WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

 FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน                                            

ลุ้น SET ปรับตัวลงต่อ ให้เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นทยอยซื้อได้...                 

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มแกว่งตัวด้านลบเป็นหลัก แม้จะผันผวนในลักษณะทรงตัวได้ โดยมีจังหวะขยับบวกเล็กน้อยในช่วงต้นภาคบ่ายด้วย แต่ก็บวกเพียงเล็กน้อย และยังย้อนปิดลบอีก ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ก็ปิดสิ้นวันเป็นลบ คาดว่าเพราะนักลงทุนยังรอดูความชัดเจนของนโยบายประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.นี้ รวมทั้งรอติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันจากที่ประชุม OPEC, Non-OPEC ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ด้วย                                                                                                                                                          

  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ จากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเริ่มกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ(Brexit) ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดเป็นลบต่อ ส่วนตลาดหุ้นบ้านเรายังมีแรงขายช่วงบวกคอยกดดัน ทำให้ FSS คาดว่า SET มีสิทธิที่จะยังแกว่งตัวลดลงต่อเนื่องอีกสักระยะ ก่อนลุ้นกลับไปขยับบวกขึ้นใหม่ในช่วงถัดไป นอกจากนี้ที่ระดับดัชนีปัจจุบันถือว่าตลาดมี upside จากระดับดัชนีตามพื้นฐานที่เราคาดไว้ค่อนข้างจำกัดด้วย                                                                                                                                                      

  กลยุทธ์ : ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ปรับลงดีกว่า                                                                                                                                                         

  แนวรับ  1570-1566 , 1563-1560 จุด                                                                                                                                                       

  แนวต้าน  1574-1577 , 1580-1583 จุด                                                                                                                                                    

  หุ้นเด่นทางเทคนิค : MTLS, KAMART, CPN(short)                                                                                                                                                  

  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$483ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$284ล้าน ไต้หวัน US$191ล้าน และไทย US$27ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนามประเทศเดียว US$1.4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค  นักลงทุนติดตามรายละเอียด Brexit วันนี้และการแถลงนโยบายของ Trump ในวันที่ศุกร์นี้                 

                                                                                                                                                               

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น                                                                                                                                           

(-) วันนี้ตลาดจับตาฝั่งอังกฤษ นางเทเรซา เมย์ นายกฯอังกฤษจะแถลงรายละเอียดเรื่องการแยกตัวออกจาก EU ซึ่งคนส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็นการแยกตัวอย่างเด็ดขาดและส่งผลกระทบรุนแรง (Hard Brexit) ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าต่ออีก 1% (หลังจากอ่อนค่าแล้ว 20% นับจากการลงประชามติ) ฉุดค่าเงินยูโรเช่นกัน แม้ว่าไม่กระทบค่าเงินบาทมากนักแต่ตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยใหม่ในประเทศมากระตุ้น โอกาสพักฐานจึงมีสูง                                                                                                                                                   

(0) IMF คงประมาณการ GDP โลก ขยายตัว 3.1% ในปี 2016, 3.4% ปี 2017 และ 3.6% ปี 2018 ไม่เปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์เมื่อ ต.ค. 2016 เพราะยังเร็วเกินไปที่จะปรับประมาณการขึ้นโดย IMF ยังรอความสำเร็จของนโยบายทรัมป์                                                                                                                                                             

(0) พรบ.เงินกู้ พศ. 2560 อาจกดดันราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องอีกระยะ เนื้อหาสำคัญคือห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกิน 15% ซึ่งอาจส่งผลลบต่อบรรยากาศการลงทุนในกลุ่มผู้ให้สินเชื่อเงินด่วนอย่าง SAWAD และ MTLS จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการตีความ หาก 15% หมายถึง Flat rate ทั้ง 2 บริษัทไม่กระทบ แต่หากหมายถึง Effective rate กระทบทั้ง 2 บริษัทแต่เรายังคงคำแนะนำซื้อ MTLS (ราคาพื้นฐาน 28.80 บาท) เพราะเชื่อว่าผลกระทบจำกัด บริษัทยังสามารถปรับลดต้นทุนด้านอื่นๆได้                                                                                                                                                    

(+) หุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ยังมีข่าวดีหนุน ปริมาณนำเข้าสินค้า Commodity ของจีนในเดือน ธ.ค. 2016 ยังคงเพิ่มขึ้นได้ดี +3.1% Y-Y ต่อเนื่องจาก พ.ย. 2016 ที่ +4.7% Y-Y สะท้อน demand ที่ดีขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันและถั่วเหลือง แต่การนำเข้าเหล็กและถ่านหินเริ่มลดลง                                                                                                                                                 

(+) SPALI เรายังแนะนำซื้อ คงราคาพื้นฐาน 31 บาท จาก Backlog ที่สูงถึง 3.65 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีนี้ 1.37 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 54% ของเป้ารายได้ของเรา เชื่อว่าบริษัทจะทำได้ตามเป้า ขณะที่การเปิดตัวใหม่ในปีนี้ยังสูงถึง 3.72 หมื่นล้านบาท สำหรับกำไร 4Q16 เราคาด +31% Q-Q, -23% Y-Y ทำให้ทั้งปีโตได้ 10.8% Y-Y และโตต่อในปีนี้อีก 16% Y-Y ปัจจุบันมี PE เพียง 7.6 เท่า คิดเป็น PEG เพียง 0.5 เท่า                                                                                                                                                         

(-) LHBANK รายงานกำไรสุทธิ 4Q16 -11% Q-Q แต่ +36% Y-Y ทำให้กำไรทั้งปี 2016 +63% Y-Y ดีกว่าที่เราและตลาดคาด มาจากสินเชื่อในปี 2016 ที่เติบโตได้ดีกว่ากลุ่มคือ +6.3% Y-Y ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อภาคธุรกิจ ส่วน NPL Ratio อยู่ในระดับต่ำ 1.76% เรามีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปี 2017 ขึ้นอย่างน้อย 20% จากเดิมที่คาดไว้ 2.5 พันล้านบาท ในเบื้องต้นราคาพื้นฐานน่าจะขยับขึ้นมาเป็น 1.80 บาท อิง PBV 1 เท่าเพราะ ROE ยังต่ำเพียง 7-8% แต่ถึงจะปรับเป้าขึ้นแล้ว ราคาหุ้นยังเต็มมูลค่า แนะนำขาย                                                                                                                                                 

                                                                                                                                                               

ปัจจัยที่ต้องติดตาม                                                                                                                                              

17 ม.ค.   - จีน: 4Q16GDP, Industrial production (ธ.ค.),ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)                                                               

                - ยูโรโซน:ZEW Survey Expectations (ม.ค.)                                                                                                                                     

18 ม.ค.   - สหรัฐ:เงินเฟ้อ (ม.ค.)                                                                                                                          

                - ยูโรโซน:เงินเฟ้อ (ม.ค.)                                                                                                                                       

19 ม.ค.   - ECBประชุม                                                                                                                        

                - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม                                                                                            

                - สหรัฐ:Housing start & building permits (ธ.ค.)                       

20 ม.ค.   - จีน:4Q16 GDP, Industrial Production, Retail sales (ธ.ค.)                                                        

                - สหรัฐ: Trump เข้ารับตำแหน่งปธน.คนที่ 45 อย่างเป็นทางการ    

21-22 ม.ค.             - OPEC ประชุมติดตามผลเรื่องการลดการผลิต          

23 ม.ค.   - ไทย:ยอดขายรถ (ธ.ค.)                                                                                                                                      

24 ม.ค.   - ยูโรโซน:Markit Eurozone Manufacturing PMI (ม.ค.)               

25 ม.ค.   - เกาหลีใต้:4Q16 GDP                                                                                                       

                - ไต้หวัน: 4Q16 GDP                                                                                                                          

                - สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ธ.ค.)                                                                                                                                         

                                                                                                                                                               

(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์            

(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบโดยนักลงทุนกังวลต่อแผนการ Brexit รวมถึงการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในช่วงปลายสัปดาห์นี้                                                                                                                                                           

(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมโดยนักลงทุนจับตาดูถ้อยแถลงของนายกฯอังกฤษเกี่ยวกับแผนการ Brexit รวมถึงการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในสุดสุปดาห์นี้                                                                                                                                                     

(0) ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งทรงตัวได้ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.38-35.50 บาท/ดอลลาร์                                                                                                                                                            

(0) น้ำมันดิบตลาด NYMEX ปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์                                                                                                                                                  

ทองคำตลาด COMEX ปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์                                                                                                                                                           

Contact person : Somchai Anektaweepon                                                                                                                                                                                                                             

Register : 002265                                            Tel: 02-646-9967, 02-646-9852                                                                                                                                                                                                                                              

www.fnsyrus.com                                             FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch                                                                                                   

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!