- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 16 January 2017 16:35
- Hits: 1484
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังทรงตัวได้ แต่ก็มีแรงขายกดดัน ทำให้ยังมีลุ้นปรับพักตัวลง
ตลาดหุ้นวานนี้ : เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้ว่า SET จะขยับบวกได้อีก โดยเฉพาะในช่วงท้ายตลาด แต่ก็มีแรงขายกดดันให้ดัชนีผันผวนอยู่ตลอดวัน เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่ค่าเงินบาทก็เริ่มอ่อนตัวเล็กน้อย รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ปรับตัวลดลงด้วย โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังต้องการรอติดตามผลประชุม OPEC, Non-OPEC และรอฟังการแถลงเข้ารับตำแหน่งของ ปธน.สหรัฐคนใหม่ในช่วงปลายสัปดาห์นี้อีกครั้ง
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวค่อนข้างผันผวนในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะปิดทรงตัวแคบในด้านลบ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมายังค่อนข้างไร้ทิศทาง เพราะแม้ว่าตัวเลข PPI จะเพิ่มขึ้นตามคาด แต่ยอดค้าปลีกกลับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังมีแรงขายกดดันให้อ่อนตัวลงต่อ ซึ่งคาดว่าน่าจะกดดันต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ หลังจากดัชนีขยับขึ้นมาแรงพอควรแล้วในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า และสัปดาห์ที่แล้วเราเริ่มเห็นแรงขายออกมากดดันให้ SET มีจังหวะผันผวนมากขึ้นด้วย ดังนั้น FSS ยังคาดหมายว่า SET มีแนวโน้มที่จะยังปรับพักตัวลงอีกสักระยะ ก่อนลุ้นกลับไปขยับบวกขึ้นใหม่ในช่วงถัดไป
กลยุทธ์ : เราจึงยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ปรับลงเช่นเดิม
แนวรับ 1570-1566 , 1563-1560 จุด
แนวต้าน 1578-1583 , 1586-1590 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : EPG, BEM, SGP(buy back)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$139ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$108ล้าน และไทย US$28ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวันประเทศเดียว US$30ล้าน แนวโน้มกระแสเงินมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค นักลงทุนกลับมากังวลต่อแผน Brexit ซึ่งนายกฯอังกฤษจะแถลงในวันพรุ่งนี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) นายทรัมป์เตรียมเข้ารับตำแหน่งปธน.คนที่ 45 อย่างเป็นทางการ 20 ม.ค. นี้ สัปดาห์นี้ Asset class ทุกชนิดจะผันผวนอีกครั้ง ในช่วงต้นสัปดาห์ตลาดกลับมากังวลกับ Brexit กันอีกครั้ง และในช่วงปลายสัปดาห์ นักลงทุนยังรอดูความชัดเจนของนโยบายเศรษฐกิจที่นายทรัมป์แทบไม่ได้พูดถึงในวันแถลงข่าวพุธที่ผ่านมา และยังมีการประชุม ECB ในวันพฤหัส และวันศุกร์มีรายงาน GDP 4Q16 ของจีน รวมถึงผลประกอบการของธนาคารในบ้านเราตลอดทั้งสัปดาห์ สำหรับค่าเงินบาทที่แข็งค่ามีตลอดทั้งสัปดาห์ก่อน สัปดาห์นี้มีโอกาสกลับไปอ่อนค่าได้หากทรัมป์มีท่าทีแข็งกร้าวต่อนโยบายเศรษฐกิจเหมือนในช่วงหาเสียงและตัวเลขเศรษฐกิจจีนไม่เป็นไปตามคาด
(0) กลุ่มธนาคารทยอยประกาศผลประกอบการสัปดาห์นี้ เราเชื่อว่าราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารสะท้อนผลกำไรใน 4Q16 และปี 2016 ไปมากแล้ว แม้ปี 2017 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวทั้งการขยายสินเชื่อและผลกำไรของธนาคาร แต่การเติบโตจะอยู่ใน 2H17 ขณะที่ความกังวลเรื่องการตั้งสำรองที่สูงน่าจะยังมีอยู่ในตลาดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ประกอบกับมักเกิด sell on fact หลังประกาสผลประกอบการ ภาพรวมทั้งกลุ่มเราจึงแนะนำซื้ออ่อนตัว หุ้นที่เราชอบสุดยังคงเป็น TISCO (ราคาพื้นฐาน 72 บาท)
(+) PDG ผลประกอบการ 4Q16 มีโอกาสสร้าง All Time High ตามการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นเกือบแตะ 75% สูงสุดตั้งแต่ทำธุรกิจมา โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อขวดน้ำมันพืชของกลุ่ม TVO การได้ลูกค้ารายใหม่ และคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของลูกค้ารายเดิม ขณะที่การบริหารต้นทุน PET ยังทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE เพียง 12 เท่า เราคาดว่าบริษัทจะจ่ายปันผลงวด 2H16 0.20 บาท/หุ้น คิดเป็น yield สูงถึง 4.6% จึงยังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 5.30 บาท
(-) LPN เราเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่ผลประกอบการยังไม่ bottom ในปีนี้ แต่น่าจะเป็นปี 2018 เพราะนอกจาก Backlog ที่เหลือไปโอนในปี 2018 จะน้อยมากแล้ว โครงการใหม่ล่าสุดที่จะเปิด 2 โครงการและกำลังจะเปิดตัวอีกหลายโครงการในปีนี้ น่าจะไปโอนปี 2019 เป็นต้นไป ขณะที่สต็อกคอนโดที่สร้างเสร็จพร้อมขายส่วนใหญ่จะขายได้ในปีนี้ เหลือส่วนน้อยในปีหน้า กำไรสุทธิที่เราคาดในปี 2017 ที่ 2.02 พันล้านบาท -14% น่าจะลดลงต่อเนื่องในปี 2018 และเป็นอัตราการเติบโตติดลบติดต่อกัน 3 ปี ราคาหุ้นปัจจุบันคาดหวังกับการฟื้นตัวในปี 2018 มากเกินไป เราแนะนำขาย switch เข้า SPALI (ราคาพื้นฐาน 31 บาท) หรือ PACE (ราคาพื้นฐาน 4.30 บาท)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
16 ม.ค. - สหรัฐ:ตลาดหุ้นปิดทำการ วัน Martin L. King Day
17 ม.ค. - จีน: 4Q16GDP, Industrial production (ธ.ค.),ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
- ยูโรโซน:ZEW Survey Expectations (ม.ค.)
18 ม.ค. - สหรัฐ:เงินเฟ้อ (ม.ค.)
- ยูโรโซน:เงินเฟ้อ (ม.ค.)
19 ม.ค. - ECBประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ:Housing start & building permits (ธ.ค.)
20 ม.ค. - จีน:4Q16 GDP, Industrial Production, Retail sales (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Trump เข้ารับตำแหน่งปธน.คนที่ 45 อย่างเป็นทางการ
21-22 ม.ค. - OPEC ประชุมติดตามผลเรื่องการลดการผลิต
23 ม.ค. - ไทย:ยอดขายรถ (ธ.ค.)
24 ม.ค. - ยูโรโซน:Markit Eurozone Manufacturing PMI (ม.ค.)
25 ม.ค. - เกาหลีใต้:4Q16 GDP
- ไต้หวัน: 4Q16 GDP
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดผสมหลังจากประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาหลายตัว โดย NASDAQ ยังปิดทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกได้โดยนักลงทุนตอบรับเชิงบวกกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนมาในแดนลบโดยค่าเงินปอนด์อ่อนค่ากว่า 1% รับการที่สหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรป
(0) ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าลงอีกเล็กน้อยหลังจากที่แข็งค่าขึ้นมาตลาดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.38-35.50 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 0.64 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 52.37 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยภาพรายสัปดาห์ถือเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ จากความกังวลเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตของ OPEC และทิศทางเศรษฐกิจจีน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 3.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,196.20 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นหลังจากประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีกว่าคาด
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch