- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 11 January 2017 17:12
- Hits: 1592
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : Commerce Sector, IT, KSL
Our Portfolio Jan 2017 : EKH, GFPT, HMPRO, KSL, LIT
แม้ SET ดีดกลับขึ้นได้อีก แต่คาดยังมีลุ้นปรับพักให้เป็นโอกาสซื้อใหม่
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET กลับมาแกว่งบวกอีกครั้ง หลังวันก่อนหน้าปรับพักตัวลงบ้างแล้ว ในขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ก็ยังมีลักษณะแกว่งทรงตัวด้านบวกได้ดี แต่ตลาดหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวภายในกรอบเดิมที่ดัชนีขยับขึ้นมาเมื่อสัปดาห์ก่อน และยังมีแรงขายช่วงบวกกดดันให้ผันผวนตลอดทั้งวัน เนื่องจากยังไม่ค่อยมีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนเพิ่ม
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งยังเปิดบวก แม้ว่าเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดลบเล็กน้อย แต่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ยังปิดบวกได้ดีหลังจากที่ในช่วงนี้ค่าเงินดอลลาร์เริ่มชะลอการแข็งค่าลงบ้าง อย่างไรก็ตามSET ขยับขึ้นมาค่อนข้างร้อนแรงพอควรในช่วงตั้งแต่ก่อนปีใหม่ โดยยังไม่ได้มีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนเพิ่ม ซึ่งเราเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรออกมาในช่วง 2 วันก่อนหน้านี้ด้วย ขณะที่ตลาดยังมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ร่วงลงแรงต่อเนื่องอีกกว่า 2% จากรายงานเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งในสหรัฐและอิรัก รวมทั้งยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารของอิตาลีอยู่ นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนยังอาจต้องการรอดูการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนครั้งแรกของ ปธน.คนใหม่ของสหรัฐในค่ำวันนี้ด้วย
กลยุทธ์ : คาด SET ยังมีสิทธิปรับพักลงต่อ ดังนั้นน่ารอเลือกหุ้นทยอยซื้อลบ
แนวรับ 1570-1565 , 1563-1560 จุด
แนวต้าน 1574-1575 , 1580-1590 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : EKH, RS, CENTEL(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$177ล้าน นำโดยไต้หวันUS$103ล้าน เกาหลีใต้ US$56ล้าน และไทย US$29ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$14ล้าน และเวียดนาม US$0.9ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าแต่ชะลอตัวลง นักลงทุนรอการแถลงข่าวจาก Trumpเกี่ยวกับท่าทีต่อนโยบายต่างๆหลังการเข้ารับตำแหน่ง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (-) ราคาน้ำมันร่วง 2% กังวลอุปทานอิรักกระทบข้อตกลง ตลาดยังกังวลต่อการส่งออกน้ำมันของอิรักที่จะเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือน ก.พ. นี้ นอกจากนี้ APIระบุตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรลมากกว่าตลาดที่คาด 1.2 ล้านบาร์เรล เป็นลบต่อหุ้นพลังงานโดยเฉพาะ PTTEP (แนะนำขาย ราคาพื้นฐาน 86.0บาท)
• (+) TISCO นำร่องประกาศงบ 4Q16 เย็นนี้ เราคาดกำไรสุทธิ 4Q16 +5.6% Q-Q,+6.1% Y-Y และน่าจะทำให้กำไรทั้งปี 2016 +18.4% Y-Y หากกำไรออกมาดีไม่น่ามีsell on fact มากนักเพราะยังมี synergy จากการซื้อพอร์ตรายย่อยจาก StanChart และdividend yield 5% ทีรออยู่ข้างหน้า และจะช่วยหนุน sentiment หุ้นในกลุ่มแบงก์ให้ดีขึ้นด้วย TISCO เป็น Top pick ในกลุ่มแบงก์ ราคาพื้นฐาน 72 บาท
• (+) มุมมองกลุ่มค้าปลีกปี 2017 เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุนปีนี้ Overweightเพราะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกำลังซื้อ (รายได้เกษตรกรดีขึ้นตามราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดที่ดีขึน ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้น เป็นต้น) และหลายบริษัทเริ่มขยายสาขาไปในต่างประเทศเพื่อจับโอกาสการเติบโตในอนาคต เราคาดกำไรสุทธิของกลุ่มในปี 2017 +24% Y-Y เร่งตัวขึ้นจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่โตเฉลี่ย 12% Y-Y แต่ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมามากตั้งแต่ปีก่อนถึงปัจจุบันโดย COMM index +39%outperform SET ที่ +22% ทำให้เรา Selective Buy เฉพาะตัวที่ PEG ถูกกว่ากลุ่ม จึงเลือก FN (ราคาพื้นฐาน 10.20 บาท) เป็น Top pick ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PEG 1.4เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่เทรด 1.7 เท่า รองลงมาคือ BJC (ราคาพื้นฐาน 54 บาท) ที่มี PEGเพียง 1 เท่า
• (+) KSL เราปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 8.30 บาทจากเดิม 4.80 บาท จากการเพิ่มกำไรปกติปี 2017 ขึ้น 18% เป็นฟื้นอย่างโดดเด่น +167% Y-Y และโตต่อเนื่อง 13% Y-Yในปีหน้าจากแนวโน้มราคาน้ำตาลที่ยังเป็นขาขึ้นในปีนี้ ทำให้บริษัทสามารถล็อคราคาขายของปีหน้าได้สูงขึ้น แลยังทำให้ธุรกิจต่อเนื่องทั้งโรงไฟฟ้าและเอธานอลดีตามด้วยและทำให้ธุรกิจน้ำตาลที่ลาวและกัมพูชาน่าจะพลิกเป็นกำไรเป็นครั้งแรก และเราได้ reratePE ขึ้นให้สอดคล้องกับกำไรที่โตกว่าเดิม กลับมาแนะนำซื้อ จากเดิมที่ซื้ออ่อนตัว
• (+) IT เราเริ่ม initiate หุ้น IT ด้วยคำแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 4.70 บาท IT เป็นหุ้นturnaround ที่เราคาดกำไรปีนี้ +132% Y-Y จากการปรับกลยุทธ์หลายอย่าง เช่นลดขนาดสาขาให้เหาะกับการแข่งขัน เปิดสาขาใหม่ใน prime area โฟกัสสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงเช่น smart phone และอุปกรณ์เสริม เป็นต้น
• (0) PACE สภาพคล่องทางการเงินในระยะสั้นดีขึ้นมากหลังได้เงิน 8.4 พันล้านบาทหลังเปิดทางให้ผู้ร่วมทุนต่างประเทศ (Apollo Asia Sprint และ Goldman Sachs) เข้ามาถือหุ้นในโรงแรม Bangkok Edition อาคาร Cube และ Sky Observation Deck โดยแลกกับสัดส่วนที่ถือลดลงเป็น 51% ซึ่งทำให้กำไรในปีนี้ลดลงกว่าเดิมที่เราเคยคาด เราอยู่ระหว่างปรับประมาณการและราคาพื้นฐานที่ทำได้เดิม 4.50 บาท แนะนำซื้ออ่อนตัว
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
12 ม.ค. - ยูโรโซน: Industrial Production (พ.ย.)
13 ม.ค. - OPEC และ Non-OPEC ประชุมติดตามผลเรื่องการลดการผลิต
- จีน: ดุลการค้า (ธ.ค.)
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ธ.ค.), คำแถลงของนาง Yellen, เริ่มประกาศผล
การดำเนินงาน 4Q16 นำโดย JP Morgan, Wells Fargo, BofA
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม
16 ม.ค. - สหรัฐ: ตลาดหุ้นปิดทำการ วัน Martin L. King Day
17 ม.ค. - จีน: 4Q16GDP, Industrial production (ธ.ค.), ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ม.ค.)
18 ม.ค. - สหรัฐ: เงินเฟ้อ (ม.ค.)
- ยูโรโซน: เงินเฟ้อ (ม.ค.)
19 ม.ค. - ECB ประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: Housing start & building permits (ธ.ค.)
20 ม.ค. - จีน: 4Q16 GDP, Industrial Production, Retail sales (ธ.ค.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดผสมโดย DJIA ปรับตัวลงเล็กน้อย ขณะที่ NASDAQ ยังทำ New High ได้ต่อเนื่อง โดยนักลงทุนยังคงจับตาดูการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์รวมถึงนโยบายต่างๆ
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดค่อนมาในแดนบวกโดย FTSE 100ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 11 และทำ New High เป็นวันที่ 9 ติดต่อกัน โดยตลาดตอบรับเชิงบวกต่อตัวเลขเศรษฐกิจจีน
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้เล็กน้อยโดยปัจจัยที่นักลงทุนจับตาคือ Press Conference ครั้งแรกของทรัมป์ที่จะเกิดขึ้นวันนี้
(+) ค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50-35.60บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ร่วงลง 1.14 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 50.82 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดยังคาดว่าการปรับลดกำลังการผลิตของ OPEC อาจไม่ส่งผลบวกนักเนื่องจาก Supplyจากที่อื่นที่ปรับตัวขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 0.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,185.50 ดอลลาร์/ออนซ์ แตะระดับสูงสุดในรอบ 6สัปดาห์ โดยนักลงทุนรอดูนโยบายของทรัมป์ที่จะมีการแถลงในวันนี้
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research
