housing starts คาด +1195k จาก 1090k., ประชุมธนาคารกลางยุโรป คาด deposit rate -0.4% คงที่ ส่วน refi คงที่ 0%. ประชุมธนาคารกลางมาเลเซีย คาดคงดอกเบี้ย 3% ธนาคารกลางอินโดนีเซียคาด คงดอกเบี้ย 4.75% (ที่มา Bloomberg)
(+) ศุกร์ จีน GDP 4Q16 คาด +6.7% คงที่,จีน Industrial production ธค. คาด +6.1% จาก 6.2%, UK Retail sales, ไต้หวัน ส่งออก ธค.คาด 10.7% จาก 7% (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค