- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 13 January 2017 18:18
- Hits: 8812
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
พักฐานตามตลาดโลก
วันนี้คาดดัชนีฯ พักตัวสร้างฐาน บริเวณแนวรับระยะสัปดาห์ที่ 1,560 +/- 5 จุด ถ้อยแถลงประธานเฟดหลายสาขาออกมาแสดงคาวมเห็นเชิงรุกต่อเศรษฐกิจอเมริกา คาดส่งผลให้ตลาดวิตกรายวันด้านเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย คงแนะเลือกลงทุนเป็นรายตัว บริเวณแนวรับเพื่อลุ้นดีดตัวในสัปดาห์หน้าเพื่อทดสอบแนวต้านระยะเดือนที่ 1,600 จุด
เมื่อวานนี้ ECB ยังคงส่งสัญญาณผ่อนคลาย จากรายงานการประชุม ประจำวันที่ 8 ธ.ค. แต่ไม่ได้สร้างความประหลาดในเชิงบวกให้กับตลาด โดย ECB มีมติขยายเวลาสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นปี 2017 ขณะที่ลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากระดับ 8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน สู่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร
แนวโน้มสัปดาห์นี้ คาดสร้างฐานบริเวณ 1,560 +/- 5 จุด เพื่อรอจังหวะขึ้นต่อ ทะลุแนวต้านสั้น 1,575 จุด (แนะเลือกลงทุนรายตัวตราบใดที่ไม่หลุด 1,560 +/-) แนวต้านระยะสัปดาห์ 1,600 จุด ปัจจัยหนุนจะมาจาก (1) แนวโน้มการพักเงินไว้ในภูมิภาค เพื่อเก็งกำไรการแข็งค่าของค่าเงินหยวน จากนโยบายจีนสกัดเงินทุนไหลออกผ่านการใช้มาตรการค่าเงินหยวนแข็งค่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ ปี 2005 โดยค่าเงินภูมิภาคและค่าเงินบาท แข็งค่าหลังจาก จีนปรับขึ้นค่ากลางเงินหยวน 0.9% (6 มค.) เป็น 6.8668 CNY/US$ (2) ตัวเลขเศรษฐกิจโลกคาดส่งผลบวก/ลบ คละกัน โดยตัวเลขส่งออกภูมิภาค จีน ฟิลิปปินส์ แย่ลง แต่ US Retail sale ดีขึ้น และ เงินเฟ้อ, ดัชนี Industrial production ยุโรป คาดดีขึ้น (3) ประชุมธนาคารกลางยุโรป (Minute) และ เกาหลีใต้ คาดเดินนโยบายผ่อนคลายต่อเนื่อง
ระยะเดือน มค. คาดมีโอกาสที่จะเกิด January effect เหมือนกับปี 2012-13 และ 2015 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นในช่วงเดือน มค.อิง (1) แรงซื้อคืนจาก นลท.ต่างชาติ...โดยแรงขายคาดว่าจะจำกัดอิงสัดส่วนถือครองหุ้นไทยที่ 29% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 32% (2) ตัวเลขเศรษฐกิจภูมิภาคช่วงต้นปี คาดโมเมนตั้มยังดีต่อเนื่อง-จากปลายปี
ส่วนข่าวลบ วิตกเม็ดเงินไถ่ถอนหน่วยลงทุน LTF ที่คาดว่าจะกดันหุ้นไทยเดือน มค. คาดว่าจะกระทบหุ้นไทยจำกัดเพราะ (1) เม็ดเงินซื้อ LTF สุทธิปี 2013 คิดเป็นประมาณ 8% ของ NAV (หรือคิดเป็นเพียง 2 หมื่นกว่าลบ.เท่านั้น จากที่ BLS รวบรวม) และ อิงข้อมูลการไถ่ถอนหน่วยฯ ย้อนหลัง 3 ปี พบว่าการขายหน่วยจะกระจายหลายเดือน ไม่ได้กระจุกตัวในเดือน มค.เพียงเดือนเดียว (2) ระดับผลตอบแทนหุ้นไทยปี 2013 เทียบ ณ.ปัจจุบันเฉลี่ยเพียง 8% ซึ่งไม่ได้ให้ผลตอบแทนสูงเหมือนรอบ ปี 2012 และครบกำหนดปี 2016 ที่ให้ผลตอบแทนถึง 22% / กกร. และสภาอุตฯ ประเมินผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ ไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาท
หุ้นแนะนำวันนี้ TRITN เก็งกำไรทางเทคนิค แนวรับ 0.50 บาท / แนวต้าน 0.58-0.65 บาท / Stop loss 0.48 บาท; คาดการประกาศงาน รับเหมาก่อสร้างท่อขนส่งน้ำมันของ FPT มูลค่า 3.3 พันล้านบาท จะสร้างความประหลาดใจเชิงบวกต่อตลาด
ASEFA จากประเด็นการพบผู้บริหารฯ (แนวรับ 7.8 บาท / แนวต้าน 8.5-8.8 บาท / Stop loss 7.5 บาท)
รายงานวันนี้
(+) ASEFA เรามีมุมมองเป็นกลาง-บวก หลังจากการพบผู้บริหาร เราคงมุมมองตามรายงาน Small-Cap Playbook วันที่ 22 ธ.ค. 2016 ว่า กลุ่มงานวิศวกรรมติดตั้งสายไฟฟ้า/เคเบิ้ล จะโดดเด่นในปี 2017 นี้ เบื้องต้นประเมินว่าการเติบโตของบริษัทในปี 2017 นี้ จะอิงไปกับ 1) อุตสาหกรรมก่อสร้างและการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นตามเศรศฐกิจ 2) งบการลงทุนในสายไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต/ภูมิภาค/นครหลวง เป็นจำนวนมาก บริษัทเป็นผู้ผลิตตู้ไฟฟ้า (switchboard) รายใหญ่ของประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ขายสินค้าให้กับโครงการ สายไฟฟ้าใต้ดิน สุโขทัย โคราช คาดบริษัทมีโอกาสในการขายสินค้างานสายไฟฟ้าใต้ดินเพิ่มเติมในอนาคต 3) คาด backlog สิ้นปี 2016 ที่จะยกมารับรู้รายได้ในปี 2017 มีสูงถึง 1,700 ล้านบาท ตามการรับงาเพิ่มเข้ามา ซึ่งมากกว่า backlog สิ้นปี 2015 ที่มีราว 1,450 ล้านบาท ถึง 15% คาดรายได้ในปี 2017 มีโอกาสเติบโตราว 15%YoY อย่างไรก็ดีอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 25% ซึ่งหนุนให้กำไรเติบโตราว 40%YoY ในช่วง 9M16 (ปี 2015 มาร์จิ้นราว 20%) คาดโอกาสที่มาร์จิ้นจะสูงขึ้นจำกัด ดังนั้นคาดผลประกอบการปี 2017 มีโอกาสจะเห็นภาพการเติบโตตามรายได้เป็นหลัก สำหรับปัจจัยหนุนราคาหุ้นระยะสั้นคาดมาจาก กำไร 4Q16 ที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลการส่งมอบงานใน backlog
(+) GLOW จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมาตามประเด็นการปรับลดกำลังการผลิตของ OPEC ส่งผลให้ต้นทุนแก๊สอยู่ในเทรนขาขึ้น ทำให้เราเชื่อว่า GLOW น่าจะได้รับประโยชน์จากรายได้การขายไอน้ำที่เพิ่มขึ้นและค่า Ft ที่ปรับตัวสูงขึ้น เรามีกาปรรับประมาณการกำไรปี 2017 และกำไรระยะยาวขึ้น 2% ปรับราคาเป้าหมายขึ้นมาอยู่ที่ 93 บาท (จาก 88 บาท) อีกทั้งเรามองว่าช่วงฤดูกาลจ่ายปันผลกำลังใกล้เข้ามา GLOW น่าจะกลับมาได้รับความสนใจเนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 7.3% ดีกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 4.4% และข้อมูลในอดีตยังบ่งชี้ว่าราคาหุ้นมักมีการปรับตัวขึ้นก่อนการอนุมัติจ่ายปันผล เราปรับคำแนะนำขึ้นจาก ถือ เป็น ซื้อเก็งกำไร
(0) กลุ่มอสังหาฯ จากผลสำรวจในกรุงเทพและปริมณฑลจากการสำรวจของ AREA ในเดือนธ.ค. 2559 เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ การเปิดตัวโครงการใหม่ชะลอตัวลง 20% MoM และในแง่ของมูลค่าก็ลดลงเช่นกันที่ 34% MoM ซึ่งหลักๆเป็นผลมาจากการเปิดตัวคอนโดที่น้อยลง ในขณะที่อัตราจองซื้อก็อ่อนตัวลงเช่นกันโดยทำได้เพียง 16% ลดลงจาก 34% ในเดือน พ.ย. อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าภาพอุตสาหกรรมผ่านจุดต่ำสุดในแง่ของกิจกรรมการเปิดตัวไปแล้ว โดยคาดจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วง ม.ค.-มี.ค. 2017 ในขณะที่กลุ่มนี้เทรดกันอยู่ที่ PE เพียง 8.3 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 0.7SD เราเชื่อว่าในระยะสั้นตลาดจะให้ความสนใจบริษัทที่มีการเติบโตที่โดดเด่นใน 4Q16 ซึ่งก็คือ ANAN และ SIRI ในแง่ของยอดจองซื้อ และ AP, ANAN และ SIRI ในแง่ของกำไรที่เติบโตโดดเด่น
(+) กลุ่มธนาคาร เราคาดกำไร 4Q16 ของกลุ่มเติบโตได้ 18% YoY โดยเราคาดกลุ่มธนาคารที่กำไรจะเติบโตได้ดี YoY คือ KBANK (+120% YoY), BBL (+17% YoY), TCAP (+13% YoY), SCB (+9% YoY), KKP (+8% YoY), TISCO (+4% YoY) และ BAY (+3% YoY) หนุนโดยการตั้งสำรอง LLP ที่ต่ำลง และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ในทางตรงกันข้ามเราคาด KTB และ TMB ที่เราคาดกำไรจะลดลง 16% YoY เราเชื่อว่าในปี 2017 กลุ่มธนาคารจะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว, การลงทุนภาครัฐ, เทรนด์การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ย เรายังคงชื่นชอบ SCB และ TISCO ที่สุดในกลุ่ม
ปัจจัยที่มีผล
(+/0) ECB ยังคงส่งสัญญาณผ่อนคลาย จากรายงานการประชุม ประจำวันที่ 8 ธ.ค. มีมติขยายเวลาสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นปี 2017 ขณะที่ลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากระดับ 8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน สู่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร (Bloomberg)
(+) ประธาน เฟด สาขาชิคาโก กล่าวว่า การใช้มาตรการทางการคลังในเชิงรุก รวมทั้งนโยบายอื่นๆ จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐให้มีการขยายตัวแตะระดับ 4% ในระยะสั้น แต่ก็จะเพิ่มความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ นอกจากว่าจะมีการใช้มาตรการอื่นๆเพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพในการผลิต หรือทำให้ตลาดแรงงานมีการขยายตัว (อินโฟเควสท์)
(+) ประธาน เฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังปรับตัวอย่างแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ อัตราเงินเฟ้อกำลังดีดตัวขึ้น และจะแตะระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในปีนี้ หรือปีหน้า (อินโฟเควสท์)
(+/0) ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมวันนี้ (อินโฟเควสท์)
(0) ศุกร์ จีน ส่งออก เดือน ธค. คาด -3.8% จาก -1.6% y-y. ส่วนดุลการค้าเพิ่มขึ้นเป็น US$bn48 จาก 44.2 (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นักวิเคราะห์: ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นักวิเคราะห์: นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน