- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 17 January 2017 18:08
- Hits: 2550
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้แกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,567-1,575 จุด หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร/ อาหาร/ อสังหาฯ ปรับฐาน แต่ได้กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน / ปิโตรเคมี ช่วยประคองภาพรวม ปิดตลาด SET INDEX อยู่ที่ 1,571.80 จุด ลบเพียง 3.44 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 49,058 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 เพียง 940 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 1,430 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 7,226 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ทุกตลาดในสหรัฐฯ ปิดทำการคืนวานนี้
- ติดตามการประกาศงบ 4Q59 ของ TMB หลังปิดตลาดเช้าวันนี้
- ติดตามการแถลงแนวทาง Brexit ของนายกฯ อังกฤษวันนี้
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก (วันที่ 10)
ทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันนี้คาดว่าแกว่งแคบเช่นเดิม 1,565-1,575 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรติดตามการทยอยประกาศงบ 4Q59 ของกลุ่มธนาคารตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยเราให้น้ำหนักกับคุณภาพสินทรัพย์ ทั้ง NPLs และ Coverage Ratio ที่สะท้อนถึงภาระการตั้งสำรองในปี 2560 จะกลับสู่ภาวะปกติอย่างที่เราคาดการณ์ได้หรือไม่
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ เราคาดว่านักลงทุนทั่วโลกต่างรอฟังการปราศรัยครั้งแรกของว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump หลังเข้าพิธีสาบานตนวันที่ 20 ม.ค. ทำให้กิจกรรมต่างชาติชะลอทั่วโลกทั้งตลาดหุ้น / สินค้าโภคภัณฑ์ / ตลาดตราสารหนี้ ดังจะเห็นได้จากสินทรัพย์เหล่านี้แกว่งในกรอบแคบ เช่นเดียวกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
เราประเมิน SET INDEX จะพักฐานในช่วง 2-3 วันนี้เท่านั้น หลังการปราศรัยแรกของ Trump เชื่อว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะกลับมาหนาแน่น ภาวะการลงทุนกลับมาสดใส
กลยุทธ์หลักยังคงเป็น "ขึ้นแรงขาย ย่อตัวลงซื้อ" โดยการพักฐานในช่วงนี้กลายเป็นจังหวะของการเข้าทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายต่อเนื่อง
Daily Pick
1. เก็งกำไร TRC : ราคาปิด 1.56 บาท ราคาเหมาะสม 1.80 บาท
a) MBKET คาดว่า SET INDEX ที่เข้าสู่การพักฐานระยะสั้น เนื่องจากเงินทุนต่างชาติชะลอตัวเพื่อรอดูการแถลงของโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งจะรับตำแหน่งประธานาธิปดีสหรัฐฯในวันที่ 20 ม.ค. จะส่งผลให้หุ้นขนาดกลาง-เล็ก เคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด
b) มีปัจจัยบวกระยะสั้นรออยู่ คือผลประกอบการ 4Q59 ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต +28% qoq เป็น 90 ล้านบาท และเป็นจุดสูงสุดของปี 2559
c) Catalyst สำคัญในปี 2560 คือ คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญาโครงการอาเซียนโปแตซมูลค่างานสูงถึง 32,664 ล้านบาท และการประมูลงานท่อก๊าซเส้นที 5 มูลค่างาน 35,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า TRC จะได้งานบางส่วน เนื่องจากการประมูลแบ่งเป็นหลายสัญญาและมีการประมูลต่อเนื่องตลอดทั้งปี
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$234 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$139 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 แต่ไม่หนาแน่น
นักลงทุนต่างชาติ คงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 เท่ากับ 940 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 2,298 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 10,024 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิลดลงเป็น 7,725 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 1,430 สัญญา คาดเป็นการทยอยเปิดสถานะ Long เนื่องจาก S50H17 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เท่ากับ 1.35 จุดจากวันก่อนหน้าปิด Premium เท่ากับ 0.17 จุด ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิขยับขึ้นเป็น 14,120 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 7,226 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 12,212 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเพียง 0.25bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 2.18bps ปิดที่ 2.712%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 536 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 404 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 44 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 46 หลักทรัพย์NVDR Movement
NVDR กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ ลดน้ำหนักกระจายกลุ่ม
การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาขายสุทธิ 242 ล้านบาท จาก 8 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 18,592 ล้านบาท NVDR ลดน้ำหนักกลุ่มพลังงาน 160 ล้านบาท กลุ่ม ICT 116 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง 94 ล้านบาท แม้ว่าจะสะสมกลุ่มปิโตรเคมีเด่น 276 ล้านบาท และกลุ่มธนาคาร 121 ล้านบาท ก็ตาม
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ว่าที่ประธานาธิบดีอาจขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ของเยอรมัน 35%: นาย Donald Trump ส่งสัญญาณเตือนผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมันอาจเผชิญกับภาษีนำเข้า Border Tax 35% ของยานยนต์ที่นำเข้าไปขายในสหรัฐฯ หรือแม้ว่าค่ายรถยนต์เยอรมันไปตั้งฐานการผลิตที่เม็กซิโก เพื่อผลิตและขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ก็จะเผชิญกับภาษี Major Border Tax เช่นกัน
ยุโรป
อิตาลีถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ: DBRS ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงจาก A (Low) เป็น BBB (High) ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของสถาบันการเงินในอิตาลีจะต้องสูงขึ้นหากกู้เงินกับ ECB และใช้พันธบัตรอิตาลีค้ำประกันเงินกู้ ทั้งนี้ความเสี่ยงต่อการผลักดันให้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญและแผนปฎิรูป
นโยบาย BoE ปีนี้จะให้น้ำหนักกับการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก: ประธานธนาคารกลาง BoE จะมีการติดตามการบริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญ หากอยู่ในเกณฑ์ที่ดีย่อมมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ภายใต้เศรษฐกิจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะเติบโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา
จีน
กองทุนบำเหน็จบำนาญของจีนมีแผนลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น: China Investment Corporation (CIC) มีแผนเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ มากขึ้น จากผลตอบแทนในตลาดจีนที่ต่ำ โดยจะลงทุนผ่าน private equity และ hedge fun รวมถึงลงทุนทางตรง เพื่อชดเชยกับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดโลกที่ต่ำหรืออัตราดอกเบี้ยที่ติดลบ รวมถึงอาจลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ และภาคอุตฯ ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของ Trump
ผู้นำจีนเชื่อมั่นเศรษฐกิจจีนจะยังรักษาระดับการเติบโตได้: นาย Xi Jinping ประธานาธิบดีของจีน ยืนยันเศรษฐกิจจีนจะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและรักษาระดับการเติบโตถึงแม้ว่าจะเผชิญกับแรงต่อต้านก็ตาม ปี 2559 เติบโต 6.7% ที่ต่ำกว่าเป้าหมาย แต่เป็นผลจากสถานการณ์ระหว่างประเทศบางประการ นโยบาย Protectionism, Populism และ De-Globalization มีทิศทางที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกขาดการประสานงานร่วมมือระหว่างกัน
IMF ปรับประมาณการเศรษฐกิจจีนขึ้น: IMF ปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ของจีนขึ้น 0.3% เป็น 6.5% เพราะคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ 9M59 เศรษฐกิจเติบโต 6.7% อยู่ในกรอบของรัฐบาลที่ 6.5-7.0% แต่ความเสี่ยงที่จะเติบโตในอัตราเร่งขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นสำคัญ ภายใต้การปล่อยสินเชื่อที่อยู่ในระดับสูง ตลาดอสังหาฯ ร้อนแรง รวมถึงเงินทุนไหลออก จะเป็นปัญหาที่กดดันจีน
เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารกลางรัสเซียให้น้ำหนักกับเงินเฟ้อมากกว่าความเสี่ยงของนโยบาย Trump / Brexit: รองผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซีย ให้ความเห็นถึงความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจรัสเซียคือ อัตราเงินเฟ้อ มากกว่านโยบายของว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump รวมถึง Brexit เศรษฐกิจรัสเซียขึ้นอยู่กับงบประมาณของรัฐบาล และนโยบายการเงินของธนาคารกลางเป็นสำคัญที่จะสร้างเสถียรภาพและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
ธนาคารกลางอินเดียผ่อนคลายการถอนเงินสดจากสถาบันการเงิน: ธนาคารกลางอินเดีย ได้ผ่อนคลายเพดานการถอนเงินสดจากเครื่อง ATM และบัญชีกระแสรายวันเป็น 10,000 รูป ต่อวัน จากเดิม 4,500 รูปี แต่ตลอดทั้งสัปดาห์จะถอนได้ไม่เกิน 24,000 รูปีเช่นเดิม ส่วนการถอนเงินจากบัญชีกระแสรายวันเพิ่มเพดานการถอนเงินได้ไม่เกิน 100,000 รูปี/สัปดาห์ จากเดิม 50,000 รูปี/สัปดาห์
โอเปคคาดตลาดน้ำมันจะมีเสถียรภาพในปีนี้: เลขาธิการกลุ่มโอเปค ประเมินว่าตลาดน้ำมันดิบจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในปีนี้ หลังกลุ่มโอเปคและนอกกลุ่มโอเปคทยอยลดกำลังการผลิตในปีนี้ ภายใต้ภาพรวมเศรษฐกิจที่จะดีขึ้น พร้อมประเมินราคาน้ำมันดิบจะขยับขึ้นเป็น US$70/barrel ใน 2-3 เดือนข้างหน้า
ไทย
รฟม.ประกาศผลผู้มีสิทธิเสนอราคาประมูลรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง 17 ก.พ.: ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางพร้อมกันคือ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ มีระยะทาง 148 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 24,842 ล้านบาท และ ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ มีระยะทาง 132 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 29,853 ล้านบาท ส่วนอีก 3 เส้นทางด้านใต้ได้แก่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169 กิโลเมตร วงเงิน 19,271 ล้านบาท, ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กิโลเมตร วงเงิน 9,990 ล้านบาท และ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 16,500 ล้านบาท รวมมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท การรถไฟฯจะเปิดให้เอกชนยื่นซองประมูลราคาทั้ง 5 เส้นทางในวันที่ 3 ก.พ. 60 และ 17 ก.พ.60 จะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติและด้านเทคนิคที่จะเป็นผู้เสนอราคาด้วยวิธีอิเล็กทรกนิกส์ (e-Auction) ที่กำหนดในวันที่ 1 มี.ค.60 และคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในปลายมี.ค.60
เตรียมยื่นไฟลลิ่ง Thailand Future Fund เดือนมี.ค.: นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) คาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ได้ในเดือน มี.ค. 2560 ปัจจุบันอยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดขั้นสุดท้าย ซึ่งสินทรัพย์ที่จะนำมาจัดตั้งกองทุนเป็นสินทรัพย์ประเภททางด่วน มูลค่ากองทุนเบื้องต้นราว 4-5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันได้ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นผู้พิจารณาเลือกสินทรัพย์ ให้เหลือ 1 ทางด่วน จาก 3 ทางด่วน ได้แก่ เส้นบูรพาวิถี,ทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา,ดาวคะนอง โดยให้เลือก 1 เส้นทาง วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อจะนำที่ได้ไปใช้ก่อสร้างก่อสร้างทางด่วนพระราม 3- ดาวคะนอง ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง นอกจากนี้ สคร.จะพิจารณาสินทรัพย์ประเภทมอเตอร์เวย์ที่จะนำขายเข้ากองทุนในระยะต่อไปในปีนี้ ทั้งนี้ เพื่อนำเงินไปลงทุนในโครงการคมนาคมอื่นๆ ตามแผนของรัฐบาล โดยปัจจุบันเส้นมอเตอร์เวย์ที่จะนำเข้ากองทุนระยะต่อไป ได้แก่ เส้นมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 กับหมายเลข 9 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst